เลือกดาวน์โหลด... ซ้ายมือสำหรับทำรูปแบบหนังสือ ขวามือสำหรับรูปแบบมือถือหรือแผ่นใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ
Choose a download... left for booklet, right for digital or other use.
ภาษาไทย
ชีวิตแต่งงาน
(Marriage)
(Marriage)
ความรักคืออะไร?
ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน -ยอห์น 15:13
แม้ข้าพเจ้าจะพูดภาษาแปลกๆ ที่เป็นภาษามนุษย์หรือทูตสวรรค์ได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ จะรู้ความล้ำลึกทุกอย่างและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้จะมีความเชื่อมากยิ่งที่จะย้ายภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย แม้ข้าพเจ้าจะบริจาคสิ่งของของข้าพเจ้าทุกอย่างหรือยอมให้เอาตัวไปเผาไฟ แต่ไม่มีความรัก ก็จะไม่เป็นประโยชน์กับข้าพเจ้า ความรักนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีในความอธรรม แต่ชื่นชมยินดีในความจริง ความรักทนได้ทุกอย่าง เชื่ออยู่เสมอ มีความหวังและความทรหดอดทนอยู่เสมอ ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญ แม้การเผยพระวจนะก็จะเสื่อมสลายไป แม้การพูดภาษาแปลกๆ ก็จะเลิกพูดกัน แม้วิชาความรู้ก็จะเสื่อมสลายไป เพราะว่าเรารู้เพียงบางส่วน และก็เผยพระวจนะเพียงบางส่วน แต่เมื่อความสมบูรณ์มาถึงแล้ว ที่เป็นเพียงบางส่วนนั้นก็จะสูญไป เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก หาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการของเด็ก เพราะว่าเวลานี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก แต่ในเวลานั้นจะเห็นแบบหน้าต่อหน้า เวลานี้ข้าพเจ้ารู้เพียงบางส่วน แต่เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า และบัดนี้ ทั้งสามสิ่งนี้ยังดำรงอยู่ คือความเชื่อ ความหวัง และความรัก แต่ความรักนั้นใหญ่ที่สุดในสามสิ่งนี้ -1 โครินธ์ 13:1-13
ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย -กาลาเทีย 5:22-23
แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ความรักผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์ -โคโลสี 3:14
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จงรักกันและกันให้มาก เพราะความรักให้อภัยบาปมากมายได้ -1 เปโตร 4:8
ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง -1 ยอห์น 3:18
ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขับไล่ความกลัวออกไปเสีย เพราะความกลัวเกี่ยวข้องกับการลงโทษ และผู้ที่กลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์ -1 ยอห์น 4:8, 18
ภรรยา
พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสว่า “การที่ชายผู้นี้จะอยู่แต่ลำพังนั้นไม่ดี เราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ ที่เหมาะสมกับเขาขึ้น” -ปฐมกาล 2:18
พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากมากขึ้นแก่เจ้า และเมื่อเจ้ามีครรภ์ เจ้าจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด ถึงกระนั้น เจ้าจะยังปรารถนาในสามีของเจ้า และเขาจะปกครองตัวเจ้า” -ปฐมกาล 3:16
หญิงที่มีปัญญาสร้างบ้านของเธอขึ้น แต่หญิงโง่รื้อมันลงด้วยมือตนเอง -สุภาษิต 14:1
บุตรโง่เขลาเป็นความหายนะแก่บิดา และภรรยาขี้ทะเลาะก็เหมือนน้ำฝนย้อยหยดไม่หยุด บ้านกับทรัพย์สมบัติเป็นมรดกมาจากบิดา แต่ภรรยาที่ฉลาดมาจากพระยาห์เวห์ -สุภาษิต 19:13-14
อาศัยอยู่ในแดนกันดาร ดีกว่าอยู่กับหญิงขี้ทะเลาะและจู้จี้ขี้บ่น -สุภาษิต 21:19
ภรรยาที่เลิศประเสริฐใครเล่าจะหาพบ? คุณค่าของเธอเลิศล้ำกว่าทับทิม สามีของเธอก็ไว้ใจเธอ และเขาจะไม่ขาดประโยชน์ใดๆ เธอนำสิ่งดีมาให้เขา ไม่นำสิ่งร้าย ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของเธอ เธอแสวงหาขนแกะและป่าน และทำงานด้วยมืออย่างเต็มใจ เธอเป็นเหมือนเรือของพ่อค้า เธอนำอาหารของเธอมาจากที่ไกล เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่ และจัดอาหารให้ครอบครัวของเธอ และจัดงาน ให้แก่สาวใช้ของเธอ เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วซื้อไว้ ด้วยรายได้ของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และทำให้แขนของเธอแข็งแรง เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ เธอยื่นมือออกจับไน และมือของเธอจับเครื่องปั่นฝ้าย เธอหยิบยื่นให้คนยากจน เธอยื่นมือออกช่วยคนขัดสน เธอไม่กลัวหิมะมาทำให้ครอบครัวของเธอหนาว เพราะทุกคนในครอบครัวสวมเสื้อสองชั้น เธอทำผ้าปูเตียงสำหรับเธอ เสื้อผ้าของเธอทำด้วยผ้าลินินเนื้อละเอียดและผ้าสีม่วง สามีของเธอเป็นที่รู้จักที่ประตูเมือง เมื่อเขานั่งอยู่ในหมู่พวกผู้ใหญ่ของแผ่นดิน เธอทำเครื่องนุ่งห่มด้วยผ้าลินินไว้ขาย เธอส่งผ้าคาดเอวให้แก่พ่อค้า กำลังและความสง่าผ่าเผยเป็นอาภรณ์ของเธอ เธอหัวเราะให้แก่เหตุการณ์ที่จะมาถึง เธออ้าปากกล่าวด้วยปัญญา และคำสอนเจือความเอ็นดูอยู่ที่ลิ้นของเธอ เธอดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวอย่างดี และไม่เคยเกียจคร้าน ลูกๆ ของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า “สตรีมากมายทำได้ดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด” เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็ไม่จีรัง แต่สตรีที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ สมควรได้รับคำสรรเสริญ จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง -สุภาษิต 31:10-31
แต่ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านเข้าใจว่า พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของชาย ทุกคน และชายเป็นศีรษะของหญิง และพระเจ้าเป็นพระเศียร ของพระคริสต์ เพราะเหตุนี้เอง ผู้หญิงจึงสมควรจะมีสัญลักษณ์แห่ง สิทธิอำนาจนี้อยู่บนศีรษะ เพราะเห็นแก่พวกทูตสวรรค์
1 โครินธ์ 11:3, 10
จงให้บรรดาผู้หญิงอยู่เงียบๆ ในคริสตจักร เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พูด แต่ให้มีความนอบน้อมเหมือนที่ธรรมบัญญัติกล่าวไว้ ถ้าพวกเขาต้องการจะเรียนรู้สิ่งใด ก็ให้ถามสามีของตนที่บ้าน เพราะว่าการที่ผู้หญิงจะพูดในคริสตจักรนั้นก็เป็นเรื่องน่าอาย
1 โครินธ์ 14:34-35
