เลือกดาวน์โหลด... ซ้ายมือสำหรับทำรูปแบบหนังสือ ขวามือสำหรับรูปแบบมือถือหรือแผ่นใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ
Choose a download... left for booklet, right for digital or other use.
ภาษาไทย
การอธิษฐาน
Prayer
Prayer
การอธิษฐานคืออะไรและเราควรจะอธิษฐานอย่างไร?
ส่วนที่ 1: การอธิษฐานของพระเยซู (มัทธิว 6:9-13)
1. ถวายเกียรติและนมัสการพระเจ้า
‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ‘
2. จัดลำดับความสำคัญให้พระเจ้าสำคัญกว่าความต้องการของตัวเอง
ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
3. อธิษฐานขอสิ่งจำเป็น แต่อยากขอความร่ำรวย
’ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้’
(ภาษาที่พระเยซูใช้ใกล้เคียงกับ สุภาษิต 30:7-9: ข้าพระองค์ขอสองสิ่งจากพระองค์ ขออย่าทรงปฏิเสธ ก่อนข้าพระองค์ตาย ขอให้ความเท็จและคำมุสาไกลจากข้าพระองค์ ขออย่าประทานความยากจนหรือความมั่งคั่งแก่ข้าพระองค์ ขอทรงเลี้ยงข้าพระองค์ด้วยอาหารที่จำเป็นแก่ ข้าพระองค์ เกรงว่าข้าพระองค์จะอิ่ม และปฏิเสธพระองค์ แล้วพูดว่า “พระยาห์เวห์เป็นใครเล่า?” หรือเกรงว่าข้าพระองค์จะยากจนและขโมย และลบหลู่พระนามพระเจ้าของข้าพระองค์)
4. กลับใจใหม่และขอการให้อภัยจากพระเจ้า
’และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์’
5. ขอการทรงนำของพระเจ้าในโลกแห่งความมืดนี้
’และขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย ’
ส่วนที่ 2: วิธีอธิษฐานที่ผิด:
1. เราไม่ควรจะอธิษฐานถ้ายังไม่กลับใจใหม่
เพราะคนที่ไม่นับถือพระเจ้าจะมีความหวังอะไร เมื่อพระเจ้าทรงตัดเขาออกไปเสีย เมื่อพระเจ้าทรงเอาชีวิตของเขาไป? พระเจ้าจะทรงฟังเสียงร้องของเขา เมื่อความยากลำบากมาถึงเขาหรือ? -โยบ 27:8-9
ถ้าข้าพเจ้าได้บ่มความชั่วไว้ในใจ องค์เจ้านายจะไม่ทรงสดับ -สดุดี 66:18
พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ คือทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง -สดุดี 145:18
แล้วพวกเขาจะร้องเรียกข้า แต่ข้าจะไม่ตอบ พวกเขาจะแสวงหาข้า แต่จะไม่พบข้า เพราะว่าพวกเขาเกลียดความรู้ และไม่เลือกเอาความยำเกรงพระยาห์เวห์ พวกเขาไม่ยอมรับคำแนะนำของข้าเลย แต่กลับดูหมิ่นคำตักเตือนทุกอย่างของข้า -สุภาษิต 1:28-30
พระยาห์เวห์ทรงอยู่ห่างไกลจากคนอธรรม แต่ทรงได้ยินคำอธิษฐานของคนชอบธรรม -สุภาษิต 15:29
ถ้าผู้ใดไม่ฟังธรรมบัญญัติ แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นที่น่าสะอิดสะเอียน -สุภาษิต 28:9
เมื่อพวกเจ้ากางมือของเจ้าออก เราจะปิดตาของเราจากเจ้า แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมาย เราก็จะไม่ฟัง ด้วยมือของพวกเจ้าเต็มด้วยเลือด -อิสยาห์ 1:15
และองค์เจ้านายตรัสว่า “เพราะชนชาตินี้เข้ามาใกล้ด้วยปากของเขา และให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากของเขา แต่ใจของเขาห่างไกลจากเรา เขานมัสการ เราเหมือนเป็นระเบียบ ของมนุษย์ที่จำกันมา -อิสยาห์ 29:13
แต่บาปชั่วของพวกท่านได้ทำให้เกิดการแยก ระหว่างพวกท่านกับพระเจ้าของท่าน และบาปของพวกท่านได้บดบังพระพักตร์พระองค์เสียจากท่าน และจากการที่พระองค์จะทรงฟัง -อิสยาห์ 59:2
เออ พวกเขาได้ทำใจให้แข็งเหมือนเพชร เกรงว่าจะได้ยินพระบัญญัติและพระวจนะ ซึ่งพระยาห์เวห์จอมทัพตรัสทางผู้เผยพระวจนะรุ่นก่อนโดยพระวิญญาณของพระองค์ เพราะเหตุนั้นพระพิโรธอันยิ่งใหญ่จึงได้มาจากพระยาห์เวห์จอมทัพ พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า เมื่อเราร้องเรียก เขาไม่ฟังอย่างไร เมื่อเขาร้องทูล เราก็ไม่ฟังอย่างนั้น -เศคาริยาห์ 7:12-13
คำสรรเสริญและคำแช่งด่าออกมาจากปากเดียวกัน พี่น้องของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอย่างนั้น บ่อน้ำพุจะมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม พุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ? -ยากอบ 3:10-11
พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง -ยากอบ 4:3
พวกท่านที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจ ในฐานะที่เธอเป็นเพศ ที่อ่อนแอกว่า และจงให้เกียรติเธอในฐานะที่เป็นทายาทร่วมรับชีวิตอันเป็นพระคุณ เพื่อคำอธิษฐานของพวกท่านจะไม่ถูกขัดขวาง เพราะว่าพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของพวกเขา แต่พระพักตร์ของพระองค์ต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ทำชั่ว -1 เปโตร 3:7, 12
