เลือกดาวน์โหลด... ซ้ายมือสำหรับทำรูปแบบหนังสือ ขวามือสำหรับรูปแบบมือถือหรือแผ่นใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ
Choose a download... left for booklet, right for digital or other use.
ภาษาไทย
คำทำนาย 40 คำจากพระคัมภีร์เดิม ที่พูดถึงพระเมสสิยาห์
40 most helpful prophocies
40 most helpful prophocies
40 most helpful prophocies
1. พระเมสสิยาห์จะฟื้นขึ้นจากความตาย
ข้าพเจ้าตั้งพระยาห์เวห์ไว้ตรงหน้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือ ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว เพราะฉะนั้น ใจข้าพเจ้า จึงยินดีและจิตวิญญาณก็เปรมปรีดิ์ ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ ไว้กับแดนคนตาย หรือให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์ต้องเห็นหลุมมรณะนั้น พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์พระองค์มีความยินดีเปี่ยมล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์
สดุดี 16:8-11
ความสำเร็จ
“ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนชาติอิสราเอล จงฟังเรื่องต่อไปนี้ คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้ที่พระเจ้าทรงรับรองต่อท่านทั้งหลาย โดยการอิทธิฤทธิ์ การอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงทำโดยพระองค์ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ดังที่พวกท่านทราบอยู่แล้ว พระเยซูองค์นี้ทรงถูกมอบไว้ตามที่พระเจ้าทรงดำริแน่นอนและทรงทราบล่วงหน้า และท่านทั้งหลายได้ประหารพระองค์ด้วยการตรึงพระองค์บนกางเขนโดยอาศัยน้ำมือของคนอธรรม แต่พระเจ้าทรงทำให้พระองค์คืนพระชนม์ ทรงให้พ้นจากความตายอันปวดร้าว เพราะว่าความตายจะครอบงำพระองค์ไว้ไม่ได้ เพราะดาวิดกล่าวถึงพระองค์ว่า ‘ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว เพราะเหตุนี้ จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงเปรมปรีดิ์ ยิ่งกว่านั้นร่างกายของข้าพเจ้าจะอยู่ด้วยความหวัง เพราะพระองค์จะไม่ทรงละข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งจะไม่ทรงให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์รู้จักทางแห่งชีวิต แล้วพระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์มีความยินดีเต็มเปี่ยมด้วยการสถิตของพระองค์’ “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีใจกล้าที่จะกล่าวกับท่านทั้งหลายถึงดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า ท่านตายแล้วและถูกฝังไว้แล้ว และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ และทราบว่าพระเจ้าตรัสสัญญาไว้กับท่านด้วยพระปฏิญาณว่าพระองค์จะประทานผู้หนึ่งในวงศ์ตระกูลของท่านให้นั่งบนบัลลังก์ของท่าน ท่านก็ล่วงรู้เหตุการณ์นี้ก่อน จึงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า ‘พระเจ้าไม่ทรงละพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งพระกายของพระองค์ ก็ไม่ทรงเปื่อยเน่าไป’ พระเยซูองค์นี้พระเจ้าได้ทรงให้คืนพระชนม์แล้วซึ่งเราทุกคนคือสักขีพยานของเรื่องนี้
กิจการ 2:22-32
เพราะฉะนั้นพระองค์ตรัสไว้ที่อื่นอีกว่า ‘พระองค์จะไม่ให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์ ประสบความเปื่อยเน่า’ เพราะว่าแม้แต่ดาวิดหลังจากที่ปรนนิบัติตามพระทัยพระเจ้าในชั่วอายุของท่านแล้ว ท่านล่วงหลับไป และถูกฝังไว้กับบรรดาบรรพบุรุษของท่านแล้วก็เปื่อยเน่าไป ส่วนพระองค์ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นมานั้นไม่ได้ประสบความเปื่อยเน่าเลย
กิจการ 13:35-37
2. พระเมสสิยาห์จะนำพระสัญญาใหม่เข้ามา
พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่ กับเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์
เยเรมีย์ 31:31
ความสำเร็จ
เพราะว่านี่เป็นโลหิต ของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก
มัทธิว 26:28
แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งเป็นโลหิต แห่งพันธสัญญา ที่จะต้องหลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก
มาระโก 14:24
เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยและทรงทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา]
ลูกา 22:20
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยด้วยอากัปกิริยาเดียวกัน ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา จงทำอย่างนี้ คือเมื่อใดที่พวกท่านดื่มจากถ้วยนี้ จงดื่มเพื่อระลึกถึงเรา”
1 โครินธ์ 11:25
ผู้ประทานให้เราสามารถเป็นผู้ปรนนิบัติแห่งพันธสัญญาใหม่ ที่ไม่ใช่เป็นไปตามตัวอักษรที่เขียนไว้แต่เป็นไปตามพระวิญญาณ ด้วยว่าตัวอักษรที่เขียนไว้นั้นทำให้ตาย แต่พระวิญญาณประทานชีวิต
2 โครินธ์ 3:6
แต่บัดนี้พระเยซู ทรงได้รับพันธกิจที่สูงส่งกว่าของพวกเขา เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาอันประเสริฐกว่า ซึ่งตั้งอยู่บนพระสัญญาที่ประเสริฐกว่า เพราะว่าถ้าพันธสัญญาเดิมนั้นไม่มีข้อบกพร่องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีพันธสัญญาที่สองอีก เพราะพระเจ้าทรงติเตียนพวกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่านี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับชนชาติอิสราเอล และกับชนชาติยูดาห์ ที่ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราเคยทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย ในวันที่เราจูงมือพวกเขาเพื่อพาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพราะพวกเขาไม่ได้ดำรงอยู่ในพันธสัญญาของเรา เราจึงละทิ้งพวกเขาไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับชนชาติอิสราเอล ภายหลังจากสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในดวงใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา และพวกเขาจะไม่สอนเพื่อนบ้าน และพี่น้องของตนแต่ละคนว่า ‘จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า ’ เพราะเขาทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด เพราะเราจะเมตตาต่อการอธรรมของพวกเขา และจะไม่จดจำบรรดาบาปของพวกเขาไว้เลย” เมื่อพระองค์ตรัสถึงพันธสัญญา ใหม่ พระองค์ก็ทรงถือว่าพันธสัญญาเดิมนั้นล้าสมัยแล้ว สิ่งที่กำลังล้าสมัยและเก่าไปนั้นก็ใกล้จะเสื่อมสูญ
ฮีบรู 8:6-13
เพราะเหตุนี้ พระคริสต์ จึงทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกมาได้รับมรดกนิรันดร์ตามพระสัญญา เพราะความตายที่เกิดขึ้นนั้นไถ่พวกเขาให้พ้นจากบรรดาการล่วงละเมิดที่เกิดภายใต้พันธสัญญาเดิมแล้ว
ฮีบรู 9:15
และมาถึงพระเยซูคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และมาถึงพระโลหิตประพรมที่กล่าวถึงสิ่งที่ดีกว่าเสียงโลหิตของอาเบล
ฮีบรู 12:24
3. พระเมสิยาห์จะถูกทอดทิ้ง และถูกแทง แต่สุดท้ายพิสูจน์ว่าไม่ผิด
พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย? เหตุใดพระองค์ทรงเมินเฉยต่อการช่วยกู้ข้าพระองค์และต่อถ้อยคำคร่ำครวญของข้าพระองค์? ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลในเวลากลางวัน แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบ ถึงเวลากลางคืน ข้าพระองค์ไม่มีความสงบเลย ถึงอย่างไร พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ ผู้ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายวางใจในพระองค์ เขาทั้งหลายวางใจ และพระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นภัย พวกเขาร้องทูล พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอด เขาวางใจในพระองค์ เขาจึงไม่อับอาย ข้าพระองค์เป็นดุจตัวหนอน มิใช่มนุษย์ คนก็เยาะเย้ย ประชาก็ดูหมิ่น ทุกคนที่เห็นข้าพระองค์ก็เย้ยหยัน เขาบุ้ยปากและสั่นศีรษะ กล่าวว่า “เขามอบตัว ไว้กับพระยาห์เวห์ ให้พระองค์ช่วยเขาให้พ้นภัยสิ ให้พระองค์ช่วยกู้เขา เพราะพระองค์พอพระทัยเขา” ถึงกระนั้น พระองค์ก็ทรงเป็นผู้นำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์ และทรงให้ข้าพระองค์ปลอดภัยอยู่ที่อกแม่ ตั้งแต่คลอด ข้าพระองค์ก็ต้องพึ่งพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังอยู่ในครรภ์มารดา ขออย่าทรงห่างไกลข้าพระองค์ เพราะความยากลำบากอยู่ใกล้ และไม่มีผู้ใดช่วยได้เลย โคผู้มากมายล้อมข้าพระองค์ไว้ โคบึกบึนแห่งบาชานรุมล้อมข้าพระองค์ พวกศัตรูอ้าปากกว้างเข้าใส่ข้าพระองค์ ดั่งสิงห์ขณะกัดฉีกและคำรามร้อง ข้าพระองค์ถูกเทออกเหมือนอย่างน้ำ กระดูกทั้งสิ้นของข้าพระองค์เคลื่อนหลุดจากที่ ใจของข้าพระองค์ก็เหมือนขี้ผึ้ง ละลายภายในอก กำลังของข้าพระองค์เหือดแห้งไปเหมือนเศษหม้อดิน และลิ้นของข้าพระองค์ก็เกาะติดที่ขากรรไกร พระองค์ทรงวางข้าพระองค์ไว้ในผงคลีแห่งความตาย พวกสุนัขล้อมข้าพระองค์ไว้ คนทำชั่วกลุ่มหนึ่งโอบล้อมข้าพระองค์ พวกเขาแทงมือแทงเท้าข้าพระองค์ ข้าพระองค์นับกระดูกของข้าพระองค์ได้ทุกชิ้น พวกเขาจ้องมองและยิ้มเยาะข้าพระองค์ พวกเขาเอาเสื้อผ้าของข้าพระองค์มาแบ่งกัน ส่วนเครื่องนุ่งห่มของข้าพระองค์นั้นเขาก็จับฉลากกัน ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงห่างไกลเลย ข้าแต่องค์อุปถัมภ์ ขอทรงเร่งรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากดาบ ช่วยชีวิตข้าพระองค์จากเขี้ยว สุนัข ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากปากสิงห์ และทรงช่วยข้าพระองค์ จากเขาของเหล่ากระทิงป่าด้วย ข้าพระองค์จะบอกเล่าพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน ท่านผู้ยำเกรงพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระองค์ ท่านผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย จงถวายพระเกียรติแด่พระองค์ ท่านผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลเอ๋ย จงเกรงกลัวพระองค์ เพราะพระองค์มิได้ทรงดูถูกหรือสะอิดสะเอียน ต่อความทุกข์ยากของผู้ทุกข์ใจ และมิได้ซ่อนพระพักตร์จากเขา เมื่อเขาทูลขอความช่วยเหลือ พระองค์ทรงฟัง คำสรรเสริญของข้าพระองค์ในที่ชุมนุมชนใหญ่ มาจากพระองค์ ข้าพระองค์จะแก้บนต่อหน้าผู้ที่ยำเกรงพระองค์ ผู้ทุกข์ใจจะได้กินอิ่ม ผู้ที่แสวงหาพระองค์จะสรรเสริญพระยาห์เวห์ ขอให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขเป็นนิตย์ คนทั่วโลกจะระลึกถึง และหันกลับมาหาพระยาห์เวห์ และประชาชาติทุกตระกูล จะนมัสการเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เพราะอำนาจการปกครองเป็นของพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงครอบครองบรรดาประชาชาติ เออ คนจองหองของแผ่นดินจะต้องนมัสการพระองค์ ทุกคนที่ลงไปสู่ผงคลีจะกราบไหว้พระองค์ คือผู้ที่ไม่สามารถรักษาตัวให้คงชีวิตอยู่ได้ จะมีพงศ์พันธุ์หนึ่งปรนนิบัติพระองค์ คนรุ่นหลังจะได้ฟังเรื่ององค์เจ้านาย และประกาศการช่วยกู้ของพระองค์แก่ชนชาติหนึ่งที่ยังมิได้เกิดมา ว่าพระองค์ได้ทรงกระทำการนั้น
สดุดี 22:1-31
ความสำเร็จ
คนทั้งหลายที่เดินผ่านไปมา พูดหมิ่นประมาทพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ย ว่า “เจ้าเป็นคนที่จะทำลายพระวิหารแล้วสร้างขึ้นภายในสามวันนี่นา จงช่วยตัวเองให้รอด ถ้าเจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงลงมาจากกางเขนเถิด” พวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ก็เยาะเย้ยพระองค์เหมือนกันว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อบ้าง เขาวางใจพระเจ้า ถ้าพระองค์พอพระทัยตัวเขาก็ขอให้ทรงช่วยเขาเดี๋ยวนี้เถิด เพราะเขากล่าวว่าเขาเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แม้แต่โจรสองคนที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ก็ด่าว่าพระองค์ด้วย แล้วก็เกิดความมืดมัวทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่เวลาเที่ยงวันจนถึงบ่ายสามโมง พอเวลาประมาณบ่ายสามโมง พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?”
มัทธิว 27:39-46
พอถึงบ่ายสามโมง พระเยซูก็ทรงร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?”
มาระโก 15:34
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงปรึกษากันว่า “เราอย่าฉีกแบ่งกันเลย แต่ให้เราจับฉลากกัน จะได้รู้ว่าใครจะได้เป็นเจ้าของ” ทั้งนี้เพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “เสื้อผ้าของข้าพระองค์ เขาแบ่งกัน และเสื้อของข้าพระองค์เขาจับฉลากกัน” พวกทหารทำกันอย่างนี้
ยอห์น 19:24
ดังที่พระองค์ตรัสว่า “เราจะประกาศพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของเรา เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน”
ฮีบรู 2:12
4. พระเมสสิยาห์จะเป็นศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย
ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย ได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว การนี้เป็นมาจากพระยาห์เวห์ เป็นสิ่งอัศจรรย์ในสายตาเรา วันนี้เป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสร้าง ให้เราเปรมปรีดิ์และยินดีในวันนั้น
สดุดี 118:22-24
ความสำเร็จ
พระองค์ทรงจ้องดูพวกเขาแล้วตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นพระวจนะที่เขียนไว้หมายความว่าอย่างไรกัน? ‘ศิลาที่พวกช่างก่อทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นศิลามุมเอก’ ทุกคนที่ล้มทับศิลานั้น จะต้องแตกหักไป และถ้ามันตกทับใคร คนนั้นจะแหลกละเอียดไป”
ลูกา 20:17-18
ถ้าท่านทั้งหลายจะไต่สวนเราทั้งสองในวันนี้ถึงการดีที่ได้ทำกับคนป่วยนี้ และถามว่าเขาหายเป็นปกติได้อย่างไรแล้ว ก็ให้ท่านทั้งหลายกับบรรดาชนอิสราเอลทราบเถิดว่า โดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธที่พวกท่านตรึงไว้ที่กางเขน ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นจากตาย โดยพระองค์นั้นแหละชายคนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกท่านจึงได้หายเป็นปกติ พระองค์ทรงเป็น ศิลา ที่พวกท่านผู้เป็น ช่างก่อสร้างละทิ้ง ซึ่งกลับกลายเป็นศิลามุมเอกแล้ว ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย เพราะว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้นั้น ไม่โปรดให้มีท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”
กิจการ 4:9-12
ท่านทั้งหลายถูกก่อร่างสร้างขึ้นบนรากฐานของบรรดาอัครทูตและบรรดาผู้เผยพระวจนะ มีพระเยซูคริสต์เป็นศิลาหัวมุม
เอเฟซัส 2:20
เพราะมีคำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์แล้วว่า “นี่แน่ะ เราวางศิลาก้อนหนึ่งลงในศิโยน เป็นศิลาหัวมุมที่เลือกสรรอันล้ำค่า และใครที่เชื่อในพระองค์ก็จะไม่ผิดหวัง ” เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงมีค่ามหาศาลสำหรับพวกท่าน ที่เชื่อ แต่สำหรับคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อนั้น ศิลาที่ช่างก่อสร้างปฏิเสธไม่เอาแล้ว ศิลานี้กลับกลายเป็นศิลามุมเอก และ เป็นศิลาที่ทำให้คนสะดุด และเป็นหินที่ทำให้คนหกล้ม ที่พวกเขาสะดุดนั้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังพระวจนะ ตามที่พวกเขาถูกกำหนดให้ทำเช่นนั้น
1 เปโตร 2:6-8
พระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือ ที่ว่า ‘ศิลาที่บรรดาช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นศิลามุมเอก สิ่งนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นสิ่งอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาของเรา’
มัทธิว 21:42
ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือที่ว่า ‘ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นศิลามุมเอก สิ่งนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นสิ่งอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาของเรา’ ”
มาระโก 12:10-11
5. พระเมสสิยาห์จะมีการกระทำที่ช่วยเหลือคนอื่น
พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนที่ทุกข์ใจ พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้าไปเพื่อปลอบโยนคนชอกช้ำใจ และเพื่อประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ทั้งประกาศการเปิดเรือนจำแก่ผู้ที่ถูกจำจอง เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระยาห์เวห์ และประกาศวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของพวกเรา เพื่อชูใจทุกคนที่ไว้ทุกข์
อิสยาห์ 61:1-2
ความสำเร็จ
เขาจึงส่งคัมภีร์อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะให้แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก ก็ทรงพบข้อที่เขียนไว้ว่า “พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ และประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้วพระองค์ทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้แก่เจ้าหน้าที่ แล้วประทับลง และตาของทุกคนที่อยู่ในธรรมศาลาก็จ้องดูพระองค์ พระองค์จึงเริ่มต้นตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พระคัมภีร์ตอนนี้ที่พวกท่านได้ยินกับหูก็สำเร็จแล้วในวันนี้”
