THAI TOPICAL TRACTS
  • Home
  • หนังสือเล่มเล็กสอนพระคัมภีร์ตามหัวข้
    • พระกิตติคุณ (The Gospel)
    • พระเจ้ามีจริง (God is Real)
    • พระเจ้าเป็นความรัก (God is love)
    • พระเจ้าทรงแสนดี (God is good)
    • พระตรีเอกานุภาพ (The Trinity)
    • พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง (Prosperity gospel)
    • การบังเกิดใหม่ด้วยการตัดสินใจ (Decisional regeneration)
    • นรกนิรันดร์ (Eternal Hell)
    • การอธิษฐาน (Prayer)
    • ความอดทนถึงความสำเร็จของผู้เชื่อ (Perseverance of the saints)
    • การต่อต้านพยานพระยะโฮวา (JW rejected)
    • 40 คำเผยพระวจนะเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ (40 messianic propho
    • การเปรียบเทียบศาสนาอิสลาม (Islam compared)
    • ศาสนาพุทธจากมุมมองพระคัมภีร์ (Buddhism compared)
    • การไหว้รูปเคารพ (Idolatry)
    • ความกลัว (Fear)
    • การผูกมัดเจตจำนง (The bondage of the will by Martin Luther)
    • พระบัญญัติ 10 ประการ
    • วันคริสต์มาส (Christmas)
    • ชีวิตแต่งงาน (marriage)
    • การตีสอนลูก (Child discipline)
    • มารซาตาน (Satan and evil spirits))
    • ตะกละ (Gluttony)
    • ส.ล.ด.พ.อ. (T.U.L.I.P.)
    • Government (ผู้ปกครองเมือง)
    • 40 อุปมาของพระเยซู (40 parables)
    • การต่อสู้ (fighting)
    • ความโกรธ (anger)
    • พระบัญชา (The Great Commission)
    • ธุรกิจและการทำงาน (Business and work)
  • แผ่นท่องจำบทพระคัมภีร์ที่แนะนำ
  • บรรณาธิการ & ภารกิจ (Editor & Mission)
  • Blog
  • ติดต่อ (contact)
Picture
right click to save and print on a4 paper for the tract cover

เลือกดาวน์โหลด... ซ้ายมือสำหรับทำรูปแบบหนังสือ ขวามือสำหรับรูปแบบมือถือหรือแผ่นใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ
Choose a download... left for booklet, right for digital or other use.


ภาษาไทย

a4 Duplex printing booklet download
In sequential order download
COVER WITH ADDITIONAL MESSAGE

เปรียบเทียบศาสนาอิสลามกับพระคัมภีร์
Islam compared to the bible

1. อัลกุรอานได้พูดถึงพระคัมภีร์อย่างไรไว้บ้าง?

อัลกุรอานได้ให้เกียรติพระคัมภีร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคำสอนของพระเยซู ศาสนาต่างๆก็มีหนังสือศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แต่ว่า เมื่ออัลกุรอานได้พูดถึง "บรรดาผู้รับคัมภีร์" อัลกุรอานกำลังพูดถึงชาวยิวกับคริสเตียน เพราะว่าคัมภีร์เท่านั้น ไม่ใช่หนังสือของศาสนาอื่นๆ ถูกยอมรับว่ามาจากพระเจ้า 

[คัมภีร์กุรอาน 32:23] และโดยแน่นอน เราได้ให้คัมภีร์แก่มูซา ดังนั้น เจ้า(มุฮัมมัด) อย่าอยู่ในการสงสัยต่อการพบมัน และเราได้ทำให้มัน (คัมภีร์อัตเรารอฮฺ) เป็นแนวทางที่ถูกต้องแก่วงศ์วานของอิสรออีล

[คัมภีร์กุรอาน 3:64] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า โอ้บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ ! จงมายังถ้อยคำหนึ่งซึ่งเท่าเทียมกัน ระหว่างเราและพวกท่าน คือว่าเราจะไม่เคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น และเราจะไม่ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และพวกเราบางคนก็จะไม่ยึดถืออีกบางคนเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์ แล้วหากพวกเขาผินหลังให้ ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเราเป็นผู้น้อมตาม

[คัมภีร์กุรอาน 40:53] แน่นอนเราได้ประทานการชี้นำทางแก่มูซา และเราได้ให้มรดกแก่วงศ์วารของอิสรออีล คือคัมภีร์

[คัมภีร์กุรอาน 3:184] แล้วหากพวกเขาปฏิเสธเจ้า ก็แท้จริงนั้น บรรดาร่อซูลก่อนหน้าเจ้าก็ได้ถูกปฏิเสธมาแล้วซึ่งเขาเหล่านั้นได้นำบรรดาหลักฐานอันชัดเจน บรรดาคัมภีร์ซะบูร์ และคัมภีร์ที่ให้แสงสว่าง มาด้วย

[คัมภีร์กุรอาน 3:81] และจงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์ได้ทรงเอาข้อสัญญาแก่นะบีทั้งหลายว่า สิ่งที่ข้าได้ให้แก่พวกเจ้านั้นไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ก็ดี และความรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติในบัญญัติศาสนาก็ดี ภายหลังได้มีร่อซูลคนใดมายังพวกเจ้าซึ่งเป็นผู้นยืนยันในสิ่งที่มีอยู่กับพวกเจ้าแล้ว แน่นอนพวกเจ้าจะต้องศรัทธาต่อเขา และช่วยเหลือเขา พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้ายอมรับและเอาข้อสัญญาของข้าดังกล่าวนั้นแล้วใช่ไหม? พวกเขากล่าวว่า พวกข้าพระองค์ยอมรับแล้ว พระองค์ตรัสว่า พวกเจ้าจงเป้นพยานเถิด และข้าก็อยู่ในหมู่เป็นพยานร่วมกับพวกเจ้าด้วย