อวสานของสิ่งทั้งปวงมาใกล้แล้ว เพราะฉะนั้น พวกท่านจงมีสติสัมปชัญญะ และจงรู้จักสงบใจ เพื่อการอธิษฐาน -1 เปโตร 4:7
2. คำอธิษฐานของเราไม่ควรจะ ยาวนาน เสียงดัง หรือ ใช้ภาษาสวยงามเพื่อโชว์คนอื่น
“เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนพวกหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนต่างๆ เพื่อจะให้คนทั้งปวงเห็น เราบอกความจริงกับพวกท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน “แต่เมื่อพวกท่านอธิษฐาน อย่าพูดพล่อยๆ ซ้ำซาก เหมือนบรรดาคนต่างชาติเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะโปรดฟัง อย่าทำเหมือนพวกเขาเลย เพราะว่าสิ่งไรซึ่งพวกท่านจำเป็น พระบิดาของท่านทรงทราบก่อนที่ท่านจะทูลขอต่อพระองค์ -มัทธิว 6:5-8
พวกเขายึดบ้านของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว คนพวกนี้จะต้องถูกลงโทษหนักยิ่งขึ้น” -มาระโก 12:40
“มีสองคนขึ้นไปอธิษฐานในบริเวณพระวิหาร คนหนึ่งเป็นฟาริสีและคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี คนที่เป็นฟาริสีนั้นยืนอยู่คนเดียวอธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่เหมือนคนอื่นที่เป็นคนฉ้อโกง เป็นคนอธรรม และเป็นคนล่วงประเวณี และไม่เหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพระองค์ถืออดอาหารสองวันต่อสัปดาห์ และสิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์หาได้ ข้าพระองค์ก็เอาทศางค์ มาถวายเสมอ’ -ลูกา 18:10-12
“จงระวังพวกธรรมาจารย์ให้ดี พวกที่ชอบสวมเสื้อคลุมยาวเดินไปเดินมา ชอบให้คนคำนับกลางตลาด ชอบที่นั่งสำคัญในธรรมศาลาและที่มีเกียรติในงานเลี้ยง พวกเขายึดบ้านของหญิงม่ายและแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว คนพวกนี้จะต้องถูกลงโทษหนักยิ่งขึ้น” -ลูกา 20:46-47
3. คำอธิษฐานในที่ประชุมควรจะเป็นเพื่อประโยชน์ของผู้ฟังไม่ใช่ไร้ระเบียบ.
ที่เกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ -ยอห์น 3:6
แม้ข้าพเจ้าจะพูดภาษาแปลกๆ ที่เป็นภาษามนุษย์หรือทูตสวรรค์ได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ จะรู้ความล้ำลึกทุกอย่างและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้จะมีความเชื่อมากยิ่งที่จะย้ายภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย -1 โครินธ์ 13:1-2 (ถ้าผมอธิษฐานในที่ประชุมโดยไม่นึกถึงประโยชน์ของคนอื่น… ผมแค่เสียงดังเฉยๆ)
การอธิบาย 1 โครินธ์ 14
การมุ่งหาความรัก เป็นพื้นฐานสำหรับการนมัสการพระเจ้าแบบมีระเบียบ:
'จงมุ่งหาความรัก และขวนขวายของประทานจากพระวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ เพราะว่าคนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้น ไม่ได้พูดกับมนุษย์ แต่ทูลต่อพระเจ้า เพราะว่าไม่มีใครเข้าใจได้ เขาพูดเป็นความล้ำลึกโดยพระวิญญาณ แต่ผู้ที่เผยพระวจนะนั้น พูดกับมนุษย์เพื่อให้เจริญขึ้น ให้มีการชูใจและการปลอบใจ'
ถ้าผมอธิษฐานหรือสอนในภาษาของผม ผมก็เป็นประโยชน์สำหรับผมเอง แต่ไม่ได้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ฟัง จริงๆแล้วคำอธิษฐานหรือคำเทศนาควรจะแปลให้ผู้ฟังเข้าใจในภาษาของเขา
'คนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้นก็ทำให้ตัวเองเจริญขึ้น แต่ผู้เผยพระวจนะนั้นทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านทุกคนพูดภาษาแปลกๆ แต่ยิ่งกว่านั้น ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านเผยพระวจนะ เพราะว่าคนที่เผยพระวจนะนั้นก็ใหญ่กว่าคนที่พูดภาษาแปลกๆ นอกจากว่ามีคนแปลได้ เพื่อคริสตจักรจะได้รับความเจริญ แต่ว่าพี่น้องทั้งหลาย ถ้าข้าพเจ้ามาหาท่านและพูดภาษาแปลกๆ จะเป็นประโยชน์อะไรต่อพวกท่าน หากข้าพเจ้าไม่พูดกับพวกท่านด้วยคำวิวรณ์ คำที่ให้ความรู้ คำเผยพระวจนะ หรือคำสั่งสอน? แม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตที่ทำเสียงได้ เช่นปี่และพิณ ถ้าไม่ให้เสียงสูงต่ำที่ แตกต่างกัน คนจะรู้ทำนองที่เป่าหรือดีดได้อย่างไร? ถ้าแตรให้เสียงไม่ชัดเจน ใครจะเตรียมตัวเข้าทำศึกสงคราม? ท่านทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น คือในการพูดภาษาแปลกๆ ถ้าท่านไม่ใช้ถ้อยคำที่เข้าใจได้ คนจะเข้าใจคำพูดนั้นได้อย่างไร? สิ่งที่ท่านพูดนั้นจะหายไปกับสายลม แน่นอน'