ลูกา 4:17-21
6. พระเมสสิยาห์จะเกิดจากหญิงพรหมจารี
เพราะฉะนั้น องค์เจ้านายจะประทานหมายสำคัญด้วยพระองค์เอง นี่แน่ะ หญิงสาว คนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และคนจะเรียกนามของเขาว่า อิมมานูเอล
อิสยาห์ 7:14
ความสำเร็จ
ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “นี่แน่ะ หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่าอิมมานูเอล” (แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา)
มัทธิว 1:22-23
นี่แน่ะ เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย ” มารีย์จึงพูดกับทูตสวรรค์องค์นั้นว่า “เหตุการณ์นั้นจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้ายังไม่เคยหลับนอนกับชายใด?” ทูตสวรรค์จึงตอบนางว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาเหนือเธอ และฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเธอ เพราะฉะนั้นองค์บริสุทธิ์ที่เกิดมานั้นจะได้ชื่อว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า
ลูกา 1:31-35
7. พระเมสสิยาห์จะมาตามหมายกำหนดการ
“มี 70 สัปดาห์แห่งปีกำหนดไว้สำหรับชนชาติของท่านและนครบริสุทธิ์ของท่าน เพื่อให้ยุติการละเมิด ให้บาปจบสิ้น และให้ลบมลทิน เพื่อนำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา เพื่อประทับตราทั้งนิมิตและคำของผู้เผยพระวจนะไว้ และเพื่อจะเจิมอภิสุทธิสถาน เพราะฉะนั้นจงสังเกตและเข้าใจว่า นับตั้งแต่การที่ถ้อยคำนั้นออกไป ให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จนถึงสมัยประมุขผู้ถูกเจิมไว้ ก็เป็นเวลา 7 สัปดาห์ และเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยคูและลานเมืองเป็นเวลา 62 สัปดาห์ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลายากลำบาก หลังจาก 62 สัปดาห์แล้ว ท่านผู้ถูกเจิมจะต้องถูกตัดออกและจะไม่มีอะไรเหลือ และคนของประมุขผู้ที่จะมานั้นจะทำลายเมืองและสถานนมัสการ แต่ที่สุดปลายของมัน จะมาถึงอย่างน้ำท่วม จนกระทั่งในที่สุดจะมีสงคราม การร้างเปล่าได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ ท่านจะทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปดาห์ สิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำให้ร้างเปล่าตั้งอยู่บนหัวมุมของแท่นบูชา จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น”
ดาเนียล 9:24-27
ความสำเร็จ
“เพราะฉะนั้นเมื่อท่านเห็นสิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งก่อให้เกิดความหายนะตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์ ตามพระวจนะที่กล่าวโดยดาเนียลผู้เผยพระวจนะ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด) เมื่อนั้นให้พวกที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา
มัทธิว 24:15-16
“แต่เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งน่ารังเกียจที่ก่อให้เกิดความหายนะ ตั้งอยู่ในที่ที่ไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเองเถิด) เมื่อนั้นให้พวกที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา คนที่อยู่บนดาดฟ้า อย่าลงมาหรือเข้าไปเก็บสิ่งของในบ้านของตนเลย
มาระโก 13:14-15
แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ
กาลาเทีย 4:4
8. ผู้รับใช้ชอบธรรมที่ลำบาก
9. พระเมสสิยาห์ จะแบกความผิดบาปของพวกเราและทรมานแทนเรา.
แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ แต่ท่านถูกแทง เพราะความทรยศของเรา ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้พวกเรามีสวัสดิภาพ และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา เราทุกคนหลงทางไปเหมือนแกะ ต่างคนต่างหันไปตามทางของตนเอง และพระยาห์เวห์ทรงวางความผิดบาป ของเราทุกคนลงบนตัวท่าน
อิสยาห์ 53:4-6
ภายหลังความลำบากของตัวเขา เขาจะเห็น และจะพึงพอใจ โดยความรู้ของเขา ผู้รับใช้ชอบธรรมของเรา จะทำให้คนจำนวนมากเป็นคนชอบธรรม และเขาจะแบกความบาปผิดทั้งหลายของพวกเขา
อิสยาห์ 53:11
ความสำเร็จ
พอค่ำลง พวกเขาพาคนจำนวนมากที่มีผีสิงมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัส และบรรดาคนเจ็บป่วยนั้น พระองค์ก็ทรงรักษาให้หาย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสผ่านอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “ท่านแบกความเจ็บไข้ของเรา และหอบโรคของเราไป”
มัทธิว 8:16-17
เหมือนบุตรมนุษย์ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”
มัทธิว 20:28
เพราะว่านี่เป็นโลหิต ของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก
มัทธิว 26:28
โยเซฟก็เชิญพระศพลงและเอาผ้าป่านที่สะอาดพันหุ้มไว้ แล้วเชิญพระศพไปวางไว้ในอุโมงค์ใหม่ของตนที่สกัดไว้ในศิลา และกลิ้งหินใหญ่ปิดปากอุโมงค์ไว้แล้วก็ไป
มัทธิว 27:59-60
เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”
มาระโก 10:45
10. พระเมสสิยาห์จะฟื้นขึ้นจากความตาย จะอยู่นานขึ้น และจะถูกยกย่อง
นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเรา จะทำอย่างมีปัญญา เขาจะสูงเด่นและเป็นที่เทิดทูน และเขาจะสูงยิ่งนัก ด้วยคนจำนวนมากตกตะลึงเพราะท่าน (หน้าตาของท่านเสียโฉมมากเหลือที่จะเหมือนคน และรูปร่างของท่านก็เสียโฉมเหลือที่จะเหมือนมนุษย์) ท่านก็จะทำให้ประชาชาติมากมายตกตะลึง บรรดาพระราชาจะปิดพระโอษฐ์เพราะท่าน เพราะเขาทั้งหลายจะเห็นสิ่งที่ยังไม่มีใครบอกพวกเขา และพวกเขาจะเข้าใจสิ่งซึ่งพวกเขาไม่เคยได้ยิน
ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เรา ป่าวประกาศ ? พระกรของพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ผู้ใด? เพราะท่านเจริญขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างต้นอ่อน และเหมือนรากที่แตกหน่อมาจากพื้นดินแห้งแล้ง ท่านไม่มีความงามหรือความสง่าที่จะให้พวกเรามองดู และไม่มีรูปลักษณ์ซึ่งจะให้เราพึงปรารถนา ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ แต่ท่านถูกแทง เพราะความทรยศของเรา ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้พวกเรามีสวัสดิภาพ และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา เราทุกคนหลงทางไปเหมือนแกะ ต่างคนต่างหันไปตามทางของตนเอง และพระยาห์เวห์ทรงวางความผิดบาป ของเราทุกคนลงบนตัวท่าน ท่านถูกบีบบังคับและถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันเช่นใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยเช่นนั้น ท่านถูกนำตัวไปด้วยการบังคับและการตัดสิน และคนในยุคสมัยของท่านนั้น มีใครเล่าที่คิดว่า ที่ท่านถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็นนั้น ที่ท่านถูกตีนั้นเพราะการทรยศของชนชาติของข้าพเจ้า และเขาจัดหลุมศพของท่านไว้กับคนอธรรม และเขาจัดท่านไว้ กับเศรษฐีในความตายของท่าน แม้ว่าท่านไม่ได้ทำการทารุณใดๆ และไม่มีการหลอกลวงใดๆ ในปากของท่าน แต่พระยาห์เวห์ยังทรงประสงค์ให้ท่านบอบช้ำด้วยการบาดเจ็บ เมื่อชีวิตของท่าน เป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป ท่านจะเห็นพงศ์พันธุ์ของท่าน ท่านจะยืดวันเวลาของท่าน พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะเจริญขึ้นในมือของท่าน ภายหลังความลำบากของตัวเขา เขาจะเห็น และจะพึงพอใจ โดยความรู้ของเขา ผู้รับใช้ชอบธรรมของเรา จะทำให้คนจำนวนมากเป็นคนชอบธรรม และเขาจะแบกความบาปผิดทั้งหลายของพวกเขา เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งส่วนหนึ่งแก่เขาเช่นเดียวกับคนใหญ่โต และเขาจะแบ่งของริบกับพวกผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเขาเทตัวของเขา ลงถึงความมรณะ และถูกนับเข้ากับพวกคนทรยศ เขาเองแบกบาปของคนจำนวนมาก และเขาอ้อนวอนเพื่อพวกคนทรยศ
อิสยาห์ 52:13- 53:1-12
ความสำเร็จ
ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงทำหมายสำคัญมากมายหลายอย่างให้เขาเห็น พวกเขาก็ยังไม่วางใจในพระองค์ ทั้งนี้เพื่อจะสำเร็จตามคำของอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ใครจะเชื่อสิ่งที่เราประกาศ? และพระกรของพระเจ้าทรงสำแดงแก่ใคร?”