Yet the following Qur'anic verse says the Bible was to be known and clear for all mankind. This is not a contradiction of the previous Qur'anic verse though, because it was initially a guide for Israel and then for all mankind.
แต่ว่าข้ออัลกุรอานที่ตามมาบอกว่า พระคัมภีร์เป็นที่รู้จักและชัดเจนสำหรับมนุษย์ทุกคน อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้เป็นความขัดแย้งขออัลกุรอานต่างๆที่ผ่านมา บอกว่าอาการทีนี้ เป็นเพื่อนนำอิสราเอลก่อน และหลังจากนั้นมนุษย์ทั้งปวง

[คัมภีร์กุรอาน 3:187] และจงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮฺทรงเอาคำมั่นสัญญาจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ว่า แน่นอนยิ่งพวกเจ้าจะต้องแจกแจงคัมภีร์ นั้นให้แจ่มแจ้งแก่ประชาชนทั้งหลาย และพวกเจ้าจะต้องไม่ปิดบังมัน แล้วพวกเขาก็เหวี่ยงมันไว้เบื้องหลังพวกเขา และได้แลกเปลี่ยนกับราคาอันเล็กน้อย ช่างเลวร้ายแท้ ๆ สิ่งที่พวกเขาแลกเปลี่ยนมา

ในขณะที่ข้อกุรอานอันนี้ ได้ วิจารณ์ บรรดาผู้รับคำภีร์ ข้อนี้ไม่ได้วิจารณ์พระคัมภีร์ซึ่งพระเจ้าได้ประทานให้มนุษย์ 

[คัมภีร์กุรอาน 4:47] บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย ! จงศรัทธาต่อสิ่งที่เราได้ให้ลงมา เพื่อยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเจ้า เถิด ก่อนจากที่เราจะลบใบหน้าของพวกเขา แล้วให้มันกลับไปอยู่ข้างหลังของมัน หรือไม่ก็จะสาปพวกเขาเช่นเดียวกับที่เราได้สาปบรรดาผู้ที่ทำการละเมิดในวันสับบะโต และคำสั่งของอัลลอฮฺนั้นย่อมถูกปฏิบัติตามเสมอ

[คัมภีร์กุรอาน 29:46] และพวกเจ้าอย่าโต้เถียงกับพวกอะฮ์ลุลกิตาบเว้นแต่ด้วยวิธีที่ดีกว่า นอกจากบรรดาผู้อธรรมในหมู่พวกเขา และพวกเจ้าจงกล่าวว่า เราศรัธาในสิ่งที่ถูกประทานแก่เราและสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่พวกเจ้า และพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกเขาเป็นเอกะ และเราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์

[คัมภีร์กุรอาน 4:150] แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และบรรดาร่อซูลของพระองค์และต้องการที่จะแยกระหว่างอัลลอฮฺ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ และกล่าวว่า เราศรัทธาในบางคนและปฏิเสธศรัทธาในบางคน และพวกเขาต้องการที่จะยึดเอาในระหว่างนั้น ซึ่งทางใดทางหนึ่งนั้น


2. การให้เกียรติที่อัลกุรอานมีต่อชาวคริสเตียน

[คัมภีร์กุรอาน 5:82] แน่นอนเจ้าจะพบว่า หมู่ชนที่เป็นศัตรูอันรุนแรงแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นคือชาวยิว และบรรดาผู้ที่ให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ และแน่นอนเจ้าจะพบว่า บรรดาผู้ที่มีความรักใคร่แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาใกล้กว่า พวกเขา นั้นคือ บรรดาผู้ที่กล่าวว่าแท้จริงพวกเราเป็นคริสต์ นั่นก็เพราะว่า ในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดานักปราชญ์ และบาดหลวงและก็เพราะว่าพวกเขาไม่เย่อหยิ่ง

เชิงอรรถ ได้อธิบายว่า ข้อนี้ไม่ได้พูดถึงทุกคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นคริสเตียน แต่พูดถึงคริสเตียนที่จริงใจ

[คัมภีร์กุรอาน 2:62] แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และบรรดาผู้ที่เป็นคริสเตียน และอัศ-ซอบิอีน ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก และประกอบสิ่งที่ดีแล้ว พวกเขาก็จะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ


3. ผู้เผยพระวจนะและศาสดาซึ่งทั้งพระคัมภีร์และคัมภีร์กุรอานได้พูดถึง

ทุกคนสามารถยอมรับว่า พวกเราต้องยอมรับผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าทุกคนเพราะว่า จะยอมรับบ้างและปฏิเสธบ้างก็ไม่ได้ ในส่วนถัดไปก็จะพูดถึงผู้เผยพระวจนะและผู้ชอบธรรมที่ทั้งพระคัมภีร์และคัมภีร์กุรอานได้พูดถึง