ส่วนภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีของตน เหมือนยอมเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ โดยพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรยอมเชื่อฟังสามีทุกประการอย่างนั้น -เอเฟซัส 5:22-24
ส่วนพวกผู้หญิงก็เหมือนกัน ควรแต่งกายให้สุภาพด้วยความเหมาะสม และพอเหมาะพอควร ไม่ต้องถักผมหรือประดับกายด้วยทองคำ ไข่มุก หรือเสื้อผ้าราคาแพง แต่ประดับด้วยการทำดี สมกับเป็นหญิงที่ประกาศตนว่านมัสการพระเจ้า ให้ผู้หญิง เรียนอย่างเงียบๆ ด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ผู้หญิงสั่งสอนหรือควบคุม ผู้ชาย แต่ให้เธออยู่เงียบๆ เพราะพระเจ้าทรงสร้างอาดัมก่อน แล้วจึงสร้างเอวา และอาดัมไม่ได้ถูกล่อลวง แต่ผู้หญิงถูกล่อลวงและทำบาป แต่ถึงกระนั้น เธอก็จะได้รับความรอดในการมีบุตร ถ้าหากพวกเธอดำรงอยู่ในความเชื่อ ความรัก และความบริสุทธิ์ ด้วยความสงบเสงี่ยม -1 ทิโมธี 2:9-15
(พูดถึงภรรยาของผู้นำ) ส่วนพวกผู้หญิงก็เหมือนกัน ต้องเป็นคนน่านับถือ ไม่ใส่ร้ายคนอื่น รู้จักประมาณตน ซื่อสัตย์ในทุกๆ เรื่อง -1 ทิโมธี 3:11
ส่วนบรรดาผู้หญิงสูงอายุก็เหมือนกัน สอนพวกนางให้ประพฤติด้วยความน่านับถือ ไม่ใส่ร้าย ไม่ติดเหล้า แต่เป็นผู้สอนสิ่งที่ดีงาม เพื่ออบรมหญิงสาวให้รักสามีและบุตรของพวกตน มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนบริสุทธิ์ ดูแลบ้านเรือนอย่างดี มีความเมตตาและเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น -ทิตัส 2:3-5
ส่วนพวกท่านที่เป็นภรรยาก็เช่นกัน จงยอมเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าแม้สามีบางคนไม่เชื่อพระวจนะ แต่ความประพฤติของภรรยาก็อาจจะจูงใจพวกเขาให้เชื่อได้ โดยไม่ต้องพูดเลยสักคำเดียว คือเมื่อพวกเขาได้เห็นความประพฤติที่นอบน้อม และบริสุทธิ์ของพวกท่าน อย่าประดับตัวแต่ภายนอก ด้วยการถักผม การสวมใส่เครื่องทอง หรือการนุ่งห่มเสื้อผ้า แต่จงประดับด้วยบุคลิกที่ซ่อนอยู่ในใจ ด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า เพราะว่าบรรดาสตรีผู้บริสุทธิ์ในสมัยก่อนนั้น ผู้ซึ่งหวังในพระเจ้า ก็ได้ประดับกายโดยยอมเชื่อฟังสามีของตน เช่นนางซาราห์เชื่อฟังอับราฮัมและเรียกท่านว่านาย ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติดี และไม่มีความหวาดกลัวสิ่งใด พวกท่านก็เป็นบุตรหลานของนาง -1 เปโตร 3:1-6
สามี
ใครพบภรรยาก็พบของดี และได้ความโปรดปรานจากพระยาห์เวห์ -สุภาษิต 18:22
และพวกท่านได้ทำอย่างนี้อีกด้วย คือท่านเอาน้ำตารดทั่วแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ร้องไห้คร่ำครวญเพราะพระองค์ไม่สนพระทัยหรือรับเครื่องบูชาด้วยชอบพระทัยจากมือของท่านอีกแล้ว พวกท่านถามว่า “เหตุใดพระองค์จึงไม่รับ?” เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพยานระหว่างท่านกับภรรยาคนที่ท่านได้เมื่อหนุ่มนั้น แม้ว่านางเป็นคู่เคียงของท่านและเป็นภรรยาของท่านตามพันธสัญญา ท่านก็ทรยศต่อนาง แต่ไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติจะทำอย่างนี้ ผู้มีสตินั้นย่อมประสงค์อะไร? ย่อมประสงค์ลูกหลานที่เชื่อฟังพระเจ้า ดังนั้นจงระวังตัวให้ดี อย่าให้ผู้ใดทรยศต่อภรรยาคนที่ได้เมื่อหนุ่มนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสว่า “เพราะว่าเราเกลียดชังการหย่าร้าง และความทารุณ ” พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ เพราะฉะนั้น จงระวังตัวให้ดี อย่าเป็นคนทรยศ -มาลาคี 2:13-16
ส่วนสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนพระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร เพื่อจะทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์โดยการชำระด้วยน้ำและพระวจนะ เพื่อพระองค์จะได้คริสตจักรที่มีศักดิ์ศรี ไม่มีด่างพร้อย ริ้วรอย หรือมลทินใดๆ เลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ ในทำนองเดียวกัน สามีต้องรักภรรยาของตนเหมือนรักร่างกายของตัวเอง คนที่รักภรรยาของตัวเองก็รักตัวเองด้วย เพราะว่าไม่มีใครเกลียดชังกาย ของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทะนุถนอม เหมือนที่พระคริสต์ทรงทำแก่คริสตจักร เพราะว่าเราเป็นอวัยวะของพระกายของพระองค์ “เพราะเหตุนี้เอง ผู้ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” ความล้ำลึกในเรื่องนี้สำคัญ และข้าพเจ้าเข้าใจว่าหมายถึงพระคริสต์และคริสตจักร อย่างไรก็ดี พวกท่านแต่ละคนจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตัวเอง และภรรยาก็จงยำเกรงสามี -เอเฟซัส 5:25-33
สามีทั้งหลายจงรักภรรยาของตน และอย่าทำรุนแรงต่อพวกนาง -โคโลสี 3:19
(เงื่อนไขของการเป็นผู้นำ) ปกครองครอบครัวของตนได้ดี อบรมบุตร ธิดา ให้มีความนอบน้อมด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง (เพราะถ้าชายคนไหนไม่รู้จักปกครองครอบครัวของตน คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้าได้อย่างไร?) -1 ทิโมธี 3:4-5
ถ้าใครไม่เลี้ยงดูญาติพี่น้อง และโดยเฉพาะคนในครอบครัวแล้ว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก -1 ทิโมธี 5:8
พวกท่านที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจ ในฐานะที่เธอเป็นเพศ ที่อ่อนแอกว่า และจงให้เกียรติเธอในฐานะที่เป็นทายาทร่วมรับชีวิตอันเป็นพระคุณ เพื่อคำอธิษฐานของพวกท่านจะไม่ถูกขัดขวาง -1 เปโตร 3:7
เกี่ยวกับชีวิตแต่งงาน
เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน -ปฐมกาล 2:24
อย่าเกี่ยวดองกับเขาโดยการแต่งงาน อย่ายกบุตรสาวของท่านให้แก่บุตรชายของเขา หรือรับบุตรสาวของเขามาให้บุตรชายของท่าน เพราะเขาจะทำให้บุตรชายของท่านหันจากการติดตามเราไปปรนนิบัติพระอื่นๆ แล้วพระยาห์เวห์จะทรงพระพิโรธต่อท่านทั้งหลายและจะทรงทำลายท่านอย่างรวดเร็ว -เฉลยธรรมบัญญัติ 7:3-4
ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังปัญญาของข้า จงเอียงหูของเจ้าฟังความเข้าใจของข้า เพื่อเจ้าจะรักษาความเฉลียวฉลาดไว้ และปากของเจ้าจะระแวดระวังความรู้ เพราะปากของหญิงแพศยาก็หยาดน้ำผึ้งออกมา และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน แต่ในที่สุด นางก็ขมอย่างบอระเพ็ด และคมอย่างดาบสองคม เท้าของนางก้าวลงไปสู่ความตาย ย่างเท้าของนางมุ่งตรงไปยังแดนคนตาย นางไม่สนใจวิถีแห่งชีวิต หนทางของนางวนเวียนไป และนางไม่รู้ ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังข้า และอย่าพรากจากถ้อยคำแห่งปากของข้า จงหลีกทางของเจ้าให้ไกลจากนาง อย่าไปใกล้ประตูบ้านของนาง เกรงว่าเจ้าจะให้เกียรติของเจ้าแก่คนอื่น และให้ปีเดือนของเจ้าแก่คนไร้เมตตา เกรงว่าคนแปลกหน้าจะอิ่มเอมด้วยทรัพย์สินของเจ้า และของที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเจ้าจะตกไปในบ้านของคนต่างด้าว และเมื่อบั้นปลายชีวิตของเจ้ามาถึง เจ้าจะครวญคราง เมื่อเนื้อและกายของเจ้าเสื่อมสิ้นไป และเจ้าพูดว่า “ข้าเกลียดการตีสอนเสียจริงๆ และจิตใจของข้าดูหมิ่นการตักเตือน ข้าไม่ฟังเสียงครูของข้า หรือเอียงหูให้แก่ผู้สั่งสอนของข้า ข้าจวนจะย่อยยับอยู่รอมร่อ ในท่ามกลางคนที่ประชุมกันอยู่นั้น” จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้า ดื่มน้ำไหลจากบ่อของเจ้าเอง ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลเพรื่อออกไปนอกบ้าน? และให้ธารน้ำนั้นไหลไปที่ลานเมือง? จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว และไม่ใช่สำหรับคนแปลกหน้าด้วย จงให้น้ำพุของเจ้าได้รับพร และจงเปรมปรีดิ์อยู่กับภรรยาคนที่เจ้าได้เมื่อหนุ่มนั้น เหมือนนางกวางที่น่ารัก และเหมือนแม่เลียงผาที่งามสง่า จงให้ถันของภรรยาเจ้าเป็นที่หนำใจเจ้าอยู่ทุกเวลา จงดื่มด่ำอยู่กับความรักของนางเสมอ ลูกเอ๋ย เจ้าจะเคลิบเคลิ้มอยู่กับหญิงแพศยาทำไมเล่า? หรือโอบกอดอกของหญิงสำส่อนอยู่ทำไม? เพราะว่าทางของคนก็อยู่ในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงเฝ้าดูหนทางทั้งสิ้นของเขา ความบาปชั่วของคนอธรรมดักตัวเขาเอง และเขาก็ติดอยู่กับตาข่ายบาปของเขา เขาจะตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป -สุภาษิต 5
พวกฟาริสีมาทดลองพระองค์โดยทูลถามว่า “ผู้ชายจะหย่าภรรยาของเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมบัญญัติหรือไม่?” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านหรือว่า พระผู้ทรงสร้างมนุษย์แต่เดิมนั้น ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง และตรัสว่า ‘เพราะเหตุนี้ ผู้ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน’ ด้วยเหตุนี้เขาทั้งสองจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย” พวกเขาจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมโมเสสสั่งให้ทำหนังสือหย่าให้ภรรยา แล้วก็หย่าได้?” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “โมเสสยอมให้ท่านทั้งหลายหย่าภรรยา เพราะใจของท่านแข็งกระด้าง แต่เมื่อเดิมไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า ใครก็ตามที่หย่าภรรยาของตน แล้วไปมีภรรยาใหม่ก็ผิดประเวณี เว้นแต่ว่านางเป็นชู้กับชายอื่น ” พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “ถ้าลักษณะสามีภรรยาเป็นอย่างนั้น ไม่แต่งงานยังจะดีกว่า” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่ใช่ทุกคนจะรับคำสอนนี้ได้ ยกเว้นคนที่พระเจ้าประทานให้เท่านั้น เพราะคนที่เป็นขันทีตั้งแต่เกิดก็มี คนที่มนุษย์ทำให้เป็นขันทีก็มี คนที่ทำตัวเองให้เป็นขันทีเพราะเห็นแก่แผ่นดินสวรรค์ก็มี ใครรับได้ก็ให้รับเอาเถิด” -มัทธิว 19:3-12
อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีส่วนอะไรกับความอธรรม? และความสว่างจะมีส่วนกับความมืดได้อย่างไร? พระคริสต์กับเบลีอัลจะไปด้วยกันได้อย่างไร? หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ? วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพ? เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดำเนินในหมู่พวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา” “ฉะนั้น พวกเจ้าจงออกจากท่ามกลางพวกเขา และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ตรัส อย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าไว้ เราจะเป็นดังบิดา ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็น บุตรชาย บุตรหญิง ของเรา” พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น -2 โครินธ์ 6:14-18
ท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้ ขอให้เราชำระตัวเองให้ปราศจากมลทินทุกอย่างของเนื้อหนังและวิญญาณ จงมีความบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า จงเปิดใจรับเราเถิด เราไม่ได้ทำผิดต่อใคร หรือทำลายใคร หรือเอาเปรียบใครเลย ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อจะลงโทษพวกท่าน เพราะข้าพเจ้าได้บอกก่อนหน้านี้แล้วว่า ท่านทั้งหลายอยู่ในใจของเรา จะตายหรือจะเป็นก็อยู่ด้วยกัน ข้าพเจ้าไว้ใจและภูมิใจในพวกท่านมาก ข้าพเจ้าได้รับการหนุนใจอย่างบริบูรณ์ และมีความยินดีอย่างเหลือล้นในความยากลำบากทุกอย่างของเรา เพราะว่าเมื่อมาถึงแคว้นมาซิโดเนียแล้ว ร่างกายของเราไม่ได้พักผ่อนเลย แต่พบความลำบากรอบด้าน ภายนอกมีการต่อสู้ ภายในมีความกลัว แต่พระเจ้าผู้ทรงหนุนใจคนที่ท้อใจ ได้ทรงหนุนใจเราด้วยการมาของทิตัส และไม่เฉพาะเพียงการมาของเขาเท่านั้น แต่ยังด้วยการหนุนน้ำใจที่เขาได้รับจากพวกท่าน เขาบอกเราถึงความอาลัยและความโศกเศร้าของท่าน ทั้งความกระตือรือร้นของท่านทั้งหลายที่มีต่อข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งมีความยินดีมากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้าทำให้ท่านเสียใจเพราะจดหมายฉบับนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่เสียใจ (แม้ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าจะเสียใจ เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าจดหมายฉบับนั้นทำให้พวกท่านเสียใจแม้เพียงชั่วขณะ) แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความยินดี ไม่ใช่เพราะพวกท่านเสียใจ แต่เพราะความเสียใจนั้นทำให้ท่านกลับใจ เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้รับผลร้ายจากเราเลย เพราะว่าความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้เกิดการกลับใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความรอดและจะไม่ทำให้เสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำสู่ความตาย จงดูสิว่าความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้าเช่นนี้ นำไปสู่การเอาจริงเอาจังเพียงไร และยังทำให้เกิดการขวนขวายที่จะพิสูจน์ตัวเอง