ยอห์น 12:37-38
แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งเป็นโลหิต แห่งพันธสัญญา ที่จะต้องหลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก
มาระโก 14:24
เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยและทรงทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา]
ลูกา 22:20
พระคัมภีร์ตอนที่ท่านอ่านอยู่นั้นคือข้อเหล่านี้ “ท่านถูกนำไปฆ่าเหมือนอย่างแกะ ลูกแกะนิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันอย่างไร ท่านก็ไม่ปริปากของท่านอย่างนั้น ในเวลาที่ท่านถูกเหยียดหยาม ท่านไม่ได้รับความยุติธรรม ใครจะเล่าถึงเชื้อสายของท่าน? เพราะชีวิตของท่านถูกตัดขาดจากแผ่นดินโลก” ขันทีจึงถามฟีลิปว่า “สิ่งที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวนี้เล็งถึงใคร เล็งถึงตัวท่านเอง หรือเล็งถึงคนอื่น? ขอบอกข้าพเจ้าเถิด” ฟีลิปจึงเริ่มเล่าโดยตั้งต้นจากพระคัมภีร์ตอนนั้น ท่านประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูกับขันทีผู้นั้น
กิจการ 8:32-35
แต่ไม่ใช่ทุกคนได้เชื่อฟังข่าวประเสริฐนั้น อิสยาห์ได้กล่าวไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าได้เชื่อสิ่งที่เขาได้ยินจากเรา?”
โรม 10:16
พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เอง เป็นเครื่องบูชาครั้งเดียวเป็นพอ เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนจำนวนมากไว้ แล้วพระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อนำความรอดมาให้บรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อ
ฮีบรู 9:28
เพราะพระเจ้าทรงเรียกพวกท่านเพื่อจุดประสงค์นี้ เพราะว่าพระคริสต์ทรงทนทุกข์เพื่อพวกท่าน พระองค์ทรงวางแบบอย่างแก่พวกท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ พระองค์ ไม่ได้ทรงทำบาปเลย และไม่พบการล่อลวงในพระโอษฐ์ของพระองค์เลย เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงขู่อาฆาต แต่ทรงมอบพระองค์เอง ไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปทั้งหลายของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราจะตายต่อบาปได้ และดำเนินชีวิตเพื่อความชอบธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ พวกท่านจึงได้รับการรักษาให้หาย เพราะว่าพวกท่านได้หลงเจิ่นไปเหมือนแกะ แต่เดี๋ยวนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและผู้ดูแลวิญญาณจิตของพวกท่านแล้ว
1 เปโตร 2:21-25
11. พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนโมเสส
“พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะโปรดให้ผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับข้าพเจ้านี้เกิดขึ้นในหมู่พวกท่านจากพี่น้องของท่าน พวกท่านจงเชื่อฟังเขา ตามทุกอย่างที่ท่านขอจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่โฮเรบในวันประชุม เมื่อท่านกล่าวว่า ‘อย่าให้ข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าหรือได้เห็นเพลิงมหึมานี้อีกเลย เกรงว่าข้าพเจ้าจะตายเสีย’ และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ซึ่งพวกเขาพูดมาเช่นนั้นก็ดีอยู่ เราจะให้มีผู้เผยพระวจนะอย่างเจ้าเกิดขึ้นในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวทุกสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่พวกเขา คนที่ไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา ซึ่งเขากล่าวในนามของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น
เฉลยธรรมบัญญัติ 18:15-19
ความสำเร็จ
เขาทั้งหลายก็ปฏิเสธพระองค์ พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้เผยพระวจนะจะไม่ขาดความนับถือ เว้นแต่ในบ้านเกิด และในวงศ์วานของตน”
มัทธิว 13:57
เขาอยากจะจับพระองค์ แต่กลัวฝูงชน เพราะเขาทั้งหลายถือว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะ
มัทธิว 21:46
พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “เหตุการณ์อะไร?” เขาจึงตอบพระองค์ว่า “เหตุการณ์เรื่องเยซูชาวนาซาเร็ธผู้เผยพระวจนะที่มีฤทธิ์เดชในกิจการและถ้อยคำต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าประชาชน
ลูกา 24:19
พวกเขาจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านเป็นใคร? ท่านเป็นเอลียาห์ หรือ?” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้น หรือ?” และยอห์นตอบว่า “ไม่ใช่” พวกเขาจึงถามว่า “แล้วท่านเป็นใคร? ขอให้ตอบมา จะได้ไปบอกคนที่ใช้เรามา ท่านจะตอบเรื่องตัวท่านว่าอย่างไร?” ท่านตอบว่า “เรา เป็นเสียงของคนที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงทำมรรคา ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ตามที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้” พวกฟาริสีเป็นคนส่งพวกเขาไปหายอห์น พวกเขาจึงถามยอห์นว่า “ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์หรือเอลียาห์ หรือผู้เผยพระวจนะคนนั้นแล้ว ทำไมท่านถึงให้บัพติศมา ?”
ยอห์น 1:21-25
เมื่อคนทั้งหลายเห็นหมายสำคัญที่พระองค์ทรงทำ พวกเขาจึงพูดกันว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้นที่จะมาในโลก”
ยอห์น 6:14
เมื่อประชาชนได้ยินดังนั้น บางคนก็พูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะแน่นอน”
ยอห์น 7:40
โมเสสได้กล่าวไว้ว่า ‘พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะประทานผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง เหมือนอย่างเราแก่พวกท่านจากพี่น้องของพวกท่านเอง ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังผู้นั้นในทุกสิ่งที่พระองค์จะตรัสกับพวกท่าน
กิจการ 3:22
โมเสสคนนี้แหละที่กล่าวกับชนชาติอิสราเอลว่า ‘พระเจ้าจะประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อท่านทั้งหลาย จากพี่น้องของพวกท่าน เหมือนอย่างข้าพเจ้า’
กิจการ 7:37
12. พระเมสสิยาห์จะถูกแทง
“และเราจะเทวิญญาณแห่งความโปรดปรานและการวิงวอนบนราชวงศ์ดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม ดังนั้นเมื่อเขาทั้งหลายมองดูท่าน ผู้ซึ่งเขาเองได้แทง เขาจะไว้ทุกข์เพื่อท่าน เหมือนคนไว้ทุกข์เพื่อบุตรคนเดียวของตน และร้องไห้อย่างขมขื่นเพื่อท่าน เหมือนอย่างคนร้องไห้เพื่อบุตรหัวปีของตน
เศคาริยาห์ 12:10
ความสำเร็จ
เมื่อนั้นหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะทุกข์โศก แล้วจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและทรงพระรัศมีอย่างยิ่ง
มัทธิว 24:30
วันนั้นเป็นวันเตรียม พวกยิวจึงขอปีลาตให้ทุบขาของคนที่ถูกตรึงให้หักและยกศพออกไป เพื่อไม่ให้ศพค้างอยู่ที่กางเขนในวันสะบาโต (เพราะวันสะบาโตนั้นเป็นวันใหญ่) ดังนั้น พวกทหารจึงมาทุบขาของคนแรกและขาของอีกคนที่ถูกตรึงอยู่กับพระองค์ แต่เมื่อมาถึงพระเยซูและเห็นว่า พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้ทุบขาของพระองค์ แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ และโลหิตกับน้ำก็ไหลออกมาทันที คนนั้นที่เห็นก็เป็นพยาน และคำพยานของเขาก็เป็นความจริง และเขาก็รู้ว่าเขาพูดความจริงเพื่อพวกท่านจะได้เชื่อ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “พระอัฐิ ของพระองค์จะไม่หักสักชิ้นเดียว” และมีข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งว่า “พวกเขาจะมองดูพระองค์ผู้ที่เขาแทง”
ยอห์น 19:31-37
นี่แน่ะ พระองค์จะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆ และนัยน์ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์ แม้แต่คนทั้งหลายที่แทงพระองค์ และมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะคร่ำครวญเพราะพระองค์ จะเป็นไปอย่างนั้น อาเมน