[คัมภีร์กุรอาน 6:84-85] และเราได้ให้เขา ซึ่งอิสฮาก และยะอ์กูบ ทั้งหมดนั้นเราได้แนะนำแล้ว และนูฮเราก็ได้แนะนำแล้วแต่ก่อนโน้น และจากลูกหลานของเขานั้น คือดาวูด และสุลัยมาน และอัยยูบและยูซุฟและมูซา และฮารูน และในทำนองนั้นแหละ เราจะตอบแทนแก่ผู้กระทำดีทั้งหลาย และซะกะรียา และยะฮ์ยา และอีซา และอิลยาส ทุกคนนั้นอยู่ในหมู่คนดี

มากกว่านี้ ทั้งพระคัมภีร์และคัมภีร์กุรอานได้พูดถึง อาดัม, โนอาห์, โลท, พี่ชายพี่สาวของโมเสส, พระราชินีแห่งเชบา, กาเบรียล มีคาเอลและมีคาเอล, เอลีชาห์, นางมารีย์, และอัครทูตของพระเยซู. 

4. คัมภีร์กุรอานไม่เคยบอกว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้ถูกเปลี่ยนแปลง

คัมภีร์กุรอานบอกว่าบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์บางคนหน้าซื่อใจคด (คัมภีร์กุรอาน 5:61-63) และบิดเบือนสิ่งที่พวกเขาได้ยิน อย่างไรก็ตาม คัมภีร์กุรอานไม่เคยบอกว่า พระคัมภีร์ซึ่งถูกประทานให้บรรดาผู้รับคัมภีร์นั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลง พระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจที่จะประธานพระวจนะของพระองค์  และก็มีฤทธิ์อำนาจที่จะปกป้องพระวจนะของพระองค์จากการเปลี่ยนแปลง

คัมภีร์กุรอาน 2:75 ได้พูดเกี่ยวกับบางคน (อาจจะเป็นชาวยิวของเมดินา?), "เคยสดับฟังดำรัสอัลลอฮ์แล้วพวกเขาก็บิดเบือนมันเสีย หลังจากที่พวกเขาเข้าใจแล้ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ตระหนักดีอยู่" แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเปลี่ยนพระคัมภีร์ แต่แค่บอกว่า เขาบิดเบือนสิ่งที่เขาเข้าใจ

ในเวลาเดียวกันที่ ยูซุฟอาลี (ผู้บรรยายอัลกุรอาน) ได้พยายามบอกว่า พระกิตติคุณ 4 เล่ม ของพระคัมภีร์ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่เป็น อัล-อินญีล ที่อัลกุรอานพูดถึง ฟาสลูร์ เราะห์มาน (ผู้บรรยายอัลกุรอาน) ได้พูดในทางตรงกันข้าม พระเยซูได้รับพระกิตติคุณ (คัมภีร์กุรอาน 5:46) และชาวคริสเตียนเป็นบรรดาผู้รับพระกิตติคุณ (คัมภีร์กุรอาน 5:46) สุดท้ายแล้ว Aisha ขัดแย้งกับ ยูซุฟอาลี ใน Bukhari เล่ม 4: 605 และ Sahih Muslim เล่ม 1: 301 น. 98   ที่เธอบอกว่า Khadija พาโมฮัมเหม็ดไปหาคริสเตียนใหม่ ที่ชอบอ่านพระกิตติคุณเป็นภาษาอาหรับ

5. พระคัมภีร์ในสมัยพระเยซูและปัจจุบัน

[คัมภีร์กุรอาน 3:48] และพระองค์ก็จะทรงสอนเขา ซึ่งการเขียน และความรู้อันถูกต้อง และสอนอัตเตารอต และอัลอินญีล

[คัมภีร์กุรอาน 5:46] และเราได้ให้อีซาบุตรของมัรยัมตามหลังพวกเขามา ในฐานะผู้ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือ อัต-เตารอต และเราได้ให้อัล-อินญีลแก่เขา ซึ่งในนั้นมีคำแนะนำและแสงสว่าง และเป็นที่ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ามัน คืออัต-เตารอต และเป็นคำแนะนำ และคำตักเตือนแก่ผู้ยำเกรงทั้งหลาย

ข้อนี้ของคัมภีร์กุรอานก็น่าสนใจ ถ้าพระเจ้าทรงส่งพระเยซูมาเพื่อยืนยันกฎธรรมะบัญญัติ (คือ 5 เล่มแรกของพระคัมภีร์) อย่างน้อยเราสามารถยืนยันว่าในสมัยพระเยซู กฎธรรมะบัญญัติที่ชาวบ้านสามารถอ่านได้และพระเยซูสามารถยืนยัน ก็เป็นกฎธรรมะบัญญัติเดียวกันที่พระเจ้าประธานให้

ต่อไป คัมภีร์กุรอาน 5:47 บอกว่า "และบรรดาผู้ที่ได้รับอัล-อินญีลก็จงตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาในนั้น" ถ้าบรรดาผู้ที่ได้รับอัล-อินญีล จะต้องตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมา มันเป็นไปได้อย่างไรว่า อัล-อินญีลซึ่งเขาต้องใช้ในการตัดสิน จะไม่เป็น อัล-อินญีล ซึ่งพระเจ้าบอกให้เขาใช้ในการตัดสิน?