ภาษาแปลกๆที่พระคัมภีร์พูดถึงในที่นี่เป็นภาษาที่แท้จริงไม่ใช่ภาษามั่ว
'ในโลกนี้มีภาษามากมาย และไม่มีภาษาใดที่ปราศจากความหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าข้าพเจ้าไม่เข้าใจความหมายของภาษานั้นๆ ข้าพเจ้าจะกลายเป็นคนต่างภาษากับคนที่พูด และคนที่พูดนั้นจะเป็นคนต่างภาษากับข้าพเจ้าด้วย ท่านทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น เมื่อท่านกำลังขวนขวายของประทานจากพระวิญญาณ ก็จงพยายามเพิ่มพูนสิ่งที่จะทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น'
พวกเราควรจะอธิษฐานและสอนในแบบที่ทุกคนในที่ประชุมสามารถเข้าใจได้
'ฉะนั้นคนที่พูดภาษาแปลกๆ ก็ควรอธิษฐานขอให้แปลได้ด้วย เพราะถ้าข้าพเจ้าอธิษฐานเป็นภาษาแปลกๆ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าอธิษฐานก็จริง แต่ความคิดก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าควรทำอย่างไร? ข้าพเจ้าจะอธิษฐานด้วยจิตวิญญาณและด้วยความคิด และจะร้องเพลงด้วยจิตวิญญาณและด้วยความคิด มิฉะนั้นถ้าท่านสรรเสริญพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ คนที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่เข้าใจจะว่า “อาเมน” กับคำขอบพระคุณของท่านได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าท่านพูดอะไร? เพราะว่าแม้ท่านจะขอบพระคุณอย่างไพเราะ แต่คนอื่นก็ไม่เจริญขึ้น ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ มากกว่าท่านทั้งหลายอีก แต่ว่าในคริสตจักรข้าพเจ้าต้องการที่จะพูดสักห้าคำด้วยความคิด เพื่อสอนคนอื่นดีกว่าที่จะพูดหมื่นคำเป็นภาษาแปลกๆ พี่น้องทั้งหลาย อย่าเป็นเหมือนเด็กในด้านความคิด แต่ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นเหมือนทารก และในด้านความคิดจงเป็นเหมือนผู้ใหญ่ ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ด้วยภาษาอื่นๆ และด้วยริมฝีปากของคนต่างภาษา เราจะพูดกับชนชาตินี้ ถึงกระนั้น พวกเขาก็จะไม่ฟัง เรา’ ” ฉะนั้นการพูดภาษาแปลกๆ จึงไม่เป็นหมายสำคัญสำหรับพวกที่เชื่อ แต่สำหรับพวกที่ไม่เชื่อ แต่การเผยพระวจนะนั้น ไม่ใช่สำหรับพวกที่ไม่เชื่อ แต่สำหรับพวกที่เชื่อแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าทั้งคริสตจักรมาชุมนุมกัน และทุกคนต่างก็พูดภาษาแปลกๆ และมีคนที่ไม่รู้ หรือคนที่ไม่เชื่อเข้ามา พวกเขาก็จะพูดว่าท่านทั้งหลายเป็นบ้าไม่ใช่หรือ? แต่ถ้าทุกคนเผยพระวจนะ คนที่ไม่เชื่อหรือคนที่ไม่รู้เข้ามา เขาก็จะถูกตักเตือนและได้รับการวินิจฉัยโดยทุกคน ความลับในใจของเขาจะถูกทำให้ปรากฏ เขาก็จะทรุดตัวลงซบหน้านมัสการพระเจ้ากล่าวว่า พระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างแน่นอน'
ทุกคนในที่ประชุมควรจะสนับสนุน และควรจะสลับกันพูดทีละคนทีละคน และควรจะมีการแปลภาษาด้วยถ้าจำเป็น
'เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลายจะว่าอย่างไร? เมื่อพวกท่านมาชุมนุมกัน แต่ละคนก็มีเพลงสดุดี มีคำสอน มีคำวิวรณ์ มีการพูดภาษาแปลกๆ มีการแปลภาษาแปลกๆ จงทำทุกสิ่งเพื่อให้เขาเจริญขึ้น ถ้าใครจะพูดภาษาแปลกๆ จงให้พูดเพียงสองคนหรืออย่างมากที่สุดก็สามคน และให้พูดทีละคน แล้วให้อีกคนหนึ่งแปล แต่ถ้าไม่มีใครแปลได้ก็ให้เขาอยู่เงียบๆ ในที่ประชุม และให้พูดกับตัวเอง และทูลต่อพระเจ้า ให้พวกผู้เผยพระวจนะพูดได้สองหรือสามคน และให้คนอื่นๆ วินิจฉัยสิ่งที่พูด ถ้ามีการทรงสำแดงแก่คนอื่นที่นั่งอยู่ด้วยกัน ให้คนแรกนั้นเงียบไว้ก่อน เพราะว่าพวกท่านทั้งหมดสามารถเผยพระวจนะได้ทีละคน เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ และได้รับการหนุนใจ จิตวิญญาณของพวกผู้เผยพระวจนะนั้น ย่อมอยู่ในบังคับพวกผู้เผยพระวจนะ เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติ'
คำสอนเพิ่มเติมสำหรับความระเบียบในที่ประชุม
ดังที่เป็นอยู่ในคริสตจักรทุกแห่งของธรรมิกชน จงให้บรรดาผู้หญิงอยู่เงียบๆ ในคริสตจักร เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พูด แต่ให้มีความนอบน้อมเหมือนที่ธรรมบัญญัติกล่าวไว้ ถ้าพวกเขาต้องการจะเรียนรู้สิ่งใด ก็ให้ถามสามีของตนที่บ้าน เพราะว่าการที่ผู้หญิงจะพูดในคริสตจักรนั้นก็เป็นเรื่องน่าอาย พระวจนะของพระเจ้าเกิดมาจากพวกท่านหรือ? พระวจนะมาถึงท่านพวกเดียวหรือ?