เกิดความขุ่นเคือง ความตื่นตัว ความอาลัย ความกระตือรือร้น และเกิดการลงโทษ พวกท่านพิสูจน์ตัวเองในทุกด้านแล้วว่าเป็นผู้ปราศจากความผิดในเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านทั้งหลาย ก็ไม่ใช่เพราะเห็นแก่คนที่ทำผิด หรือเพราะเห็นแก่คนที่ต้องทนต่อการร้าย แต่เพื่อให้การเอาจริงเอาจังที่ท่านมีต่อเรา ปรากฏกับพวกท่านเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า เพราะเหตุนี้เราจึงได้รับการหนุนใจ นอกจากได้รับการหนุนใจแล้ว เรายังมีความยินดีมากยิ่งขึ้นเนื่องจากความยินดีของทิตัส เพราะพวกท่านทุกคนทำให้จิตใจของเขาสงบ เพราะที่ข้าพเจ้าอวดเรื่องของท่านแก่ทิตัส ข้าพเจ้าก็ไม่ต้องละอายเลย แต่ทุกสิ่งที่เราพูดกับท่านทั้งหลายเป็นความจริงอย่างไร สิ่งที่เราอวดกับทิตัสก็ปรากฏเป็นจริงอย่างนั้น และความรักที่เขามีต่อพวกท่านก็เพิ่มพูนขึ้น เมื่อเขาระลึกถึงความเชื่อฟังของพวกท่าน และการที่พวกท่านทุกคนต้อนรับเขาด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น ข้าพเจ้าชื่นชมยินดี เพราะข้าพเจ้ามั่นใจพวกท่านได้อย่างเต็มที่ -2 โครินธ์ 7:1-16
ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านพ้นจากความพะวง ชายที่ไม่แต่งงานก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะให้เป็นที่พอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่คนที่แต่งงานก็พะวงในสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เพื่อจะให้เป็นที่พอใจของภรรยา เป็นการสองฝักสองฝ่าย หญิงที่ไม่แต่งงาน และหญิงพรหมจารี ก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเธอจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ทั้งกายและจิตวิญญาณ แต่หญิงที่แต่งงานแล้วก็พะวงในสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เพื่อจะให้เป็นที่พอใจของสามี ข้าพเจ้าพูดอย่างนี้ ก็เพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย ไม่ใช่จะเอาบ่วงคล้องท่าน แต่เพื่อชีวิตที่เหมาะสม และเพื่อให้การอุทิศตัวต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ถูกจำกัด แต่ถ้าชายใดคิดว่าไม่อาจจะปฏิบัติอย่างสมควรต่อคู่หมั้นของเขา มีความรักร้อนแรง และต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ให้เขาทำตามความต้องการ คือให้เขาแต่งงานเสียเพราะไม่เป็นความผิด แต่ถ้าชายใดตั้งใจแน่วแน่ และเห็นว่าไม่มีความจำเป็น และเขามีอำนาจเหนือความอยากของตนเอง และตัดสินใจว่าจะให้หญิงนั้นเป็นคู่หมั้นของเขาต่อไป เขาก็ทำดีแล้ว เพราะฉะนั้นใครที่แต่งงานกับคู่หมั้นของตนก็ทำดีอยู่ แต่ผู้ที่ไม่แต่งงานก็ทำดีกว่า ตราบใดที่สามียังมีชีวิตอยู่ ภรรยาต้องผูกพันกับเขา ถ้าสามีตายไป นางก็เป็นอิสระที่จะแต่งงานกับชายใดก็ได้ตามความต้องการ แต่ต้องเป็นผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้านางอยู่คนเดียวจะเป็นสุขกว่า และข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเองก็มีพระวิญญาณของพระเจ้าด้วย -1 โครินธ์ 7:32-40
จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน เพราะคนที่ประพฤติผิดทางเพศ และคนที่ล่วงประเวณีนั้นพระเจ้าจะทรงพิพากษา -ฮีบรู 13:4
คำอธิษฐานสำหรับสามีภรรยาอ่านด้วยกันก่อนนอน
สามี:
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตแต่งงานของเรา ขอบคุณพระเจ้าที่แสดงความรักของพระองค์ให้แก่เรา ขอให้พระองค์เปิดตาหัวใจของเราให้เห็นวิธีรักกันและกัน
ภรรยา:
พระบิดาเจ้าขอให้พระองค์ทรงสอนฉันเชื่อฟังสามีเหมือนที่คริสตจักรเชื่อฟังพระคริสต์ ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ฉันมองข้ามข้อผิดพลาดของสามีและเชื่อฟังสามีเหมือนเป็นการเชื่อฟังพระเจ้า
ในเวลาที่สามีกำลังทำความบาปอยู่ ขอให้พระองค์ทรงสอนให้ฉันบังคับลิ้นของตนเอง เผื่อว่าด้วยความนอบน้อมและการเชื่อฟังของฉันจะได้ชนะใจสามีได้ ขอให้พระองค์ทรงสอนวิธีแบ่งปันข้อพระคัมภีร์ ด้วยความนอบน้อมและความสุภาพ ในเวลาที่การกระทำของสามีไม่ตรงกับพระวจนะของพระองค์ เผื่อว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงการแก้ไขสามีด้วยตัวเอง แต่ให้พระวจนะของพระเจ้าซึ่งสามีต้องเชื่อฟังอยู่แล้วแก้สามีเอง
ขอให้พระองค์ทรงสอนให้ฉันสวยงามที่สุดคือด้วยความนอบน้อมและบุคลิกน่ารัก เพราะว่าความสวยงามที่แท้จริงสำหรับสามีที่ชอบธรรมไม่ใช่ทองคำหรือชุดโป๊
ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ฉันเชื่อฟังสามีทุกประการ และด้วยใจชื่นชมยินดีเช่นกัน ขอให้ฉันเรียนรู้ที่จะไม่เถียงหรือทะเลาะ แต่เลือกที่จะเงียบเลยโดยเฉพาะในเวลาที่ฉันมีประจำเดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาอ่อนแอของฉัน.
ฉันอธิษฐานเผื่อสามีเช่นกัน ขอให้สามีเรียนรู้ที่จะรักฉันเหมือนที่พระองค์รักคริสตจักร ฉันขอบคุณพระเจ้าสำหรับสามีของฉัน ซึ่งเป็นคนที่ยอมเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์
สามี:
ขอให้พระองค์สอนให้ผมรักภรรยาเหมือนพระองค์รักคริสตจักรและทรงถวายชีวิตเพื่อไถ่บาป ขอให้พระเจ้าช่วยผมในงานของผม ช่วยให้ผมขยันมากยิ่งขึ้นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพราะว่าถ้าผู้ชายคนไหนไม่ยอมหาเลี้ยงให้กับครอบครัวเขาก็แย่กว่าคนที่ยังไม่เชื่อ
ผมอธิฐานเผื่ออาจารย์และมิชชันนารีที่อาจจะไม่มีเงินเดือนประจำ ขอให้พระองค์ประทานให้แก่เขาเผื่อว่าเขาจะไม่ผิดในการหาเลี้ยงครอบครัว
ขอให้ผมยอมรับว่าผมจะอดอยากก่อนที่ภรรยาและลูกจะอดอยาก ขอให้พระองค์ทรงสอนให้ผมคืนหนี้ทั้งหมดเพราะเหตุผลเดียวกัน
ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ผมรักภรรยาเหมือนที่พระองค์รักคริสตจักร ขอให้ผมเรียนรู้ที่จะให้ความต้องการของภรรยามาก่อนในทุกๆเรื่อง
ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ผมนำด้วยความใจเย็น และไม่สั่งมากเกินไปถึงขนาดทำให้ภรรยาอึดอัด แต่ขอให้ผมสั่งเฉพาะในเวลาที่เกี่ยวกับความชอบธรรม ความปลอดภัยหรือความจำเป็นอื่นๆเท่านั้น
ขอให้พระองค์ช่วยให้ผมไม่เสแสร้ง เผื่อว่าผมจะไม่สั่งสิ่งที่ผมอาจจะไม่ยอมทำสำหรับผู้ที่มีอำนาจเหนือผม
ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ผมนำเหมือนที่พระเยซูและนำสาวก ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับภรรยาที่พระเจ้าได้ประทานให้ซึ่งเป็นคนที่ยอมเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า ขอให้เราสองคนโตด้วยกันในพระนามพระเยซูคริสต์และเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ อาเมน
ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน -ยอห์น 15:13
แม้ข้าพเจ้าจะพูดภาษาแปลกๆ ที่เป็นภาษามนุษย์หรือทูตสวรรค์ได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ จะรู้ความล้ำลึกทุกอย่างและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้จะมีความเชื่อมากยิ่งที่จะย้ายภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย แม้ข้าพเจ้าจะบริจาคสิ่งของของข้าพเจ้าทุกอย่างหรือยอมให้เอาตัวไปเผาไฟ แต่ไม่มีความรัก ก็จะไม่เป็นประโยชน์กับข้าพเจ้า ความรักนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีในความอธรรม แต่ชื่นชมยินดีในความจริง ความรักทนได้ทุกอย่าง เชื่ออยู่เสมอ มีความหวังและความทรหดอดทนอยู่เสมอ ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญ แม้การเผยพระวจนะก็จะเสื่อมสลายไป แม้การพูดภาษาแปลกๆ ก็จะเลิกพูดกัน แม้วิชาความรู้ก็จะเสื่อมสลายไป เพราะว่าเรารู้เพียงบางส่วน และก็เผยพระวจนะเพียงบางส่วน แต่เมื่อความสมบูรณ์มาถึงแล้ว ที่เป็นเพียงบางส่วนนั้นก็จะสูญไป เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก หาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการของเด็ก เพราะว่าเวลานี้เราเห็นสลัวๆ เหมือนดูในกระจก แต่ในเวลานั้นจะเห็นแบบหน้าต่อหน้า เวลานี้ข้าพเจ้ารู้เพียงบางส่วน แต่เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า และบัดนี้ ทั้งสามสิ่งนี้ยังดำรงอยู่ คือความเชื่อ ความหวัง และความรัก แต่ความรักนั้นใหญ่ที่สุดในสามสิ่งนี้ -1 โครินธ์ 13:1-13
ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย -กาลาเทีย 5:22-23
แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ความรักผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์ -โคโลสี 3:14
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จงรักกันและกันให้มาก เพราะความรักให้อภัยบาปมากมายได้ -1 เปโตร 4:8
ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง -1 ยอห์น 3:18
ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขับไล่ความกลัวออกไปเสีย เพราะความกลัวเกี่ยวข้องกับการลงโทษ และผู้ที่กลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์ -1 ยอห์น 4:8, 18
ภรรยา
พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสว่า “การที่ชายผู้นี้จะอยู่แต่ลำพังนั้นไม่ดี เราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ ที่เหมาะสมกับเขาขึ้น” -ปฐมกาล 2:18
พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากมากขึ้นแก่เจ้า และเมื่อเจ้ามีครรภ์ เจ้าจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด ถึงกระนั้น เจ้าจะยังปรารถนาในสามีของเจ้า และเขาจะปกครองตัวเจ้า” -ปฐมกาล 3:16
หญิงที่มีปัญญาสร้างบ้านของเธอขึ้น แต่หญิงโง่รื้อมันลงด้วยมือตนเอง -สุภาษิต 14:1
บุตรโง่เขลาเป็นความหายนะแก่บิดา และภรรยาขี้ทะเลาะก็เหมือนน้ำฝนย้อยหยดไม่หยุด บ้านกับทรัพย์สมบัติเป็นมรดกมาจากบิดา แต่ภรรยาที่ฉลาดมาจากพระยาห์เวห์ -สุภาษิต 19:13-14
อาศัยอยู่ในแดนกันดาร ดีกว่าอยู่กับหญิงขี้ทะเลาะและจู้จี้ขี้บ่น -สุภาษิต 21:19
ภรรยาที่เลิศประเสริฐใครเล่าจะหาพบ? คุณค่าของเธอเลิศล้ำกว่าทับทิม สามีของเธอก็ไว้ใจเธอ และเขาจะไม่ขาดประโยชน์ใดๆ เธอนำสิ่งดีมาให้เขา ไม่นำสิ่งร้าย ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของเธอ เธอแสวงหาขนแกะและป่าน และทำงานด้วยมืออย่างเต็มใจ เธอเป็นเหมือนเรือของพ่อค้า เธอนำอาหารของเธอมาจากที่ไกล เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่ และจัดอาหารให้ครอบครัวของเธอ และจัดงาน ให้แก่สาวใช้ของเธอ เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วซื้อไว้ ด้วยรายได้ของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และทำให้แขนของเธอแข็งแรง เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ เธอยื่นมือออกจับไน และมือของเธอจับเครื่องปั่นฝ้าย เธอหยิบยื่นให้คนยากจน เธอยื่นมือออกช่วยคนขัดสน เธอไม่กลัวหิมะมาทำให้ครอบครัวของเธอหนาว เพราะทุกคนในครอบครัวสวมเสื้อสองชั้น เธอทำผ้าปูเตียงสำหรับเธอ เสื้อผ้าของเธอทำด้วยผ้าลินินเนื้อละเอียดและผ้าสีม่วง สามีของเธอเป็นที่รู้จักที่ประตูเมือง เมื่อเขานั่งอยู่ในหมู่พวกผู้ใหญ่ของแผ่นดิน เธอทำเครื่องนุ่งห่มด้วยผ้าลินินไว้ขาย เธอส่งผ้าคาดเอวให้แก่พ่อค้า กำลังและความสง่าผ่าเผยเป็นอาภรณ์ของเธอ เธอหัวเราะให้แก่เหตุการณ์ที่จะมาถึง เธออ้าปากกล่าวด้วยปัญญา และคำสอนเจือความเอ็นดูอยู่ที่ลิ้นของเธอ เธอดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวอย่างดี และไม่เคยเกียจคร้าน ลูกๆ ของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า “สตรีมากมายทำได้ดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด” เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็ไม่จีรัง แต่สตรีที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ สมควรได้รับคำสรรเสริญ จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง -สุภาษิต 31:10-31
แต่ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านเข้าใจว่า พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของชาย ทุกคน และชายเป็นศีรษะของหญิง และพระเจ้าเป็นพระเศียร ของพระคริสต์ เพราะเหตุนี้เอง ผู้หญิงจึงสมควรจะมีสัญลักษณ์แห่ง สิทธิอำนาจนี้อยู่บนศีรษะ เพราะเห็นแก่พวกทูตสวรรค์
1 โครินธ์ 11:3, 10
จงให้บรรดาผู้หญิงอยู่เงียบๆ ในคริสตจักร เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พูด แต่ให้มีความนอบน้อมเหมือนที่ธรรมบัญญัติกล่าวไว้ ถ้าพวกเขาต้องการจะเรียนรู้สิ่งใด ก็ให้ถามสามีของตนที่บ้าน เพราะว่าการที่ผู้หญิงจะพูดในคริสตจักรนั้นก็เป็นเรื่องน่าอาย
1 โครินธ์ 14:34-35
ส่วนภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีของตน เหมือนยอมเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ โดยพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรยอมเชื่อฟังสามีทุกประการอย่างนั้น -เอเฟซัส 5:22-24