คัมภีร์กุรอาน 5:48 กล่าวว่า, "และเราได้ให้คัมภีร์ลงมาแก่เจ้า ด้วยความจริง ในฐานะเป็นที่ยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้ามันและเป็นที่ควบคุมคัมภีร์(เบื้องหน้า) นั้น ดังนั้นเจ้าจงตัดสินสินระหว่างพวกเขา ด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมาเถิด และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา โดยเขวออกจากความจริงที่ได้มายังเจ้า…"

ดังนั้นพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจที่จะประทานพระวจนะของพระองค์ และพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจพี่จะปกป้องพระวจนะของพระองค์ในความปลอดภัย คุณเห็นด้วยไหม?

ในสมัยปัจจุบัน มีผู้ชายชาวอาหรับ บางคนเจอถ้ำที่คุมราน ข้างในถ้ำเหล่านี้เจอคำภีร์จากสมัยพระเยซู จากคัมภีร์ที่ได้เจอ ก็มีคัมภีร์ อิสยาห์ ซึ่งมีอายุ ประมาณ 100 ปีก่อนพระเยซู คัมภีร์เหล่านี้เรียกว่า คัมภีร์ของทะเลตาย (ม้วนหนังสือเดดซี) และมีทุกเล่มของพระคัมภีร์เดิมอยู่ในนั้นยกเว้นเล่มเดียว เพราะฉะนั้นพวกเราสามารถอ่านพระคัมภีร์ของสมัยพระเยซูได้เลย 


6. พระคัมภีร์กับคัมภีร์กุรอาน ต่างกันอย่างไรได้บ้าง

มีความคล้ายระหว่างพระคัมภีร์กับคัมภีร์กุรอานหลายอย่าง ตอนนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าคัมภีร์กุรอานได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ในแง่บวกหลายครั้ง อย่างไรก็ตามก็มีความต่างระหว่างพระคัมภีร์และคัมภีร์กุรอาน คือวิธีได้รับการให้อภัยบาป เวลาประมาณ 1400 ปี ที่พระเจ้าได้ฝึกชาวยิวในการเข้าใจความสำคัญของการถวายบูชาเพื่อไถ่บาป แม้แต่ก่อนหน้าที่โมเสส, อับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ได้ถวายบูชาให้พระเจ้า ฮีบรู 9:22 บอกว่า "แท้จริงตามธรรมบัญญัตินั้นถือว่าเกือบทุกสิ่งได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ได้ด้วยเลือด และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการยกโทษบาปเลย"

และหลังจาก 1,400 ปี ของการเตรียมชนชาติอิสราเอล ชาวยิวจะรู้สึกอย่างไรเวลาได้ยินยอห์นผู้ให้บัพติศมาพูดถึงพระเยซูว่า วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาหาท่าน ท่านจึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดก ของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป" (ยอห์น 1:29) 

ฮีบรู 10:4 ได้บอกว่า "เพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่มีทางชำระบาปให้หมดสิ้นไปได้เลย" เหมือนที่ฮีบรูบทที่ 10 ชี้ให้เห็น การถวายเครื่องบูชาซ้ำๆ ก็เป็นภาพเงาสะท้อนถึงการถวายบูชาไถ่บาปที่แท้จริงของพระเจ้า เหมือนที่ อิสยาห์ พระเยซู และอัครทูตของพระเยซู ได้สอนไว้ว่าคือพระเยซูเอง

ถ้าคุณรู้ลึกๆในใจว่า จำเป็นต้องรับการให้อภัยบาป อาจจะเป็นเพราะว่า คุณสังเกตถูกต้องว่าการกระทำที่ดีและการอธิษฐานของคุณ จะใช้แทนการรับการให้อภัยบาปก็ไม่ได้ พระเจ้าเท่านั้น จะสามารถให้อภัยคุณได้ พระเจ้าทรงรักและเมตตา แต่ว่าพระองค์จะให้อภัยบาปด้วยวิธีของพระองค์ไม่ใช่ของเรา พระเจ้าได้ประทานหนทางที่จะรับความเมตตาของพระองค์ได้

ส่วนแรกก่อนหน้านี้เอาไว้ชี้ให้เห็นว่า คนที่อ่านคัมภีร์อัลกุรอานควรจะให้เกียรติพระคัมภีร์ เราได้พูดสั้นๆถึงสิ่งที่อัลกุรอานได้พูดเกี่ยวกับคนในพระคัมภีร์และสิ่งที่อัลกุรอานอันได้พูดเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของพระวจนะของพระเจ้าโดยเฉพาะกฎบัญญัติในสมัยพระเยซู

ส่วนถัดไปจะพูดให้ละเอียดขึ้นว่าพระคัมภีร์และคัมภีร์กุรอานได้พูดเกี่ยวกับทั้งคนชอบธรรมและคนไม่ชอบธรรม และหลักฐานที่เรามีเพื่อยืนยันความจริงว่าพระวจนะของพระเจ้าจะเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้

[คัมภีร์กุรอาน 6:91] และพวกเขา มิได้ให้ความยิ่งใหญ่แก่อัลลอฮ์ตามควรแก่ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ จงรำลึกขณะที่พวกเขากล่าวว่า อัลลอฮ์มิได้ทรงประทานสิ่งใดแก่ปุถุชนคนใด จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าผู้ใดเล่าที่ได้ทรงประทานลงมา ซึ่งคัมภีร์ที่มูซานำมาเป็นแสงสว่าง และคำแนะนำแก่มนุษย์…"