วิวรณ์ 1:7
13. พระเมสสิยาห์จะมาหลังจากผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ได้เตรียมทางแล้ว
“นี่แน่ะ เราจะส่งเอลียาห์ผู้เผยพระวจนะ มายังเจ้าก่อนวันแห่งพระยาห์เวห์ คือวันที่ใหญ่ยิ่งและน่าสะพรึงกลัวจะมาถึง และท่านผู้นั้นจะทำให้จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ ไม่อย่างนั้น เราจะมาโจมตีแผ่นดินนั้นด้วยคำสาปแช่ง ”
มาลาคี 4:5-6
ความสำเร็จ
ถ้าท่านทั้งหลายจะยอมรับ ยอห์นผู้นี้แหละ คือเอลียาห์ที่จะมานั้น ใครมีหูจงฟังเถิด
มัทธิว 11:14-15
เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “บางคนว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ว่าเป็นเยเรมีย์ หรือเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้เผยพระวจนะ”
มัทธิว 16:14
ขณะเสด็จลงมาจากภูเขาพระเยซูตรัสสั่งพวกสาวกว่า “นิมิตซึ่งท่านทั้งหลายเห็นนั้น อย่าเล่าให้ใครฟังจนกว่าบุตรมนุษย์จะเป็นขึ้นมาจากความตาย” พวกสาวกก็ทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมพวกธรรมาจารย์จึงบอกว่า ‘เอลียาห์จะต้องมาก่อน?’ ” พระเยซูตรัสตอบว่า “เอลียาห์จะมาจริงๆ และจะทำให้ทุกสิ่งคืนสู่สภาพเดิม แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่าเอลียาห์นั้นมาแล้ว และเขาทั้งหลายไม่รู้จักท่าน แต่เขาได้ทำกับท่านตามที่ต้องการแล้ว บุตรมนุษย์ก็จะต้องทนทุกข์เพราะน้ำมือของพวกเขาเช่นกัน” แล้วพวกสาวกจึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสกับพวกเขาโดยทรงเล็งถึงยอห์นผู้ให้บัพติศมา
มัทธิว 17:9-13
กษัตริย์เฮโรดทรงทราบเรื่องของพระองค์ เพราะว่าพระนามของพระเยซูเป็นที่เลื่องลือ บางคนพูดว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว เพราะเหตุนี้เขาถึงทำการอัศจรรย์ได้” แต่บางคนว่า “เขาเป็นเอลียาห์” ส่วนคนอื่นๆ ว่า “เขาเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะในอดีต” เมื่อเฮโรดทรงได้ยินจึงตรัสว่า “ยอห์นคนที่เราตัดศีรษะเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว”
มาระโก 6:14-16
พวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมพวกธรรมาจารย์ถึงกล่าวว่า เอลียาห์จะต้องมาก่อน?” พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า “เอลียาห์จะต้องมาก่อนแน่นอนเพื่อทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ทำไมยังมีถ้อยคำเขียนเกี่ยวกับบุตรมนุษย์ว่า พระองค์จะต้องทรงทนทุกขเวทนาหลายประการและทรงถูกทอดทิ้ง แต่เราบอกพวกท่านว่า เอลียาห์นั้นได้มาแล้ว และพวกเขาทำต่อท่านทุกอย่างตามใจชอบ ซึ่งก็เป็นไปตามถ้อยคำที่เขียนไว้เกี่ยวกับท่าน”
มาระโก 9:11-13
เขาจะนำพงศ์พันธุ์อิสราเอลหลายคนให้หันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของพวกเขา เขาจะนำหน้าพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและฤทธิ์เดชของเอลียาห์ ให้พ่อกลับคืนดีกับลูก และให้คนดื้อด้านกลับได้ปัญญาของคนชอบธรรม เพื่อจัดเตรียมชนชาติหนึ่งไว้ให้พร้อมสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า”
ลูกา 1:16-17
พวกเขาจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านเป็นใคร? ท่านเป็นเอลียาห์ หรือ?” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้น หรือ?” และยอห์นตอบว่า “ไม่ใช่”
ยอห์น 1:21
14. พระเมสสิยาห์จะมาโดยขี่ลา
ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่งเถิด โอ บุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้อง นี่แน่ะ กษัตริย์ของเธอเสด็จมาหาเธอ ทรงความยุติธรรมและความรอด พระองค์ทรงอ่อนสุภาพและทรงลา ทรงลูกลา
เศคาริยาห์ 9:9
ความสำเร็จ
เมื่อพระเยซูเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็มกับบรรดาสาวกถึงหมู่บ้านเบธฟายี เชิงเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้สาวกสองคน มีรับสั่งว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้า แล้วจะพบแม่ลาตัวหนึ่งผูกอยู่กับลูกของมัน จงแก้และจูงมาให้เรา ถ้ามีใครพูดอะไร ท่านทั้งสองจงบอกว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านมีพระประสงค์’ แล้วเขาจะปล่อยให้มาทันที” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้เป็นไปตามพระวจนะที่ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “จงบอกชาวศิโยนว่า นี่แน่ะ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมา ด้วยความสุภาพอ่อนโยน พระองค์ทรงลา ทรงลูกลา” สาวกทั้งสองคนนั้นก็ไปทำตามที่พระเยซูตรัสสั่ง จึงจูงแม่ลากับลูกของมันมา แล้วเอาเสื้อผ้าของตนปูบนหลัง และพระองค์ก็ทรงลานั้น
มัทธิว 21:1-7
15. พระเมสสิยาห์จะถูกเรียกออกจาก แผ่นดินอียิปต์
เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา เราได้เรียกบุตรของเราออกจากอียิปต์
โฮเชยา 11:1
ความสำเร็จ
เมื่อพวกเขาไปแล้วก็มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า ได้มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า “จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหาพระกุมาร เพื่อจะประหารชีวิตเสีย” ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงลุกขึ้น พาพระกุมารกับมารดาไปยังประเทศอียิปต์ และได้อยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งได้ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า เราได้เรียกบุตรของเราให้ออกมาจากอียิปต์
มัทธิว 2:13-15
16. พระเมสสิยาห์จะถูกเรียกว่าพระบุตรของพระเจ้า
เหตุใดบรรดาประชาชาติจึงคิดกบฏ? ทำไมชาวประเทศทั้งหลายคิดลมๆ แล้งๆ? บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกตั้งตนเองขึ้น และนักปกครองปรึกษากัน ต่อสู้พระยาห์เวห์กับผู้รับการเจิมของพระองค์ กล่าวว่า “ให้เราหักโซ่ตรวน และสลัดเครื่องจำจองของเขาให้พ้นจากเราเถิด” พระองค์ผู้ประทับในสวรรค์ทรงพระสรวล องค์เจ้านายทรงเย้ยหยันเขาเหล่านั้น แล้วตรัสกับเขาทั้งหลายด้วยความกริ้ว และด้วยความเดือดดาลก็ทรงทำให้เขาหวาดกลัว ตรัสว่า “เราเองได้ตั้งกษัตริย์ของเราไว้แล้ว บนศิโยน ภูเขาบริสุทธิ์ของเรา” ข้าพเจ้าจะบอกถึงกฎเกณฑ์ของพระยาห์เวห์ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้าแล้ว จงขอจากเราเถิด และเราจะมอบบรรดาประชาชาติให้เป็นมรดกของเจ้า ตลอดจนแผ่นดินโลกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า เจ้าจะตีพวกเขาให้แตกด้วยคทาเหล็ก และฟาดให้แหลกเป็นชิ้นๆ ดุจภาชนะของช่างปั้นหม้อ” เพราะฉะนั้น กษัตริย์ทั้งหลายเอ๋ย จงฉลาดเถิด บรรดาผู้ปกครองแห่งแผ่นดินโลกเอ๋ย จงรับคำเตือนเถิด จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์ด้วยความยำเกรง และจงเปรมปรีดิ์จนเนื้อเต้น จงจุมพิตพระบุตร หาไม่ พระองค์จะกริ้ว และเจ้าต้องพินาศจากทางนั้น เพราะความกริ้วของพระองค์จุดให้ลุกได้รวดเร็ว ทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในพระองค์ก็เป็นสุข
สดุดี 2:1-12
ความสำเร็จ
แล้วมีพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”
มาระโก 1:11
และอันนาสกับคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิต ช่วงเวลานี้เองที่พระวจนะของพระเจ้ามาถึงยอห์นบุตรเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร
ลูกา 3:2
พระองค์ตรัสไว้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยปากของดาวิดบรรพบุรุษของเรา ผู้รับใช้ของพระองค์ ว่า ‘ทำไมคนต่างชาติจึงหยิ่งยโส และชนชาติทั้งหลายปองร้ายกันแต่ไม่เป็นผล บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกตั้งตัวขึ้น และนักปกครองชุมนุมกัน ต่อสู้พระเจ้าและผู้รับการเจิมตั้ง ของพระองค์’ ความจริงในเมืองนี้ ทั้งเฮโรด และปอนทิอัสปีลาต กับพวกต่างชาติและชนชาติอิสราเอล ร่วมชุมนุมกันต่อสู้พระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์ซึ่งทรงเจิมไว้แล้ว พวกเขาทำสิ่งสารพัดตามที่พระหัตถ์และพระดำริของพระองค์ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้า
กิจการ 4:25-28
พระเจ้าทรงให้สำเร็จตามนั้นเพื่อเรา ผู้เป็นลูกหลานของเขาทั้งหลาย โดยการที่พระองค์ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมา ดังมีคำเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีบทที่สองว่า ‘เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า’
กิจการ 13:33
เพราะว่ามีใครบ้างในพวกทูตสวรรค์ที่พระเจ้า เคยตรัสกับเขาว่า “เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า” และยังตรัสอีกว่า “เราเองจะเป็นบิดาของเขา และเขาเองจะเป็นบุตรของเรา”
ฮีบรู 1:5
ในทำนองเดียวกัน พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาปุโรหิต แต่พระเจ้าตรัสกับพระองค์ว่า “เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า”
ฮีบรู 5:5
17. พระเมสสิยาห์จะถูกปฏิเสธเพื่อเงินสามสิบเหรียญ
แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงโยนเงินนั้นเข้าไปในคลัง ” คือเงินก้อนงดงามเหลือเกินที่เขาจ่ายให้ข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเอาเงิน 30 แผ่นโยนเข้าไปในคลังในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
เศคาริยาห์ 11:13
ความสำเร็จ
เวลานั้นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนชื่อยูดาสอิสคาริโอทไปหาพวกหัวหน้าปุโรหิต บอกว่า “ถ้าข้าพเจ้ามอบตัวเขาให้พวกท่าน ท่านจะให้ข้าพเจ้าเท่าไหร่?” พวกเขาก็ให้เงินยูดาสสามสิบเหรียญ
มัทธิว 26:14-15
เมื่อยูดาสคนที่ทรยศพระองค์เห็นว่าพระองค์ทรงถูกลงโทษก็เสียใจ จึงนำเงินสามสิบเหรียญนั้นมาคืนให้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่
มัทธิว 27:3
ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่กล่าวโดยเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “พวกเขารับเงินสามสิบเหรียญซึ่งเป็นราคาของผู้นั้น ที่เผ่าพันธุ์อิสราเอลตีราคาไว้ แล้วไปซื้อทุ่งช่างหม้อ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระบัญชาข้าพเจ้า”
มัทธิว 27:9-10
18. พระเมสสิยาห์จะเป็นเหมือนบุตรมนุษย์
ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตเวลากลางคืน นี่แน่ะ มีท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์มา พร้อมกับบรรดาเมฆของสวรรค์ และท่านมาหาผู้เจริญด้วยวัยวุฒินั้น มีคนนำท่านมาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ราชอำนาจ ศักดิ์ศรี กับราชอาณาจักร ทรงมอบไว้กับท่าน เพื่อชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา จะปรนนิบัติท่าน ราชอาณาจักรของท่านเป็นราชอาณาจักรนิรันดร์ ซึ่งจะไม่มีที่สิ้นสุด และแผ่นดินของท่านเป็นแผ่นดิน ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย
ดาเนียล 7:13-14
ความสำเร็จ
ไม่มีใครเคยขึ้นไปสวรรค์นอกจากผู้ที่ลงมาจากสวรรค์ คือบุตรมนุษย์ โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดาร อย่างไร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น
ยอห์น 3:13-14
แล้วท่านกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และเห็นบุตรมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า”
กิจการ 7:56
“ท่านทั้งหลายเป็นสุขแม้มีคนเกลียดชังท่าน ไล่ท่านออกจากพวกเขา ประณามท่าน และเหยียดหยามท่านว่าเป็นคนชั่วช้าเนื่องจากท่านเห็นแก่บุตรมนุษย์
ลูกา 6:22
แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าแหวกออกและพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงอยู่ เหนือบุตรมนุษย์”
ยอห์น 1:51
ทั้งนี้เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาปได้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า “จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านของท่าน”
มัทธิว 9:6
เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโต”
มัทธิว 12:8
บุตรมนุษย์จะใช้บรรดาทูตสวรรค์ของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด และพวกผู้ที่ทำชั่วไปจากแผ่นดินของท่าน
มัทธิว 13:41
เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเขตเมืองซีซารียาฟีลิปปี พระองค์ตรัสถามพวกสาวกของพระองค์ว่า “คนทั่วไปพูดกันว่าบุตรมนุษย์เป็นใคร?” เพราะว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระรัศมีของพระบิดา พร้อมด้วยบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงตอบแทนแต่ละคนตามการกระทำของเขา
มัทธิว 16:13, 27
ตั้งแต่นั้นมา พระองค์ทรงสอนพวกสาวกว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่และพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์จะทรงถูกประหารชีวิต และหลังจากนั้นสามวันจะเป็นขึ้นมาใหม่
มาระโก 8:31
และตรัสว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายอย่าง พวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน และในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม พระเจ้าจะทรงให้ท่านเป็นขึ้นมาใหม่”
ลูกา 9:22
19. พระเมสสิยาห์จะเป็นเครื่องบูชาถวายด้วยความยินดี
ทูตสวรรค์ว่า “อย่าแตะต้องเด็กนั้น อย่าทำอะไรเขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า และเจ้าไม่ได้หวงบุตรชายคือบุตรชายคนเดียวของเจ้าไว้จากเรา” อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องบูชาแทนบุตรชาย อับราฮัมจึงเรียกสถานที่นั้นว่า ยาห์เวห์ยิเรห์ อย่างที่เขาพูดกันทุกวันนี้ว่า “ทรงจัดไว้ให้บนภูเขาของพระยาห์เวห์” ทูตของพระยาห์เวห์เรียกอับราฮัมครั้งที่สองมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราเองปฏิญาณว่า เพราะเจ้าทำอย่างนี้และไม่ได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้า ดังนั้นเราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูทั้งหลายของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าเชื่อฟังเรา”
ปฐมกาล 22:12-18
ความสำเร็จ
พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ยอห์น 3:16
โดยความเชื่อ เมื่ออับราฮัมถูกลองใจ จึงได้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา และท่านผู้ได้รับพระสัญญา ก็พร้อมแล้วที่จะถวายบุตรชายคนเดียวของท่าน คือบุตรคนที่มีพระดำรัสว่า “เขาจะเรียกเชื้อสายของท่านทางสายอิสอัค” ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถทำให้คนตายเป็นขึ้นมาได้ ฉะนั้นโดยอุปมาแล้ว ท่านได้รับบุตรคืนมา
ฮีบรู 11:17-19
20. พระเมสสิยาห์จะเป็นลูกแกะปัสกา
พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนในแผ่นดินอียิปต์ว่า “ให้เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มต้นสำหรับพวกเจ้า ให้เป็นเดือนแรกในปีสำหรับพวกเจ้า จงสั่งชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นว่า ในวันที่สิบเดือนนี้ ให้แต่ละคนเตรียมลูกแกะ ตัวหนึ่งให้ตนเองตามสกุล บ้านละหนึ่งตัว ถ้าครอบครัวไหนมีคนน้อยและกินลูกแกะตัวหนึ่งไม่หมด ก็ให้รวมกับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงเตรียมลูกแกะตัวหนึ่ง แล้วให้แบ่งลูกแกะนั้นตามจำนวนคนที่จะกินได้ ลูกแกะของเจ้าต้องปราศจากตำหนิ เป็นตัวผู้อายุหนึ่งปี เจ้าจงเอามาจากฝูงแกะหรือฝูงแพะ จงเก็บไว้ให้ดีถึงวันที่สิบสี่เดือนนี้ แล้วในเย็นวันนั้น ให้ที่ประชุมของชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะนั้น แล้วเอาเลือดทาที่วงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้างของบ้านที่พวกเขาเลี้ยงกันนั้นด้วย ในคืนวันนั้นให้พวกเขากินเนื้อปิ้งกับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม อย่ากินเนื้อที่ยังดิบหรือเนื้อต้มเลย แต่จงปิ้งทั้งหัวและขาและเครื่องในด้วย จงกินให้หมดห้ามมีเศษเหลือจนถึงเวลาเช้า แต่ถ้ายังมีเศษเหลือถึงเวลาเช้าก็ให้เผาเสีย เจ้าจงเลี้ยงกันดังนี้คือ ให้คาดเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้าไว้ในมือ และรีบกินโดยเร็ว การเลี้ยงนี้เป็นปัสกา ของพระยาห์เวห์ เพราะในคืนวันนั้น เราจะผ่านไปในแผ่นดินอียิปต์ และเราจะประหารลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ทั้งของมนุษย์และของสัตว์ และเราจะพิพากษาลงโทษพระทั้งหมดของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์ แต่เลือดตามบ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นพวกเจ้าไป จะไม่มีภัยพิบัติเกิดแก่พวกเจ้า ขณะที่เราโจมตีแผ่นดินอียิปต์ “วันนี้จะเป็นวันที่ระลึกสำหรับพวกเจ้า ให้เจ้าทั้งหลายฉลองเป็นเทศกาลเลี้ยงถวายเกียรติพระยาห์เวห์ชั่วชาติพันธุ์ของพวกเจ้า พวกเจ้าจงฉลองเทศกาลเลี้ยงนี้และถือเป็นกฎถาวร พวกเจ้าจงกินขนมปังไร้เชื้อให้ครบเจ็ดวัน วันแรกจงขจัดเชื้อ ให้สิ้นจากบ้านของพวกเจ้า ถ้าผู้ใดกินขนมปังใส่เชื้อตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่เจ็ด จะต้องถูกตัดออกจากการเป็นคนอิสราเอล ในวันแรกนั้นให้มีการประชุมบริสุทธิ์ และในวันที่เจ็ดก็ให้มีการประชุมบริสุทธิ์ ห้ามทำงานใดๆ ในวันแรกและวันที่เจ็ด นอกจากการจัดเตรียมอาหารให้ทุกคนรับประทาน พวกเจ้าจงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เพราะในวันนี้เอง เราได้นำไพร่พลของเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพราะฉะนั้น พวกเจ้าจงถือวันนี้เป็นกฎถาวรชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า ในตอนเย็นวันที่สิบสี่เดือนแรก เจ้าทั้งหลายจงกินขนมปังไร้เชื้อจนถึงเวลาเย็นวันที่ยี่สิบเอ็ดของเดือนนั้น ตลอดเจ็ดวันนั้น ห้ามพบเชื้อในบ้านของพวกเจ้า เพราะถ้าผู้ใดที่เป็นคนต่างด้าวก็ดีหรือคนพื้นเมืองก็ดี กินขนมปังใส่เชื้อ ผู้นั้นจะต้องถูกตัดออกจากชุมนุมชนอิสราเอล ห้ามกินสิ่งใดที่ใส่เชื้อในที่อาศัยของพวกเจ้า เจ้าจงกินแต่ขนมปังไร้เชื้อเท่านั้น” แล้วโมเสสเรียกพวกผู้ใหญ่ของคนอิสราเอลมาพร้อมกัน สั่งว่า “จงไปเอาลูกแกะสำหรับครอบครัวของพวกท่านมาฆ่าเป็นลูกแกะปัสกา และเอาต้นหุสบ กำหนึ่งจุ่มลงในเลือดที่อยู่ในอ่าง แล้วป้ายเลือดนั้นที่วงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้าง ห้ามผู้ใดออกไปพ้นประตูบ้านของตนจนถึงรุ่งเช้า เพราะพระยาห์เวห์จะเสด็จผ่านไปเพื่อจะประหารคนอียิปต์ เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเลือดที่วงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้าง พระยาห์เวห์จะทรงผ่านเว้นประตูนั้น และจะไม่ทรงให้ผู้สังหารเข้าไปในบ้านพวกท่านเพื่อจะประหารท่าน ท่านทั้งหลายจงถือคำสั่งนี้ให้เป็นกฎถาวรของพวกท่านและของลูกหลานพวกท่าน เมื่อพวกท่านไปถึงแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์จะประทานแก่พวกท่านตามที่ตรัสไว้แล้ว พวกท่านจงถือพิธีนี้ไว้ เมื่อลูกหลานของพวกท่านถามว่า ‘พิธีนี้หมายความว่าอะไร?’ พวกท่านจงตอบว่า ‘เป็นการถวายสัตวบูชาปัสกาแด่พระยาห์เวห์ผู้ทรงผ่านเว้นบ้านของชนชาติอิสราเอลในอียิปต์ เมื่อพระองค์ทรงประหารคนอียิปต์ แต่โปรดไว้ชีวิตครอบครัวของพวกเรา’ ” ประชากรก็กราบลงนมัสการ แล้วชนชาติอิสราเอลก็ไปทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชากับโมเสสและอาโรน ในเวลาเที่ยงคืน พระยาห์เวห์ทรงประหารบุตรหัวปีทุกคนในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่พระราชบุตรหัวปีของฟาโรห์ผู้ประทับบนบัลลังก์ จนถึงบุตรหัวปีของนักโทษที่อยู่ในคุกมืด ทั้งลูกหัวปีของสัตว์เลี้ยงทุกตัว ฟาโรห์กับพวกข้าราชการ และคนอียิปต์ทั้งหมดตื่นขึ้นในตอนกลางคืน มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมากในอียิปต์ เพราะไม่มีบ้านไหนเลยที่ไม่มีคนตาย ฟาโรห์จึงตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนให้มาเข้าเฝ้าในคืนนั้น ตรัสว่า “เจ้าทั้งสองกับชนชาติอิสราเอล จงลุกขึ้นและออกไปจากประชากรของเรา ไปนมัสการพระยาห์เวห์ตามที่ขอไว้นั้น เอาฝูงแพะแกะและฝูงโคของพวกเจ้าไปด้วยตามที่ขอไว้แล้ว จงไป และอวยพรเราด้วย” คนอียิปต์ก็เร่งรัดให้ชนชาตินั้นออกจากแผ่นดินโดยเร็ว เพราะพวกเขาพูดว่า “พวกเราจะตายกันหมดแล้ว” คนอิสราเอลเอาก้อนแป้งดิบที่ไม่ได้ใส่เชื้อกับอ่างขยำแป้ง ห่อผ้าใส่บ่าแบกไป ชนชาติอิสราเอลทำตามที่โมเสสสั่งไว้ คือขอเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องนุ่งห่มจากคนอียิปต์ และพระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้ประชากรเป็นที่โปรดปรานในสายตาของคนอียิปต์ คนอียิปต์จึงให้สิ่งของตามที่ขอ ดังนั้นคนอิสราเอลจึงริบเอาสิ่งของต่างๆ จากคนอียิปต์ ชนชาติอิสราเอลออกจากเมืองราเมเสสไปถึงเมืองสุคคท นับเฉพาะผู้ชายเดินเท้าได้ประมาณ 600,000 คน ไม่รวมเด็ก มีคนชาติอื่นจำนวนมากติดตามไปด้วย พร้อมทั้งฝูงปศุสัตว์มหาศาล คือฝูงแพะแกะและฝูงโค พวกเขาเอาก้อนแป้งดิบซึ่งนำมาจากอียิปต์ปิ้งเป็นแผ่นขนมปังไร้เชื้อ เหตุที่เขาไม่ใส่เชื้อ ก็เพราะถูกเร่งรัดให้ออกจากอียิปต์ จึงไม่ทันเตรียมเสบียง ชนชาติอิสราเอลอยู่ในอียิปต์เป็นเวลา 430 ปี เมื่อครบ 430 ปีแล้ว ในวันนั้นเอง ประชากรทั้งหมดของพระยาห์เวห์ก็เคลื่อนออกจากแผ่นดินอียิปต์ คืนวันนั้นเป็นคืนของพระยาห์เวห์ที่ทรงเฝ้าดู เพื่อนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และเป็นคืนที่ชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้นถือเป็นที่ระลึกถึงพระยาห์เวห์ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเขา พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “กฎเกณฑ์พิธีปัสกาเป็นดังนี้ คือห้ามคนต่างชาติกิน ส่วนทาสซึ่งนายเอาเงินซื้อมา เมื่อให้ทาสนั้นเข้าสุหนัตแล้วก็ให้เขากินได้ ส่วนคนอาศัยหรือลูกจ้างห้ามกิน ปัสกานั้นให้กินแต่ในบ้าน ห้ามเอาเนื้อไปนอกบ้าน และห้ามหักกระดูกของมัน ให้ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นปฏิบัติตามพิธีนี้ ถ้ามีคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่กับเจ้า และต้องการจะปฏิบัติตามพิธีปัสกาถวายพระยาห์เวห์ ก็ให้ชายพวกนั้นทุกคนเข้าสุหนัตก่อนแล้วจึงให้เขามาใกล้และปฏิบัติตามพิธีนั้นได้ เขาจะเป็นเหมือนคนที่เกิดในแผ่นดินนั้น แต่ทุกคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต จะกินปัสกาไม่ได้ บทบัญญัติสำหรับคนพื้นเมืองและคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเจ้าจะต้องเป็นอย่างเดียวกัน” ชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้นก็ปฏิบัติตามที่พระยาห์เวห์มีรับสั่งแก่โมเสสและอาโรน ในวันนั้นเองพระยาห์เวห์ทรงนำชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์โดยแยกเป็นขบวนๆ
อพยพ 12:1-51
ความสำเร็จ
วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาหาท่าน ท่านจึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดก ของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป และท่านมองดูพระเยซูขณะที่พระองค์เสด็จผ่านไป และท่านกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า”