สำหรับผู้นำทั้งหลาย คำสอนเหล่านี้มีความจำเป็น พระคัมภีร์ไม่ให้มีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อฟังแต่ถ้าเราไม่เอาใจใส่ข้อความนี้ เราจะไม่ได้รับการเอาใจใส่
'ถ้าใครคิดว่าตนเป็นผู้เผยพระวจนะ หรืออยู่ฝ่ายพระวิญญาณก็จงยอมรับว่า ข้อความซึ่งข้าพเจ้าเขียนมาถึงพวกท่านนี้ เป็นพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า และถ้าใครไม่เอาใจใส่ข้อความนี้ คนนั้นก็จะไม่ได้รับการเอาใจใส่ ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงขวนขวายการเผยพระวจนะ ส่วนการพูดภาษาแปลกๆ นั้นก็อย่าห้ามเลย แต่จงให้ทุกสิ่งมีความเหมาะสมและเป็นระเบียบเถิด'
ส่วนที่ 3: วิธีอธิษฐานที่ถูกต้อง
1. อธิษฐานอย่างต่อเนื่อง
จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงสู้ทนต่อความยากลำบาก จงขะมักเขม้นอธิษฐานโรม 12:12
จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาโดยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกๆ อย่าง เพราะเหตุนี้จงเฝ้าระวังด้วยความเพียรและด้วยการวิงวอนเผื่อธรรมิกชนทุกคนอยู่เสมอ -เอเฟซัส 6:18
จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ -1 เธสะโลนิกา 5:17
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกผู้ชายยกมืออันบริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานในทุกแห่งหน โดยปราศจากความโกรธหรือการทุ่มเถียงกัน -1 ทิโมธี 2:8
2. สารภาพบาปและกลับใจใหม่
ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยนามของเรานั้นจะถ่อมตัวลง อธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา ทั้งหันเสียจากทางชั่วของพวกเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย -2 พงศาวดาร 7:14
ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อจะไม่ถูกทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” -มัทธิว 26:41
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น -1 ยอห์น 1:9
3. ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและในพระนามพระเยซูคริสต์
สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร -ยอห์น 14:13
ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น -ยอห์น 15:7
พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง -ยากอบ 4:3
และนี่เป็นความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟัง -1 ยอห์น 5:14
4. ด้วยความเชื่อ
เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น -มาระโก 11:24
เราบอกพวกท่านว่า จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน -ลูกา 11:9
พระเยซูตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟัง เพื่อสอนว่าเขาทั้งหลายควรอธิษฐานอยู่เสมอและไม่อ่อนระอาใจ -ลูกา 18:1
ท่านไม่ได้เลือกเรา แต่เราเลือกพวกท่านและแต่งตั้งท่านให้ไปเกิดผลและเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อพวกท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน -ยอห์น 15:16
เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล -ยากอบ 5:16
อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์ -ฟีลิปปี 4:6-7
แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ -ยากอบ 1:5
จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย -1 เปโตร 5:7
5. เพื่อเฝ้าเดี่ยวส่วนตัว
พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ คือทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง -สดุดี 145:18
แต่เราบอกพวกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน -มัทธิว 5:44
ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อจะไม่ถูกทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” -มัทธิว 26:41
ในเวลาต่อมาพระเยซูเสด็จไปที่ภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน -ลูกา 6:12
“แต่เราบอกพวกท่านที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรูของท่าน จงทำดีกับคนที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน จงอธิษฐานเผื่อคนที่ทำร้ายท่านลูกา 6:27-28
ท่านทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน พวกท่านโลภแต่ไม่ได้ ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ขอ -ยากอบ 4:2
6. ในที่ประชุม
ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยนามของเรานั้นจะถ่อมตัวลง อธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา ทั้งหันเสียจากทางชั่วของพวกเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย -2 พงศาวดาร 7:14