[คัมภีร์กุรอาน 4:150-151] แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และบรรดาร่อซูลของพระองค์และต้องการที่จะแยกระหว่างอัลลอฮฺ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ และกล่าวว่า เราศรัทธาในบางคนและปฏิเสธศรัทธาในบางคน และพวกเขาต้องการที่จะยึดเอาในระหว่างนั้น ซึ่งทางใดทางหนึ่งนั้น ชนเหล่านี้แหละคือผู้ปฏิเสธศรัทธาโดยแท้จริง…"

หลายคนอาจจะไม่เคยชินกับพระวจนะของพระองค์ที่พระเจ้าได้ส่งมาทางผู้เผยพระวจนะ พระคัมภีร์ซึ่งเป็นเล่มที่ยาวกว่าคัมภีร์กุรอาน ก็จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้มากกว่าคัมภีร์กุรอาน หลังจากได้ดูข้อคัมภีร์กุรอานต่างๆ คุณอาจจะอยากจะดูข้อพระคัมภีร์ด้วย


7. ผู้ชอบธรรมที่อ้างถึงในคัมภีร์กุรอาน 

อาดัม การตกล้มไปไนความบาป 2:33-7;3:33,59;7:19-27;19:58;20:120-1

เรือโนอาห์ 3:33; 4:163; 7:59-64; 10:73; 11:36-48,89; 14:9; 19:58; 21:72;23:27-29;26:116-120;37:75 (950 ปี) 29:14

อับราฮัม 3:33,67; 15:57; 21:62; 37:83; 38:45; 60:4

เกือบเอาลูกที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อไปถวายบูชา 37:99-111

โลท (Lot) 6:86; 21:71,74; 29:28,33;

อิสอัค 6:84;19:49;21:72;29:27;37:112-3; 38:45

ยาโคบ 2:132-3; 3:84; 4:163; 6:84; 12:7-10; เป็นต้น. 12:38,83; 19:49; 21:72; 29:27; 38:45

โยเซฟ 6:84; 12:4-80; 40:34

เบนยามิน 12:59,69,76-77

โยบ 4:163; 6:84; 21:83-84; 38:41-44

พ่อแม่ของโมเสส 3:35 28:7-10

มิเรียม, พี่สาวของโมเสส 28:11-12

โมเสส 4:153; 7:131-155; 14:5-8; 11:96,97,110; 19:51; 20:9,25,45,61,65; 33:66; 40:53

อาโรน, พี่ชายของโมเสส 6:84; 7:150-153; 19:53; 20:29-36,45,92-4; 37:114

ภรรยาของโมเสส (ศิปโปราห์ในพระคัมภีร์)28:27-29

ดาวิด 2:251; 5:78; 21:78-9; 34:10; 38:17-26

ซาโลมอน 2:102; 21:78-9; 27:15-44; 34:12-4;38:30-40

พระราชินีแห่งเชบา 27:15-44

กาเบรียล มีคาเอล 2:98; 66:4

โยนาห์ 4:163;6:86;10:98;37:139-148

เอลียาห์ 6:85; 37:123,130-132

เอลีชา 6:86; 38:48

ยอห์นผู้ให้บัพติศมา 6:85;19:7,12;21:90

เศคาริยาห์, พ่อของยอห์น 3:37,38; 6:85; 19:2,7,11; 21:89

แม่ของยอห์น 21:90

มารีย์หญิงพรหมจารี 3:47; ~4:156;~5:78; ~5:112; 19:16-33; 21:91; 66:12

พระเยซู 2:253; 4:157; 5:46,78,110; 6:85; 23:50;43:61

พระเยซู พระวาทะ 3:45; 4:171 Sahih Muslim 1:22

พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ 3:55; 4:158

สาวกของพระเยซู 3:52-53; 5:112-113; 61:14

คนเดียวที่ไม่ได้เป็นยิวคือ อาดัม, โนอาห์, อับราฮัม, โลท, โยบ, พระราชินีแห่งเชบาและทูตสวรรค์. คัมภีร์กุรอาน 32:23 says, "[คัมภีร์กุรอาน 32:23] และโดยแน่นอน เราได้ให้คัมภีร์แก่มูซา ดังนั้น เจ้า(มุฮัมมัด) อย่าอยู่ในการสงสัยต่อการพบมัน และเราได้ทำให้มัน (คัมภีร์อัตเรารอฮฺ) เป็นแนวทางที่ถูกต้องแก่วงศ์วานของอิสรออีล"

8. ผู้ชอบธรรมบางคนที่อ้างถึงในพระคัมภีร์ (อ่านพระคัมภีร์และดาวน์โหลด  ได้ฟรีที่= bible.com)

อาดัม การตกล้มไปในความบาป 1:26-31;2:8-5:1; ลูกา 3:38; โรม 5:12-19; 1 โครินธ์ 15:45-49; ยูดา 14

เรือโนอาห์ 1 เปโตร 3:20-21;ปฐมกาล 5:28-10:1;9:29(950 ปี)

อับราฮัม ปฐมกาล 12-25; กาลาเทีย 3:6-9; โรม 4:1-25; ฮีบรู 11:17-19; ยากอบ 2:21-23

เกือบเอาลูกที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อไปถวายบูชา ปฐมกาล 22