ส่วนพวกผู้หญิงก็เหมือนกัน ควรแต่งกายให้สุภาพด้วยความเหมาะสม และพอเหมาะพอควร ไม่ต้องถักผมหรือประดับกายด้วยทองคำ ไข่มุก หรือเสื้อผ้าราคาแพง แต่ประดับด้วยการทำดี สมกับเป็นหญิงที่ประกาศตนว่านมัสการพระเจ้า ให้ผู้หญิง เรียนอย่างเงียบๆ ด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ผู้หญิงสั่งสอนหรือควบคุม ผู้ชาย แต่ให้เธออยู่เงียบๆ เพราะพระเจ้าทรงสร้างอาดัมก่อน แล้วจึงสร้างเอวา และอาดัมไม่ได้ถูกล่อลวง แต่ผู้หญิงถูกล่อลวงและทำบาป แต่ถึงกระนั้น เธอก็จะได้รับความรอดในการมีบุตร ถ้าหากพวกเธอดำรงอยู่ในความเชื่อ ความรัก และความบริสุทธิ์ ด้วยความสงบเสงี่ยม -1 ทิโมธี 2:9-15
(พูดถึงภรรยาของผู้นำ) ส่วนพวกผู้หญิงก็เหมือนกัน ต้องเป็นคนน่านับถือ ไม่ใส่ร้ายคนอื่น รู้จักประมาณตน ซื่อสัตย์ในทุกๆ เรื่อง -1 ทิโมธี 3:11
ส่วนบรรดาผู้หญิงสูงอายุก็เหมือนกัน สอนพวกนางให้ประพฤติด้วยความน่านับถือ ไม่ใส่ร้าย ไม่ติดเหล้า แต่เป็นผู้สอนสิ่งที่ดีงาม เพื่ออบรมหญิงสาวให้รักสามีและบุตรของพวกตน มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนบริสุทธิ์ ดูแลบ้านเรือนอย่างดี มีความเมตตาและเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น -ทิตัส 2:3-5
ส่วนพวกท่านที่เป็นภรรยาก็เช่นกัน จงยอมเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าแม้สามีบางคนไม่เชื่อพระวจนะ แต่ความประพฤติของภรรยาก็อาจจะจูงใจพวกเขาให้เชื่อได้ โดยไม่ต้องพูดเลยสักคำเดียว คือเมื่อพวกเขาได้เห็นความประพฤติที่นอบน้อม และบริสุทธิ์ของพวกท่าน อย่าประดับตัวแต่ภายนอก ด้วยการถักผม การสวมใส่เครื่องทอง หรือการนุ่งห่มเสื้อผ้า แต่จงประดับด้วยบุคลิกที่ซ่อนอยู่ในใจ ด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า เพราะว่าบรรดาสตรีผู้บริสุทธิ์ในสมัยก่อนนั้น ผู้ซึ่งหวังในพระเจ้า ก็ได้ประดับกายโดยยอมเชื่อฟังสามีของตน เช่นนางซาราห์เชื่อฟังอับราฮัมและเรียกท่านว่านาย ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติดี และไม่มีความหวาดกลัวสิ่งใด พวกท่านก็เป็นบุตรหลานของนาง -1 เปโตร 3:1-6
สามี
ใครพบภรรยาก็พบของดี และได้ความโปรดปรานจากพระยาห์เวห์ -สุภาษิต 18:22
และพวกท่านได้ทำอย่างนี้อีกด้วย คือท่านเอาน้ำตารดทั่วแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ร้องไห้คร่ำครวญเพราะพระองค์ไม่สนพระทัยหรือรับเครื่องบูชาด้วยชอบพระทัยจากมือของท่านอีกแล้ว พวกท่านถามว่า “เหตุใดพระองค์จึงไม่รับ?” เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพยานระหว่างท่านกับภรรยาคนที่ท่านได้เมื่อหนุ่มนั้น แม้ว่านางเป็นคู่เคียงของท่านและเป็นภรรยาของท่านตามพันธสัญญา ท่านก็ทรยศต่อนาง แต่ไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติจะทำอย่างนี้ ผู้มีสตินั้นย่อมประสงค์อะไร? ย่อมประสงค์ลูกหลานที่เชื่อฟังพระเจ้า ดังนั้นจงระวังตัวให้ดี อย่าให้ผู้ใดทรยศต่อภรรยาคนที่ได้เมื่อหนุ่มนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสว่า “เพราะว่าเราเกลียดชังการหย่าร้าง และความทารุณ ” พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ เพราะฉะนั้น จงระวังตัวให้ดี อย่าเป็นคนทรยศ -มาลาคี 2:13-16
ส่วนสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนพระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร เพื่อจะทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์โดยการชำระด้วยน้ำและพระวจนะ เพื่อพระองค์จะได้คริสตจักรที่มีศักดิ์ศรี ไม่มีด่างพร้อย ริ้วรอย หรือมลทินใดๆ เลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ ในทำนองเดียวกัน สามีต้องรักภรรยาของตนเหมือนรักร่างกายของตัวเอง คนที่รักภรรยาของตัวเองก็รักตัวเองด้วย เพราะว่าไม่มีใครเกลียดชังกาย ของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทะนุถนอม เหมือนที่พระคริสต์ทรงทำแก่คริสตจักร เพราะว่าเราเป็นอวัยวะของพระกายของพระองค์ “เพราะเหตุนี้เอง ผู้ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” ความล้ำลึกในเรื่องนี้สำคัญ และข้าพเจ้าเข้าใจว่าหมายถึงพระคริสต์และคริสตจักร อย่างไรก็ดี พวกท่านแต่ละคนจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตัวเอง และภรรยาก็จงยำเกรงสามี -เอเฟซัส 5:25-33
สามีทั้งหลายจงรักภรรยาของตน และอย่าทำรุนแรงต่อพวกนาง -โคโลสี 3:19
(เงื่อนไขของการเป็นผู้นำ) ปกครองครอบครัวของตนได้ดี อบรมบุตร ธิดา ให้มีความนอบน้อมด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง (เพราะถ้าชายคนไหนไม่รู้จักปกครองครอบครัวของตน คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้าได้อย่างไร?) -1 ทิโมธี 3:4-5
ถ้าใครไม่เลี้ยงดูญาติพี่น้อง และโดยเฉพาะคนในครอบครัวแล้ว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก -1 ทิโมธี 5:8
พวกท่านที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจ ในฐานะที่เธอเป็นเพศ ที่อ่อนแอกว่า และจงให้เกียรติเธอในฐานะที่เป็นทายาทร่วมรับชีวิตอันเป็นพระคุณ เพื่อคำอธิษฐานของพวกท่านจะไม่ถูกขัดขวาง -1 เปโตร 3:7
เกี่ยวกับชีวิตแต่งงาน
เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน -ปฐมกาล 2:24
อย่าเกี่ยวดองกับเขาโดยการแต่งงาน อย่ายกบุตรสาวของท่านให้แก่บุตรชายของเขา หรือรับบุตรสาวของเขามาให้บุตรชายของท่าน เพราะเขาจะทำให้บุตรชายของท่านหันจากการติดตามเราไปปรนนิบัติพระอื่นๆ แล้วพระยาห์เวห์จะทรงพระพิโรธต่อท่านทั้งหลายและจะทรงทำลายท่านอย่างรวดเร็ว -เฉลยธรรมบัญญัติ 7:3-4