เพราะว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น” -มัทธิว 18:20
เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและทุกคนที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบและมีสันติในทางพระเจ้า และเป็นที่นับถือ -1 ทิโมธี 2:1-2
จงอุทิศตัวในการอธิษฐาน จงเฝ้าระวังในเรื่องนี้ด้วยการขอบพระคุณ -โคโลสี 4:2
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกผู้ชายยกมืออันบริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานในทุกแห่งหน โดยปราศจากความโกรธหรือการทุ่มเถียงกัน -1 ทิโมธี 2:8
ส่วนที่ 1: การอธิษฐานของพระเยซู (มัทธิว 6:9-13)
1. ถวายเกียรติและนมัสการพระเจ้า
‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ‘
2. จัดลำดับความสำคัญให้พระเจ้าสำคัญกว่าความต้องการของตัวเอง
ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
3. อธิษฐานขอสิ่งจำเป็น แต่อยากขอความร่ำรวย
’ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้’
(ภาษาที่พระเยซูใช้ใกล้เคียงกับ สุภาษิต 30:7-9: ข้าพระองค์ขอสองสิ่งจากพระองค์ ขออย่าทรงปฏิเสธ ก่อนข้าพระองค์ตาย ขอให้ความเท็จและคำมุสาไกลจากข้าพระองค์ ขออย่าประทานความยากจนหรือความมั่งคั่งแก่ข้าพระองค์ ขอทรงเลี้ยงข้าพระองค์ด้วยอาหารที่จำเป็นแก่ ข้าพระองค์ เกรงว่าข้าพระองค์จะอิ่ม และปฏิเสธพระองค์ แล้วพูดว่า “พระยาห์เวห์เป็นใครเล่า?” หรือเกรงว่าข้าพระองค์จะยากจนและขโมย และลบหลู่พระนามพระเจ้าของข้าพระองค์)
4. กลับใจใหม่และขอการให้อภัยจากพระเจ้า
’และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์’
5. ขอการทรงนำของพระเจ้าในโลกแห่งความมืดนี้
’และขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย ’
ส่วนที่ 2: วิธีอธิษฐานที่ผิด:
1. เราไม่ควรจะอธิษฐานถ้ายังไม่กลับใจใหม่
เพราะคนที่ไม่นับถือพระเจ้าจะมีความหวังอะไร เมื่อพระเจ้าทรงตัดเขาออกไปเสีย เมื่อพระเจ้าทรงเอาชีวิตของเขาไป? พระเจ้าจะทรงฟังเสียงร้องของเขา เมื่อความยากลำบากมาถึงเขาหรือ? -โยบ 27:8-9
ถ้าข้าพเจ้าได้บ่มความชั่วไว้ในใจ องค์เจ้านายจะไม่ทรงสดับ -สดุดี 66:18
พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ คือทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง -สดุดี 145:18
แล้วพวกเขาจะร้องเรียกข้า แต่ข้าจะไม่ตอบ พวกเขาจะแสวงหาข้า แต่จะไม่พบข้า เพราะว่าพวกเขาเกลียดความรู้ และไม่เลือกเอาความยำเกรงพระยาห์เวห์ พวกเขาไม่ยอมรับคำแนะนำของข้าเลย แต่กลับดูหมิ่นคำตักเตือนทุกอย่างของข้า -สุภาษิต 1:28-30
พระยาห์เวห์ทรงอยู่ห่างไกลจากคนอธรรม แต่ทรงได้ยินคำอธิษฐานของคนชอบธรรม -สุภาษิต 15:29
ถ้าผู้ใดไม่ฟังธรรมบัญญัติ แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นที่น่าสะอิดสะเอียน -สุภาษิต 28:9
เมื่อพวกเจ้ากางมือของเจ้าออก เราจะปิดตาของเราจากเจ้า แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมาย เราก็จะไม่ฟัง ด้วยมือของพวกเจ้าเต็มด้วยเลือด -อิสยาห์ 1:15
และองค์เจ้านายตรัสว่า “เพราะชนชาตินี้เข้ามาใกล้ด้วยปากของเขา และให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากของเขา แต่ใจของเขาห่างไกลจากเรา เขานมัสการ เราเหมือนเป็นระเบียบ ของมนุษย์ที่จำกันมา -อิสยาห์ 29:13
แต่บาปชั่วของพวกท่านได้ทำให้เกิดการแยก ระหว่างพวกท่านกับพระเจ้าของท่าน และบาปของพวกท่านได้บดบังพระพักตร์พระองค์เสียจากท่าน และจากการที่พระองค์จะทรงฟัง -อิสยาห์ 59:2
เออ พวกเขาได้ทำใจให้แข็งเหมือนเพชร เกรงว่าจะได้ยินพระบัญญัติและพระวจนะ ซึ่งพระยาห์เวห์จอมทัพตรัสทางผู้เผยพระวจนะรุ่นก่อนโดยพระวิญญาณของพระองค์ เพราะเหตุนั้นพระพิโรธอันยิ่งใหญ่จึงได้มาจากพระยาห์เวห์จอมทัพ พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า เมื่อเราร้องเรียก เขาไม่ฟังอย่างไร เมื่อเขาร้องทูล เราก็ไม่ฟังอย่างนั้น -เศคาริยาห์ 7:12-13
คำสรรเสริญและคำแช่งด่าออกมาจากปากเดียวกัน พี่น้องของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอย่างนั้น บ่อน้ำพุจะมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม พุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ? -ยากอบ 3:10-11
พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง -ยากอบ 4:3