โลท ปฐมกาล 11:31; 13-14,19, 2 เปโตร 2:7

อิสอัค ปฐมกาล 21;22;24;26;35:28-9; ฮีบรู11:18-20; ยากอบ 2:21-23

ยากอบ ปฐมกาล 25:19-33; ปฐมกาล 35,48-49; ฮีบรู 11:20-1

โยเซฟ ปฐมกาล 37, 39-48,50; 1 พงศาวดาร 2:1; ฮีบรู 11:22

เบนยามิน ปฐมกาล 42:36;43:14;46:19;49:27

โยบ, เอเสเคียล 15:20; James 5:11

พ่อแม่ของโมเสส อพยพ 2:1-9; 1 พงศาวดาร 6:3; ฮีบรู 11:23

มิเรียม, พี่สาวของโมเสส ปฐมกาล 2:4-8;15:21; กันดารวิถี 12

โมเสส ปฐมกาล - กันดารวิถี; เฉลยธรรมบัญญัติ 34; ฮีบรู 11:23-29; ยูดา 9

อาโรน, พี่ชายของโมเสส ปฐมกาล 4:14-16,27-31; 17:10; เฉลยธรรมบัญญัติ 12:1-5; เฉลยธรรมบัญญัติ 17; ปฐมกาล 16-19; 1 พงศาวดาร 6:50

ภรรยาของโมเสสศิปโปราห์ ปฐมกาล 2:17-22; 4:24-26

ดาวิด 1 ซามูเอล 16-31; 2 ซามูเอล; 1 พงศ์กษัตริย์ 11:12,38; สดุดี 51; ลูกา 20:42-44; ฮีบรู 11:32

ซาโลมอน 1 พงศ์กษัตริย์ 1-11;2 พงศวดาร 1-9; มัทธิว1:6;6:29

พระราชินีแห่งเชบา 1 พงศ์กษัตริย์ 10:1-13; 2 พงศาวดาร 9:1-12; มัทธิว12:42

ทูตสวรรค์กาเบรียลและมีคาเอล ดาเนียล 8:16; 10:13,21; 12:1; ลูกา 1:19,26; ยูดา 9

โยนาห์, 2 พงศ์กษัตริย์ 14:25; มัทธิว 12:38-41

เอลียาห์ 1 พงศ์กษัตริย์17-22;2 พงศ์กษัตริย์ 1-2;10:17; ยาโคบ 5:17

เอลีชา 2 พงศ์กษัตริย์ 2-9

ยอห์นบัพติสมา ลูกา 1:11-7;3:1-20;7:18-30,33; ยอห์น 3:22-36

เศคาริยาห์, พ่อของยอห์นบัพติสมา ลูกา 1:5-25,39,59,62-3

เอลีซาเบธ, แม่ของยอห์นบัพติสมา ลูกา 1:7,12

มารีย์หญิงพรหมจารี มัทธิว 1:18-25; ลูกา 1:27-38;2:6-21

พระเยซู มัทธิว 25:31-46; ลูกา 10:16; 12:9; ยอห์น 1:29; 5:16-

พระเยซู, พระวจนะของพระเจ้า, ยอห์น 1:1

พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ ลูกา 24:50-53; กิจการ 1:1-11

สาวกของพระเยซู มัทธิว. 14:32-33;28:9; ลูกา 5:1-11; 6:12-16; ยอห์น. 21:15-25; เอเฟซัส. 2:20; 2 เปโตร 3:15-16

พระเจ้าสัญญากับชาวยิวเป็นพิเศษ (คัมภีร์กุรอาน 2:40; อพยพ 24:2-8) อย่างไรก็ตามการเป็นยิวไม่ได้รับรองว่าจะขึ้นสวรรค์ พระเยซูบอกพวกฟาริสีว่า "เราบอกพวกท่านว่า ท่านจะตายในการบาปของตัวเอง เพราะว่าถ้าพวกท่านไม่เชื่อว่าเราเป็นผู้นั้น ท่านก็จะต้องตายในการบาปของตัว” (ยอห์น 8:24) พระเจ้าได้ประทานความรอดผ่านทางชาวยิว (ยอห์น 4:27) พระเจ้าได้ไว้ใจชาวยิวกับพระวจนะของพระองค์ (โรม 3:1-2) และในพระเยซูคริสต์กาลาเทีย 3:28‭-‬29 ได้เขียนไว้ว่า  "จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาสหรือไท จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระเยซูคริสต์ และถ้าท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์แล้ว ท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม คือเป็นทายาทตามพระสัญญา"

9. คนไม่ชอบธรรมบางคนในคัมภีร์กุรอาน

บุตรของอาดัมฆ่าน้องชายตนเอง 5:27-31

ผู้ที่จมน้ำท่วมในช่วงของโนอาห์ 23:27; 29:14

เพื่อนบ้านของโลทที่ล่วงละเมิดและภรรยา 29:28,33

ฟาโรห์ใจร้ายกับประชากรของพระเจ้า 2:49-50; 7:103-137; 20:56.60,78-79; 28:4,8-9; 29:39;44:17-33