ลูกเอ๋ย จงตั้งใจฟังปัญญาของข้า จงเอียงหูของเจ้าฟังความเข้าใจของข้า เพื่อเจ้าจะรักษาความเฉลียวฉลาดไว้ และปากของเจ้าจะระแวดระวังความรู้ เพราะปากของหญิงแพศยาก็หยาดน้ำผึ้งออกมา และคำพูดของนางก็ลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน แต่ในที่สุด นางก็ขมอย่างบอระเพ็ด และคมอย่างดาบสองคม เท้าของนางก้าวลงไปสู่ความตาย ย่างเท้าของนางมุ่งตรงไปยังแดนคนตาย นางไม่สนใจวิถีแห่งชีวิต หนทางของนางวนเวียนไป และนางไม่รู้ ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังข้า และอย่าพรากจากถ้อยคำแห่งปากของข้า จงหลีกทางของเจ้าให้ไกลจากนาง อย่าไปใกล้ประตูบ้านของนาง เกรงว่าเจ้าจะให้เกียรติของเจ้าแก่คนอื่น และให้ปีเดือนของเจ้าแก่คนไร้เมตตา เกรงว่าคนแปลกหน้าจะอิ่มเอมด้วยทรัพย์สินของเจ้า และของที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเจ้าจะตกไปในบ้านของคนต่างด้าว และเมื่อบั้นปลายชีวิตของเจ้ามาถึง เจ้าจะครวญคราง เมื่อเนื้อและกายของเจ้าเสื่อมสิ้นไป และเจ้าพูดว่า “ข้าเกลียดการตีสอนเสียจริงๆ และจิตใจของข้าดูหมิ่นการตักเตือน ข้าไม่ฟังเสียงครูของข้า หรือเอียงหูให้แก่ผู้สั่งสอนของข้า ข้าจวนจะย่อยยับอยู่รอมร่อ ในท่ามกลางคนที่ประชุมกันอยู่นั้น” จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้า ดื่มน้ำไหลจากบ่อของเจ้าเอง ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลเพรื่อออกไปนอกบ้าน? และให้ธารน้ำนั้นไหลไปที่ลานเมือง? จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว และไม่ใช่สำหรับคนแปลกหน้าด้วย จงให้น้ำพุของเจ้าได้รับพร และจงเปรมปรีดิ์อยู่กับภรรยาคนที่เจ้าได้เมื่อหนุ่มนั้น เหมือนนางกวางที่น่ารัก และเหมือนแม่เลียงผาที่งามสง่า จงให้ถันของภรรยาเจ้าเป็นที่หนำใจเจ้าอยู่ทุกเวลา จงดื่มด่ำอยู่กับความรักของนางเสมอ ลูกเอ๋ย เจ้าจะเคลิบเคลิ้มอยู่กับหญิงแพศยาทำไมเล่า? หรือโอบกอดอกของหญิงสำส่อนอยู่ทำไม? เพราะว่าทางของคนก็อยู่ในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงเฝ้าดูหนทางทั้งสิ้นของเขา ความบาปชั่วของคนอธรรมดักตัวเขาเอง และเขาก็ติดอยู่กับตาข่ายบาปของเขา เขาจะตายเพราะขาดวินัยในชีวิต และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป -สุภาษิต 5
พวกฟาริสีมาทดลองพระองค์โดยทูลถามว่า “ผู้ชายจะหย่าภรรยาของเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมบัญญัติหรือไม่?” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านหรือว่า พระผู้ทรงสร้างมนุษย์แต่เดิมนั้น ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง และตรัสว่า ‘เพราะเหตุนี้ ผู้ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน’ ด้วยเหตุนี้เขาทั้งสองจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย” พวกเขาจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมโมเสสสั่งให้ทำหนังสือหย่าให้ภรรยา แล้วก็หย่าได้?” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “โมเสสยอมให้ท่านทั้งหลายหย่าภรรยา เพราะใจของท่านแข็งกระด้าง แต่เมื่อเดิมไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า ใครก็ตามที่หย่าภรรยาของตน แล้วไปมีภรรยาใหม่ก็ผิดประเวณี เว้นแต่ว่านางเป็นชู้กับชายอื่น ” พวกสาวกทูลพระองค์ว่า “ถ้าลักษณะสามีภรรยาเป็นอย่างนั้น ไม่แต่งงานยังจะดีกว่า” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่ใช่ทุกคนจะรับคำสอนนี้ได้ ยกเว้นคนที่พระเจ้าประทานให้เท่านั้น เพราะคนที่เป็นขันทีตั้งแต่เกิดก็มี คนที่มนุษย์ทำให้เป็นขันทีก็มี คนที่ทำตัวเองให้เป็นขันทีเพราะเห็นแก่แผ่นดินสวรรค์ก็มี ใครรับได้ก็ให้รับเอาเถิด” -มัทธิว 19:3-12
อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีส่วนอะไรกับความอธรรม? และความสว่างจะมีส่วนกับความมืดได้อย่างไร? พระคริสต์กับเบลีอัลจะไปด้วยกันได้อย่างไร? หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ? วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพ? เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดำเนินในหมู่พวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา” “ฉะนั้น พวกเจ้าจงออกจากท่ามกลางพวกเขา และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ตรัส อย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าไว้ เราจะเป็นดังบิดา ของพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็น บุตรชาย บุตรหญิง ของเรา” พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น -2 โครินธ์ 6:14-18
ท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อเรามีพระสัญญาเช่นนี้ ขอให้เราชำระตัวเองให้ปราศจากมลทินทุกอย่างของเนื้อหนังและวิญญาณ จงมีความบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า จงเปิดใจรับเราเถิด เราไม่ได้ทำผิดต่อใคร หรือทำลายใคร หรือเอาเปรียบใครเลย ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อจะลงโทษพวกท่าน เพราะข้าพเจ้าได้บอกก่อนหน้านี้แล้วว่า ท่านทั้งหลายอยู่ในใจของเรา จะตายหรือจะเป็นก็อยู่ด้วยกัน ข้าพเจ้าไว้ใจและภูมิใจในพวกท่านมาก ข้าพเจ้าได้รับการหนุนใจอย่างบริบูรณ์ และมีความยินดีอย่างเหลือล้นในความยากลำบากทุกอย่างของเรา เพราะว่าเมื่อมาถึงแคว้นมาซิโดเนียแล้ว ร่างกายของเราไม่ได้พักผ่อนเลย แต่พบความลำบากรอบด้าน ภายนอกมีการต่อสู้ ภายในมีความกลัว แต่พระเจ้าผู้ทรงหนุนใจคนที่ท้อใจ ได้ทรงหนุนใจเราด้วยการมาของทิตัส และไม่เฉพาะเพียงการมาของเขาเท่านั้น แต่ยังด้วยการหนุนน้ำใจที่เขาได้รับจากพวกท่าน เขาบอกเราถึงความอาลัยและความโศกเศร้าของท่าน ทั้งความกระตือรือร้นของท่านทั้งหลายที่มีต่อข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งมีความยินดีมากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้าทำให้ท่านเสียใจเพราะจดหมายฉบับนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่เสียใจ (แม้ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าจะเสียใจ เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าจดหมายฉบับนั้นทำให้พวกท่านเสียใจแม้เพียงชั่วขณะ) แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความยินดี ไม่ใช่เพราะพวกท่านเสียใจ แต่เพราะความเสียใจนั้นทำให้ท่านกลับใจ เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้รับผลร้ายจากเราเลย เพราะว่าความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้เกิดการกลับใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความรอดและจะไม่ทำให้เสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำสู่ความตาย จงดูสิว่าความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้าเช่นนี้ นำไปสู่การเอาจริงเอาจังเพียงไร และยังทำให้เกิดการขวนขวายที่จะพิสูจน์ตัวเอง เกิดความขุ่นเคือง ความตื่นตัว ความอาลัย ความกระตือรือร้น และเกิดการลงโทษ พวกท่านพิสูจน์ตัวเองในทุกด้านแล้วว่าเป็นผู้ปราศจากความผิดในเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านทั้งหลาย ก็ไม่ใช่เพราะเห็นแก่คนที่ทำผิด หรือเพราะเห็นแก่คนที่ต้องทนต่อการร้าย แต่เพื่อให้การเอาจริงเอาจังที่ท่านมีต่อเรา ปรากฏกับพวกท่านเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า เพราะเหตุนี้เราจึงได้รับการหนุนใจ นอกจากได้รับการหนุนใจแล้ว เรายังมีความยินดีมากยิ่งขึ้นเนื่องจากความยินดีของทิตัส เพราะพวกท่านทุกคนทำให้จิตใจของเขาสงบ เพราะที่ข้าพเจ้าอวดเรื่องของท่านแก่ทิตัส ข้าพเจ้าก็ไม่ต้องละอายเลย แต่ทุกสิ่งที่เราพูดกับท่านทั้งหลายเป็นความจริงอย่างไร สิ่งที่เราอวดกับทิตัสก็ปรากฏเป็นจริงอย่างนั้น และความรักที่เขามีต่อพวกท่านก็เพิ่มพูนขึ้น เมื่อเขาระลึกถึงความเชื่อฟังของพวกท่าน และการที่พวกท่านทุกคนต้อนรับเขาด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น ข้าพเจ้าชื่นชมยินดี เพราะข้าพเจ้ามั่นใจพวกท่านได้อย่างเต็มที่ -2 โครินธ์ 7:1-16
ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านพ้นจากความพะวง ชายที่ไม่แต่งงานก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะให้เป็นที่พอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่คนที่แต่งงานก็พะวงในสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เพื่อจะให้เป็นที่พอใจของภรรยา เป็นการสองฝักสองฝ่าย หญิงที่ไม่แต่งงาน และหญิงพรหมจารี ก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเธอจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ทั้งกายและจิตวิญญาณ แต่หญิงที่แต่งงานแล้วก็พะวงในสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เพื่อจะให้เป็นที่พอใจของสามี ข้าพเจ้าพูดอย่างนี้ ก็เพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย ไม่ใช่จะเอาบ่วงคล้องท่าน แต่เพื่อชีวิตที่เหมาะสม และเพื่อให้การอุทิศตัวต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ถูกจำกัด แต่ถ้าชายใดคิดว่าไม่อาจจะปฏิบัติอย่างสมควรต่อคู่หมั้นของเขา มีความรักร้อนแรง และต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ให้เขาทำตามความต้องการ คือให้เขาแต่งงานเสียเพราะไม่เป็นความผิด แต่ถ้าชายใดตั้งใจแน่วแน่ และเห็นว่าไม่มีความจำเป็น และเขามีอำนาจเหนือความอยากของตนเอง และตัดสินใจว่าจะให้หญิงนั้นเป็นคู่หมั้นของเขาต่อไป เขาก็ทำดีแล้ว เพราะฉะนั้นใครที่แต่งงานกับคู่หมั้นของตนก็ทำดีอยู่ แต่ผู้ที่ไม่แต่งงานก็ทำดีกว่า ตราบใดที่สามียังมีชีวิตอยู่ ภรรยาต้องผูกพันกับเขา ถ้าสามีตายไป นางก็เป็นอิสระที่จะแต่งงานกับชายใดก็ได้ตามความต้องการ แต่ต้องเป็นผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้านางอยู่คนเดียวจะเป็นสุขกว่า และข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเองก็มีพระวิญญาณของพระเจ้าด้วย -1 โครินธ์ 7:32-40
จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน เพราะคนที่ประพฤติผิดทางเพศ และคนที่ล่วงประเวณีนั้นพระเจ้าจะทรงพิพากษา -ฮีบรู 13:4
คำอธิษฐานสำหรับสามีภรรยาอ่านด้วยกันก่อนนอน
สามี:
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตแต่งงานของเรา ขอบคุณพระเจ้าที่แสดงความรักของพระองค์ให้แก่เรา ขอให้พระองค์เปิดตาหัวใจของเราให้เห็นวิธีรักกันและกัน
ภรรยา:
พระบิดาเจ้าขอให้พระองค์ทรงสอนฉันเชื่อฟังสามีเหมือนที่คริสตจักรเชื่อฟังพระคริสต์ ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ฉันมองข้ามข้อผิดพลาดของสามีและเชื่อฟังสามีเหมือนเป็นการเชื่อฟังพระเจ้า
ในเวลาที่สามีกำลังทำความบาปอยู่ ขอให้พระองค์ทรงสอนให้ฉันบังคับลิ้นของตนเอง เผื่อว่าด้วยความนอบน้อมและการเชื่อฟังของฉันจะได้ชนะใจสามีได้ ขอให้พระองค์ทรงสอนวิธีแบ่งปันข้อพระคัมภีร์ ด้วยความนอบน้อมและความสุภาพ ในเวลาที่การกระทำของสามีไม่ตรงกับพระวจนะของพระองค์ เผื่อว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงการแก้ไขสามีด้วยตัวเอง แต่ให้พระวจนะของพระเจ้าซึ่งสามีต้องเชื่อฟังอยู่แล้วแก้สามีเอง
ขอให้พระองค์ทรงสอนให้ฉันสวยงามที่สุดคือด้วยความนอบน้อมและบุคลิกน่ารัก เพราะว่าความสวยงามที่แท้จริงสำหรับสามีที่ชอบธรรมไม่ใช่ทองคำหรือชุดโป๊
ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ฉันเชื่อฟังสามีทุกประการ และด้วยใจชื่นชมยินดีเช่นกัน ขอให้ฉันเรียนรู้ที่จะไม่เถียงหรือทะเลาะ แต่เลือกที่จะเงียบเลยโดยเฉพาะในเวลาที่ฉันมีประจำเดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาอ่อนแอของฉัน.
ฉันอธิษฐานเผื่อสามีเช่นกัน ขอให้สามีเรียนรู้ที่จะรักฉันเหมือนที่พระองค์รักคริสตจักร ฉันขอบคุณพระเจ้าสำหรับสามีของฉัน ซึ่งเป็นคนที่ยอมเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์
สามี:
ขอให้พระองค์สอนให้ผมรักภรรยาเหมือนพระองค์รักคริสตจักรและทรงถวายชีวิตเพื่อไถ่บาป ขอให้พระเจ้าช่วยผมในงานของผม ช่วยให้ผมขยันมากยิ่งขึ้นเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพราะว่าถ้าผู้ชายคนไหนไม่ยอมหาเลี้ยงให้กับครอบครัวเขาก็แย่กว่าคนที่ยังไม่เชื่อ
ผมอธิฐานเผื่ออาจารย์และมิชชันนารีที่อาจจะไม่มีเงินเดือนประจำ ขอให้พระองค์ประทานให้แก่เขาเผื่อว่าเขาจะไม่ผิดในการหาเลี้ยงครอบครัว
ขอให้ผมยอมรับว่าผมจะอดอยากก่อนที่ภรรยาและลูกจะอดอยาก ขอให้พระองค์ทรงสอนให้ผมคืนหนี้ทั้งหมดเพราะเหตุผลเดียวกัน
ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ผมรักภรรยาเหมือนที่พระองค์รักคริสตจักร ขอให้ผมเรียนรู้ที่จะให้ความต้องการของภรรยามาก่อนในทุกๆเรื่อง
ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ผมนำด้วยความใจเย็น และไม่สั่งมากเกินไปถึงขนาดทำให้ภรรยาอึดอัด แต่ขอให้ผมสั่งเฉพาะในเวลาที่เกี่ยวกับความชอบธรรม ความปลอดภัยหรือความจำเป็นอื่นๆเท่านั้น
ขอให้พระองค์ช่วยให้ผมไม่เสแสร้ง เผื่อว่าผมจะไม่สั่งสิ่งที่ผมอาจจะไม่ยอมทำสำหรับผู้ที่มีอำนาจเหนือผม
ขอให้พระเจ้าทรงสอนให้ผมนำเหมือนที่พระเยซูและนำสาวก ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับภรรยาที่พระเจ้าได้ประทานให้ซึ่งเป็นคนที่ยอมเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า ขอให้เราสองคนโตด้วยกันในพระนามพระเยซูคริสต์และเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ อาเมน