พวกท่านที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจ ในฐานะที่เธอเป็นเพศ ที่อ่อนแอกว่า และจงให้เกียรติเธอในฐานะที่เป็นทายาทร่วมรับชีวิตอันเป็นพระคุณ เพื่อคำอธิษฐานของพวกท่านจะไม่ถูกขัดขวาง เพราะว่าพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของพวกเขา แต่พระพักตร์ของพระองค์ต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ทำชั่ว -1 เปโตร 3:7, 12
อวสานของสิ่งทั้งปวงมาใกล้แล้ว เพราะฉะนั้น พวกท่านจงมีสติสัมปชัญญะ และจงรู้จักสงบใจ เพื่อการอธิษฐาน -1 เปโตร 4:7
2. คำอธิษฐานของเราไม่ควรจะ ยาวนาน เสียงดัง หรือ ใช้ภาษาสวยงามเพื่อโชว์คนอื่น
“เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนพวกหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนต่างๆ เพื่อจะให้คนทั้งปวงเห็น เราบอกความจริงกับพวกท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่านผู้ทอดพระเนตรเห็นในที่ลี้ลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน “แต่เมื่อพวกท่านอธิษฐาน อย่าพูดพล่อยๆ ซ้ำซาก เหมือนบรรดาคนต่างชาติเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะโปรดฟัง อย่าทำเหมือนพวกเขาเลย เพราะว่าสิ่งไรซึ่งพวกท่านจำเป็น พระบิดาของท่านทรงทราบก่อนที่ท่านจะทูลขอต่อพระองค์ -มัทธิว 6:5-8
พวกเขายึดบ้านของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว คนพวกนี้จะต้องถูกลงโทษหนักยิ่งขึ้น” -มาระโก 12:40
“มีสองคนขึ้นไปอธิษฐานในบริเวณพระวิหาร คนหนึ่งเป็นฟาริสีและคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี คนที่เป็นฟาริสีนั้นยืนอยู่คนเดียวอธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่เหมือนคนอื่นที่เป็นคนฉ้อโกง เป็นคนอธรรม และเป็นคนล่วงประเวณี และไม่เหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพระองค์ถืออดอาหารสองวันต่อสัปดาห์ และสิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์หาได้ ข้าพระองค์ก็เอาทศางค์ มาถวายเสมอ’ -ลูกา 18:10-12
“จงระวังพวกธรรมาจารย์ให้ดี พวกที่ชอบสวมเสื้อคลุมยาวเดินไปเดินมา ชอบให้คนคำนับกลางตลาด ชอบที่นั่งสำคัญในธรรมศาลาและที่มีเกียรติในงานเลี้ยง พวกเขายึดบ้านของหญิงม่ายและแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว คนพวกนี้จะต้องถูกลงโทษหนักยิ่งขึ้น” -ลูกา 20:46-47
3. คำอธิษฐานในที่ประชุมควรจะเป็นเพื่อประโยชน์ของผู้ฟังไม่ใช่ไร้ระเบียบ.
ที่เกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ -ยอห์น 3:6
แม้ข้าพเจ้าจะพูดภาษาแปลกๆ ที่เป็นภาษามนุษย์หรือทูตสวรรค์ได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ จะรู้ความล้ำลึกทุกอย่างและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้จะมีความเชื่อมากยิ่งที่จะย้ายภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย -1 โครินธ์ 13:1-2 (ถ้าผมอธิษฐานในที่ประชุมโดยไม่นึกถึงประโยชน์ของคนอื่น… ผมแค่เสียงดังเฉยๆ)
การอธิบาย 1 โครินธ์ 14
การมุ่งหาความรัก เป็นพื้นฐานสำหรับการนมัสการพระเจ้าแบบมีระเบียบ:
'จงมุ่งหาความรัก และขวนขวายของประทานจากพระวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ เพราะว่าคนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้น ไม่ได้พูดกับมนุษย์ แต่ทูลต่อพระเจ้า เพราะว่าไม่มีใครเข้าใจได้ เขาพูดเป็นความล้ำลึกโดยพระวิญญาณ แต่ผู้ที่เผยพระวจนะนั้น พูดกับมนุษย์เพื่อให้เจริญขึ้น ให้มีการชูใจและการปลอบใจ'
ถ้าผมอธิษฐานหรือสอนในภาษาของผม ผมก็เป็นประโยชน์สำหรับผมเอง แต่ไม่ได้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ฟัง จริงๆแล้วคำอธิษฐานหรือคำเทศนาควรจะแปลให้ผู้ฟังเข้าใจในภาษาของเขา
'คนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้นก็ทำให้ตัวเองเจริญขึ้น แต่ผู้เผยพระวจนะนั้นทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านทุกคนพูดภาษาแปลกๆ แต่ยิ่งกว่านั้น ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านเผยพระวจนะ เพราะว่าคนที่เผยพระวจนะนั้นก็ใหญ่กว่าคนที่พูดภาษาแปลกๆ นอกจากว่ามีคนแปลได้ เพื่อคริสตจักรจะได้รับความเจริญ แต่ว่าพี่น้องทั้งหลาย ถ้าข้าพเจ้ามาหาท่านและพูดภาษาแปลกๆ จะเป็นประโยชน์อะไรต่อพวกท่าน หากข้าพเจ้าไม่พูดกับพวกท่านด้วยคำวิวรณ์ คำที่ให้ความรู้ คำเผยพระวจนะ หรือคำสั่งสอน? แม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตที่ทำเสียงได้ เช่นปี่และพิณ ถ้าไม่ให้เสียงสูงต่ำที่ แตกต่างกัน คนจะรู้ทำนองที่เป่าหรือดีดได้อย่างไร? ถ้าแตรให้เสียงไม่ชัดเจน ใครจะเตรียมตัวเข้าทำศึกสงคราม? ท่านทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น คือในการพูดภาษาแปลกๆ ถ้าท่านไม่ใช้ถ้อยคำที่เข้าใจได้ คนจะเข้าใจคำพูดนั้นได้อย่างไร? สิ่งที่ท่านพูดนั้นจะหายไปกับสายลม แน่นอน'