นักมายากลของฟาโรห์ 10:79-81; 20:62-70

ผู้ที่โมเสสฆ่าที่ไม่ได้เป็นยิว 28:15

Aziz (โปทิฟาร์?) 12:30, 51

ภรรยาของโปทิฟาร์ 12:23-26,51

Qarun (โคราร์) 28:76,79; 29:39; 40:24

ผู้ถือถ้วยฝห้พระราชาที่ติดคุกกับโยเซฟ 12:39-41

Madyan (พวกมีเดียน) 7:85-93; 11:84-95; 22:44; 26:176-190; 28:22; 29:36-37; 38:13

โกลิอัทซึ่งโดนดาวิดฆ่า 2:249-251

100,000 คนที่โยนาได้เทศนาให้ฟังหลังจากที่โดนปลาใหญ่กลืนเข้าไป 37:142-147

โกกและมาโกก 18:94-95; 21:96-7

10. คนไม่ชอบธรรมบางคนในพระคัมภีร์

คาอินฆ่าอาเบลน้องชายของตนเอง- ปฐมกาล 4

ผู้ที่จมน้ำท่วมในช่วงของโนอาห์- ปฐมกาล 6-7; มัทธิว 24:37

เพื่อนบ้านของโลทที่ล่วงละเมิดและภรรยา- ปฐมกาล 18-19

ฟาโรห์ใจร้ายกับประชากรของพระเจ้า- อพยพ 1,5-14; โรม 9:16-17

นักมายากลของฟาโรห์- อพยพ 7:11-12; 8:7,19; 9:11

ผู้ที่โมเสสฆ่าที่ไม่ได้เป็นยิว- อพยพ 2:11-5; กิจการ 7:23-8

โปทิฟาร์- ปฐมกาล 39:1-6,19-20

ภรรยาของโปทิฟาร์- ปฐมกาล 39:6-20

โคราร์- กันดารวิถี 16:31-35

ผู้ถือถ้วยฝห้พระราชาที่ติดคุกกับโยเซฟ- ปฐมกาล 41:9-13

พวกมีเดียน- Gn25:1-4; อพยพ 2:15-21; ผู้วินิจฉัย 6-7; 1 พงศาวดาร 1:32

โกลิอัทซึ่งโดนดาวิดฆ่า- 1 ซามูเอล 17

100,000 คนที่โยนาได้เทศนาให้ฟังหลังจากที่โดนปลาใหญ่กลืนเข้าไป- โยนาห์, มัทธิว 12:41

โกกและมาโกก- ปฐมกาล 10:2; 1 พงศาวดาร 1:5; เอเสเคียล 38; วิวรณ์ 20:8-9

11. พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่หลายๆส่วนฉบับแรกๆ

พระคัมภีร์มาจากพระเจ้าแต่ถูกเขียนโดยมนุษย์ ทั้งชาวยิวกับชาวยิวที่เป็นคริสเตียน และได้ใช้เวลาในการเขียนตั้งแต่ 1400 B.C. ถึงประมาณ 90 A.D.  ทุกคนเห็นด้วยว่าพระคัมภีร์ถูกเขียนก่อนคัมภีร์กุรอานอยู่แล้ว แต่ว่าหลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ยังมี 
หลายๆส่วนฉบับแรกๆของพระคัมภีร์ ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆในปัจจุบันนี้

เล่มหนังสือม้วน John Rylands ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเล่ม ยอห์น ถูกเขียนระหว่างปี 117-138 A.D.., และส่วนหนึ่งของลูกา (p6) ถูกเขียนระหว่างปี 100 a.d. หนังสือม้วน Bodmer II papyrii ซึ่งมี ยอห์น เขียนระหว่างปี 125-175 A.D.  หนังสือม้วน chester beatty papyrii (p45) ทุกเขียนระหว่างปี 100- กับ 150 A.D มีพันธสัญญาใหม่เกือบทั้งเล่ม. หลังจากนี้มีมากกว่า 10,000 เล่มเป็นภาษากรีกซึ่งมีประโยชน์ในการเปรียบเทียบเพื่อหาความแตกต่างต่างๆถ้ามี และมากกว่านี้มี 14,000 เล่มที่เป็นภาษาซีเรีย เอธิโอเปีย ละติน และภาษาอื่น ๆ

มากกว่านั้นเรามีพยานนักเขียนสมัยยุคแรก ได้อ้างถึงข้อพระคัมภีร์จากพันธสัญญาใหม่หลายๆข้อ ถ้าสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ อ่าน The New Testament Documents: Are They Reliable? by F.F. Bruce.

12. คำสอนอิสลามกับพระคัมภีร์ต่างกันอย่างไรบ้าง

หลายคนเห็นความคล้ายของคัมภีร์กุรอานและพระคัมภีร์แล้วเข้าใจผิดว่าไม่มีข้อขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 เล่ม. ถ้าสิ่งที่เขียนในคัมภีร์กุรอานเป็นความจริง สิ่งที่เขียนในพระคัมภีร์ก็ต้องผิด หรือ ถ้าสิ่งที่เขียนในพระคัมภีร์เป็นความจริง สิ่งที่เขียนในคัมภีร์กุรอานก็ต้องผิด

พระเยซูเป็นใคร คัมภีร์ไบเบิลกับคัมภีร์กุรอานเห็นด้วยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเหล่านี้

· พระเยซูเป็นมนุษย์ 100%

· เกิดจากมารีย์หญิงพรหมจารีโดยไม่มีเพศสัมพันธ์

· พระเยซูเป็นชาวยิวแต่คำสอนมีไว้เพื่อสำหรับมนุษย์ทุกคน 

· ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวว่าพระผู้ช่วยให้รอดจะมาและพระเยซูคือผู้นั้น 

· พระเยซูใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบปราศจากความบาป

· พระเยซูได้ทำการอัศจรรย์มากมาย

· พระเยซูเป็นแบบอดัม (คัมภีร์กุรอาน 3:59)

· เป็นผู้ชอบธรรมยกเว้นยูดาส (คัมภีร์กุรอาน 3:52-53; 61:14)

· พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ (คัมภีร์กุรอาน 3:55; 4:158) 