ภาษาแปลกๆที่พระคัมภีร์พูดถึงในที่นี่เป็นภาษาที่แท้จริงไม่ใช่ภาษามั่ว
'ในโลกนี้มีภาษามากมาย และไม่มีภาษาใดที่ปราศจากความหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าข้าพเจ้าไม่เข้าใจความหมายของภาษานั้นๆ ข้าพเจ้าจะกลายเป็นคนต่างภาษากับคนที่พูด และคนที่พูดนั้นจะเป็นคนต่างภาษากับข้าพเจ้าด้วย ท่านทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น เมื่อท่านกำลังขวนขวายของประทานจากพระวิญญาณ ก็จงพยายามเพิ่มพูนสิ่งที่จะทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น'
พวกเราควรจะอธิษฐานและสอนในแบบที่ทุกคนในที่ประชุมสามารถเข้าใจได้
'ฉะนั้นคนที่พูดภาษาแปลกๆ ก็ควรอธิษฐานขอให้แปลได้ด้วย เพราะถ้าข้าพเจ้าอธิษฐานเป็นภาษาแปลกๆ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าอธิษฐานก็จริง แต่ความคิดก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าควรทำอย่างไร? ข้าพเจ้าจะอธิษฐานด้วยจิตวิญญาณและด้วยความคิด และจะร้องเพลงด้วยจิตวิญญาณและด้วยความคิด มิฉะนั้นถ้าท่านสรรเสริญพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ คนที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่เข้าใจจะว่า “อาเมน” กับคำขอบพระคุณของท่านได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่รู้ว่าท่านพูดอะไร? เพราะว่าแม้ท่านจะขอบพระคุณอย่างไพเราะ แต่คนอื่นก็ไม่เจริญขึ้น ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ข้าพเจ้าพูดภาษาแปลกๆ มากกว่าท่านทั้งหลายอีก แต่ว่าในคริสตจักรข้าพเจ้าต้องการที่จะพูดสักห้าคำด้วยความคิด เพื่อสอนคนอื่นดีกว่าที่จะพูดหมื่นคำเป็นภาษาแปลกๆ พี่น้องทั้งหลาย อย่าเป็นเหมือนเด็กในด้านความคิด แต่ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นเหมือนทารก และในด้านความคิดจงเป็นเหมือนผู้ใหญ่ ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ด้วยภาษาอื่นๆ และด้วยริมฝีปากของคนต่างภาษา เราจะพูดกับชนชาตินี้ ถึงกระนั้น พวกเขาก็จะไม่ฟัง เรา’ ” ฉะนั้นการพูดภาษาแปลกๆ จึงไม่เป็นหมายสำคัญสำหรับพวกที่เชื่อ แต่สำหรับพวกที่ไม่เชื่อ แต่การเผยพระวจนะนั้น ไม่ใช่สำหรับพวกที่ไม่เชื่อ แต่สำหรับพวกที่เชื่อแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าทั้งคริสตจักรมาชุมนุมกัน และทุกคนต่างก็พูดภาษาแปลกๆ และมีคนที่ไม่รู้ หรือคนที่ไม่เชื่อเข้ามา พวกเขาก็จะพูดว่าท่านทั้งหลายเป็นบ้าไม่ใช่หรือ? แต่ถ้าทุกคนเผยพระวจนะ คนที่ไม่เชื่อหรือคนที่ไม่รู้เข้ามา เขาก็จะถูกตักเตือนและได้รับการวินิจฉัยโดยทุกคน ความลับในใจของเขาจะถูกทำให้ปรากฏ เขาก็จะทรุดตัวลงซบหน้านมัสการพระเจ้ากล่าวว่า พระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างแน่นอน'
ทุกคนในที่ประชุมควรจะสนับสนุน และควรจะสลับกันพูดทีละคนทีละคน และควรจะมีการแปลภาษาด้วยถ้าจำเป็น
'เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลายจะว่าอย่างไร? เมื่อพวกท่านมาชุมนุมกัน แต่ละคนก็มีเพลงสดุดี มีคำสอน มีคำวิวรณ์ มีการพูดภาษาแปลกๆ มีการแปลภาษาแปลกๆ จงทำทุกสิ่งเพื่อให้เขาเจริญขึ้น ถ้าใครจะพูดภาษาแปลกๆ จงให้พูดเพียงสองคนหรืออย่างมากที่สุดก็สามคน และให้พูดทีละคน แล้วให้อีกคนหนึ่งแปล แต่ถ้าไม่มีใครแปลได้ก็ให้เขาอยู่เงียบๆ ในที่ประชุม และให้พูดกับตัวเอง และทูลต่อพระเจ้า ให้พวกผู้เผยพระวจนะพูดได้สองหรือสามคน และให้คนอื่นๆ วินิจฉัยสิ่งที่พูด ถ้ามีการทรงสำแดงแก่คนอื่นที่นั่งอยู่ด้วยกัน ให้คนแรกนั้นเงียบไว้ก่อน เพราะว่าพวกท่านทั้งหมดสามารถเผยพระวจนะได้ทีละคน เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ และได้รับการหนุนใจ จิตวิญญาณของพวกผู้เผยพระวจนะนั้น ย่อมอยู่ในบังคับพวกผู้เผยพระวจนะ เพราะว่าพระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติ'
คำสอนเพิ่มเติมสำหรับความระเบียบในที่ประชุม
ดังที่เป็นอยู่ในคริสตจักรทุกแห่งของธรรมิกชน จงให้บรรดาผู้หญิงอยู่เงียบๆ ในคริสตจักร เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พูด แต่ให้มีความนอบน้อมเหมือนที่ธรรมบัญญัติกล่าวไว้ ถ้าพวกเขาต้องการจะเรียนรู้สิ่งใด ก็ให้ถามสามีของตนที่บ้าน เพราะว่าการที่ผู้หญิงจะพูดในคริสตจักรนั้นก็เป็นเรื่องน่าอาย พระวจนะของพระเจ้าเกิดมาจากพวกท่านหรือ? พระวจนะมาถึงท่านพวกเดียวหรือ?