13. แต่พระคัมภีร์เท่านั้นที่ยืนยันข้อเท็จจริงเหล่านี้:

· พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า (แต่ไม่ได้เกิดจากเพศสัมพันธ์)

· พระเยซูเป็นพระเจ้า 100% (เป็พระกายพระเจ้า ไม่ใช่เทพเจ้าอีกผู้หนึ่ง)

· พระเยซูเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อพวกเราที่เชื่อ

· พระเยซูทุกข์ทรมานและตายบนไม้กางเขนเพื่อพวกเราที่เชื่อ

· พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย

เป็นเรื่องปกติที่คนอิสลามจะเข้าใจความหมายผิด ความเป็นพระบุตรพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ ภาพนี้อาจจะช่วยให้เข้าใจได้ มุสลิมชีอะห์ จะพูดว่า 'อาลีเป็นนิ้วของอัลเลาะห์' แต่ในขณะเดียวกันคนอิสลามก็ไม่ได้เชื่อว่าพระเจ้ามีนิ้ว สำนวนนี้ก็เป็นแค่สำนวน 

อาจจะยกตัวอย่างอื่นสร้างภาพอื่น แต่คนอิสลามตอบด้วยการอ้างถึง คัมภีร์กุรอาน 2:26 "แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงละอาย ในการที่พระองค์จะทรงยกอุทาหรณ์ใด ๆ ขึ้นเปรียบเทียบไม่ว่าจะเป็นริ้นสักตัวหนึ่งแล้วก็สิ่งที่ยิ่งไปกว่านั้นก็ตาม ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นพวกเขาย่อมรู้ว่าแท้จริงมัน คือ ความจริงที่มาจากพระเจ้าของพวกเขา และส่วนบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธานั้นพวกเขาจะพูดว่า อัลลอฮฺทรงประสงค์สิ่งใดในการยกอุทาหรณ์ด้วยสิ่งนี้ ?"

ในขณะเดียวกัน ชาวคริสเตียนก็จะใช้คำว่า 'พระบุตรของพระเจ้า' ในแบบที่ต่างกับความหมายเวลาใช้กับมนุษย์ มุสลิมบางคนอาจจะประหลาดใจที่จะรู้ว่า คริสเตียนเห็นด้วยกับข้อเท็จจริงที่ว่าพระเจ้าไม่ได้มีเพศสัมพันกับนางมารีย์ แต่การบอกว่าพระเยซูคือพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าเป็นสำนวนที่มีความหมายอย่างยิ่ง

บทความนี้แปลจาก: Christian Debater™ P.O. Box 144441 Austin, TX 78714

แปลจาก:  https://www.muslimhope.com/QuranSaysAboutTheBible.htm






Location

Who are we? 

My name is Kaison, my wife is Kritti (known as Fang), we are missionaries in Nakhon Si Thammarat, in southern Thailand. We are dedicated to planting a church that plants churches, and to producing biblical tracts that can be used to lead church, and also as evangelistic resources. We believe that most problems in the church are overcomplicated and are not often corrected with the scriptures like they should be. Our hope is that through presentation of scriptures organized by topic, we can help increase biblical literacy and also make preaching and evangelism a bit easier to tackle for beginners. If you would like us to do a tract, shoot us a message, and we will make a note and get around to it when we can. All tracts can be distributed freely

Contact Us

    Subscribe Today!

Submit
  • Home
  • หนังสือเล่มเล็กสอนพระคัมภีร์ตามหัวข้
    • พระกิตติคุณ (The Gospel)
    • พระเจ้ามีจริง (God is Real)
    • พระเจ้าเป็นความรัก (God is love)
    • พระเจ้าทรงแสนดี (God is good)
    • พระตรีเอกานุภาพ (The Trinity)
    • พระกิตติคุณแห่งความมั่งคั่ง (Prosperity gospel)
    • การบังเกิดใหม่ด้วยการตัดสินใจ (Decisional regeneration)
    • นรกนิรันดร์ (Eternal Hell)
    • การอธิษฐาน (Prayer)
    • ความอดทนถึงความสำเร็จของผู้เชื่อ (Perseverance of the saints)
    • การต่อต้านพยานพระยะโฮวา (JW rejected)
    • 40 คำเผยพระวจนะเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ (40 messianic propho
    • การเปรียบเทียบศาสนาอิสลาม (Islam compared)
    • ศาสนาพุทธจากมุมมองพระคัมภีร์ (Buddhism compared)
    • การไหว้รูปเคารพ (Idolatry)
    • ความกลัว (Fear)
    • การผูกมัดเจตจำนง (The bondage of the will by Martin Luther)
    • พระบัญญัติ 10 ประการ
    • วันคริสต์มาส (Christmas)
    • ชีวิตแต่งงาน (marriage)
    • การตีสอนลูก (Child discipline)
    • มารซาตาน (Satan and evil spirits))
    • ตะกละ (Gluttony)
    • ส.ล.ด.พ.อ. (T.U.L.I.P.)
    • Government (ผู้ปกครองเมือง)
    • 40 อุปมาของพระเยซู (40 parables)
    • การต่อสู้ (fighting)
    • ความโกรธ (anger)
    • พระบัญชา (The Great Commission)
    • ธุรกิจและการทำงาน (Business and work)
  • แผ่นท่องจำบทพระคัมภีร์ที่แนะนำ
  • บรรณาธิการ & ภารกิจ (Editor & Mission)
  • Blog
  • ติดต่อ (contact)