สำหรับผู้นำทั้งหลาย คำสอนเหล่านี้มีความจำเป็น พระคัมภีร์ไม่ให้มีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อฟังแต่ถ้าเราไม่เอาใจใส่ข้อความนี้ เราจะไม่ได้รับการเอาใจใส่
'ถ้าใครคิดว่าตนเป็นผู้เผยพระวจนะ หรืออยู่ฝ่ายพระวิญญาณก็จงยอมรับว่า ข้อความซึ่งข้าพเจ้าเขียนมาถึงพวกท่านนี้ เป็นพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า และถ้าใครไม่เอาใจใส่ข้อความนี้ คนนั้นก็จะไม่ได้รับการเอาใจใส่ ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงขวนขวายการเผยพระวจนะ ส่วนการพูดภาษาแปลกๆ นั้นก็อย่าห้ามเลย แต่จงให้ทุกสิ่งมีความเหมาะสมและเป็นระเบียบเถิด'
ส่วนที่ 3: วิธีอธิษฐานที่ถูกต้อง
1. อธิษฐานอย่างต่อเนื่อง
จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงสู้ทนต่อความยากลำบาก จงขะมักเขม้นอธิษฐานโรม 12:12
จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาโดยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกๆ อย่าง เพราะเหตุนี้จงเฝ้าระวังด้วยความเพียรและด้วยการวิงวอนเผื่อธรรมิกชนทุกคนอยู่เสมอ -เอเฟซัส 6:18
จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ -1 เธสะโลนิกา 5:17
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกผู้ชายยกมืออันบริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานในทุกแห่งหน โดยปราศจากความโกรธหรือการทุ่มเถียงกัน -1 ทิโมธี 2:8
2. สารภาพบาปและกลับใจใหม่
ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยนามของเรานั้นจะถ่อมตัวลง อธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา ทั้งหันเสียจากทางชั่วของพวกเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย -2 พงศาวดาร 7:14
ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อจะไม่ถูกทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” -มัทธิว 26:41
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น -1 ยอห์น 1:9
3. ตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและในพระนามพระเยซูคริสต์
สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร -ยอห์น 14:13
ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น -ยอห์น 15:7
พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด หวังจะเอาไปสนองความปรารถนาชั่วของตนเอง -ยากอบ 4:3
และนี่เป็นความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟัง -1 ยอห์น 5:14
4. ด้วยความเชื่อ
เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เมื่อพวกท่านอธิษฐานขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ แล้วพวกท่านจะได้รับสิ่งนั้น -มาระโก 11:24
เราบอกพวกท่านว่า จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน -ลูกา 11:9
พระเยซูตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟัง เพื่อสอนว่าเขาทั้งหลายควรอธิษฐานอยู่เสมอและไม่อ่อนระอาใจ -ลูกา 18:1
ท่านไม่ได้เลือกเรา แต่เราเลือกพวกท่านและแต่งตั้งท่านให้ไปเกิดผลและเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อพวกท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน -ยอห์น 15:16
เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล -ยากอบ 5:16
อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์ -ฟีลิปปี 4:6-7
แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ -ยากอบ 1:5
จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย -1 เปโตร 5:7
5. เพื่อเฝ้าเดี่ยวส่วนตัว
พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ คือทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง -สดุดี 145:18
แต่เราบอกพวกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน -มัทธิว 5:44
ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อจะไม่ถูกทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” -มัทธิว 26:41
ในเวลาต่อมาพระเยซูเสด็จไปที่ภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน -ลูกา 6:12
“แต่เราบอกพวกท่านที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรูของท่าน จงทำดีกับคนที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน จงอธิษฐานเผื่อคนที่ทำร้ายท่านลูกา 6:27-28
ท่านทั้งหลายอยากได้แต่ไม่ได้ ท่านก็ฆ่ากัน พวกท่านโลภแต่ไม่ได้ ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ขอ -ยากอบ 4:2
6. ในที่ประชุม
ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยนามของเรานั้นจะถ่อมตัวลง อธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา ทั้งหันเสียจากทางชั่วของพวกเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย -2 พงศาวดาร 7:14
เพราะว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น” -มัทธิว 18:20
เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและทุกคนที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบและมีสันติในทางพระเจ้า และเป็นที่นับถือ -1 ทิโมธี 2:1-2
จงอุทิศตัวในการอธิษฐาน จงเฝ้าระวังในเรื่องนี้ด้วยการขอบพระคุณ -โคโลสี 4:2
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกผู้ชายยกมืออันบริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานในทุกแห่งหน โดยปราศจากความโกรธหรือการทุ่มเถียงกัน -1 ทิโมธี 2:8