ยอห์น 1:29, 36
แต่เมื่อมาถึงพระเยซูและเห็นว่า พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้ทุบขาของพระองค์ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “พระอัฐิ ของพระองค์จะไม่หักสักชิ้นเดียว”
ยอห์น 19:33, 36
จงชำระเชื้อ เก่าเสีย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นแป้งดิบก้อนใหม่ ดังเช่นที่ท่านเป็นพวกไร้เชื้อ เพราะพระคริสต์ผู้ทรงเป็นปัสกาของเรา ถูกถวายบูชาแล้ว เพราะฉะนั้นให้เราถือปัสกานั้น ไม่ใช่ด้วยเชื้อเก่าซึ่งเป็นเชื้อของความชั่วและความเลว แต่ด้วยขนมปังที่ไม่มีเชื้อ คือความจริงใจและสัจจะ
1 โครินธ์ 5:7-8
แต่ด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ไร้ตำหนิและไร้จุดด่างพร้อย
1 เปโตร 1:19
21. พระเมสสิยาห์จะเป็นดาวดวงหนึ่งที่ออกมาจากยาโคบ
ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ ข้าพเจ้ามองดูเขา แต่ไม่ใช่จากระยะใกล้ตัว ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ และพระคทาอันหนึ่งจะมาจากอิสราเอล แล้วจะทุบหน้าผากของโมอับ และทำลายเผ่าพันธุ์ทั้งหมดของเชท
กันดารวิถี 24:17
ความสำเร็จ
“พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของท่านทางทิศตะวันออก และเราจึงมาเพื่อจะนมัสการท่าน”
มัทธิว 2:2
“เราคือเยซูผู้ใช้ทูตสวรรค์ของเราไปเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ต่อท่านเพื่อคริสตจักรทั้งหลาย เราเป็นรากเหง้าและเชื้อสายของดาวิด และเป็นดาวประจำรุ่งอันสุกใส”
วิวรณ์ 22:16
22. พระเมสสิยาห์จะเกิดในเมืองเบธลิเอ็ม
แต่เจ้า เบธเลเฮม เอฟราธาห์ ผู้เป็นหน่วยเล็กในบรรดาตระกูลของยูดาห์ จากเจ้า จะมีผู้หนึ่งออกมาเพื่อเรา เป็นผู้ที่จะปกครองในอิสราเอล ต้นตระกูลของท่านมาจากสมัยเก่า จากสมัยโบราณกาล
มีคาห์ 5:2
ความสำเร็จ
พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า “พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของท่านทางทิศตะวันออก และเราจึงมาเพื่อจะนมัสการท่าน” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินดังนั้นแล้ว ก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย แล้วท่านทรงให้ประชุมพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ของประชาชน แล้วก็ตรัสถามพวกเขาว่า “พระคริสต์จะทรงบังเกิดที่ไหน?” พวกเขาทูลว่า “ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ ดังนี้ว่า ‘บ้านเบธเลเฮม ในแผ่นดินยูเดีย จะไม่เป็น บ้านที่เล็กน้อยที่สุดในสายตาของพวกผู้ครองแผ่นดินยูเดีย เพราะว่าเจ้านายองค์หนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา’ ”
มัทธิว 2:1-6
23. พระเมสสิยาห์จะยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ดาวิด
พระยาห์เวห์ตรัสกับกษัตริย์ ของข้าพเจ้า ว่า “จงนั่งที่ขวามือ ของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้าเป็นแท่นรองเท้าของเจ้า” พระยาห์เวห์ทรงยื่นคทาแห่งการปกครองของท่าน จากศิโยน ท่านจงครอบครองท่ามกลางศัตรูของท่านเถิด ชนชาติของท่านจะเต็มใจถวายตัว ในวันแห่งอำนาจของท่านในเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ จากครรภ์ของอรุโณทัย น้ำค้างแห่งวัยหนุ่มเป็นของท่าน พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และจะไม่เปลี่ยนพระทัยของพระองค์ “เจ้าเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ ตามอย่างเมลคีเซเดค”
สดุดี 110:1-4
ความสำเร็จ
พระองค์จึงทรงใช้บ่าวอื่นๆ ไปอีก มีรับสั่งให้บอกผู้รับเชิญเหล่านั้นว่า ‘นี่แน่ะ เราเตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทั้งวัวและลูกวัวอ้วนของเราก็ฆ่าไว้แล้ว ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้ว เชิญมาในงานเลี้ยงอภิเษกสมรสนี้เถิด’ แต่เขาทั้งหลายเพิกเฉยและเดินจากไป บางคนไปไร่นาของตน บางคนก็ไปค้าขาย พวกที่เหลือก็จับบ่าวมาทำการอัปยศต่างๆ แล้วฆ่าเสีย กษัตริย์องค์นั้นก็กริ้ว จึงมีรับสั่งให้กองทหารไปฆ่าฆาตกรเหล่านั้น และเผาเมืองของพวกเขา แล้วพระองค์มีรับสั่งกับพวกบ่าวว่า ‘งานอภิเษกสมรสเตรียมพร้อมแล้ว แต่พวกที่ได้รับเชิญนั้นไม่คู่ควร เพราะฉะนั้นจงออกไปตามถนนสำคัญๆ ต่างๆ เชิญทุกคนที่พวกเจ้าพบมาร่วมงานอภิเษกสมรสนี้’ บ่าวจึงออกไปตามถนนต่างๆ และรวบรวมทุกคนที่พบ ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลวจนห้องโถงงานอภิเษกสมรสนั้นเต็มไปด้วยแขก “แต่เมื่อกษัตริย์องค์นั้นเสด็จไปทอดพระเนตร แขกทั้งหลาย ก็ทอดพระเนตรเห็นคนหนึ่งไม่ได้สวมเสื้อสำหรับงานอภิเษกสมรส จึงตรัสถามว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ทำไมท่านมาที่นี่โดยไม่สวมเสื้อสำหรับงานอภิเษกสมรส?’ คนนั้นก็นิ่งอั้นอยู่พูดไม่ออก กษัตริย์จึงมีรับสั่งกับพวกคนรับใช้ว่า ‘จงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปโยนทิ้งบริเวณที่มืดข้างนอก ซึ่งเป็นที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ เพราะว่าคนที่ได้รับเชิญก็มีมาก แต่คนที่ได้รับการทรงเลือกก็มีน้อย” ขณะนั้นพวกฟาริสีก็ไปและปรึกษากันหาทางทำให้พระองค์ทรงติดกับดักด้วยคำพูด จึงใช้บรรดาศิษย์ของตนกับพวกเฮโรดไปทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ เราทราบว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์ สั่งสอนทางของพระเจ้าตามความจริงโดยไม่ได้เอาใจใคร เพราะท่านไม่ได้เห็นแก่หน้าใคร เพราะฉะนั้นขอโปรดให้เราทราบว่าท่านคิดอย่างไร? การส่งส่วยให้แก่ซีซาร์นั้นควรหรือไม่?” พระเยซูทรงทราบเจตนาร้ายของพวกเขาจึงตรัสว่า “คนหน้าซื่อใจคด พวกท่านมาทดลองเราทำไม? จงเอาเงินที่จะเสียส่วยนั้นมาให้เราดู” เขาจึงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งถวายพระองค์ พระองค์ตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร?” พวกเขาทูลว่า “ของซีซาร์” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เพราะฉะนั้น ของของซีซาร์จงถวายแด่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” เมื่อได้ฟังแล้วพวกเขาก็ประหลาดใจ จึงละพระองค์ไว้และกลับไป ในวันนั้น มีพวกสะดูสีมาหาพระองค์ พวกนี้เป็นผู้สอนว่าไม่มีการเป็นขึ้นจากความตาย เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ โมเสสสั่งว่า ‘ถ้าใครตายในขณะที่ยังไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายแต่งงานกับหญิงม่ายนั้นและมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชาย’ เรามีพี่น้องผู้ชายเจ็ดคน พี่คนโตมีภรรยาแล้วก็ตาย เมื่อยังไม่มีบุตรก็ละภรรยาไว้ให้กับน้องชาย คนที่สอง คนที่สามก็เป็นแบบเดียวกัน จนถึงคนที่เจ็ด ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย เพราะฉะนั้นในวันที่เป็นขึ้นจากความตาย หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใครในเจ็ดคนนั้น? เพราะพวกเขาได้นางมาเป็นภรรยาแล้วทุกคน” พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายผิดแล้ว เพราะท่านไม่รู้พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า เมื่อมนุษย์เป็นขึ้นจากความตายนั้น จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก แต่จะเป็นเหมือนบรรดาทูตในฟ้าสวรรค์ เกี่ยวกับเรื่องที่คนตายจะเป็นขึ้นจากความตายนั้น พวกท่านยังไม่ได้อ่านสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้กับท่านหรือ ว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’ พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น” เมื่อฝูงชนได้ยินก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ เมื่อพวกฟาริสีได้ยินว่าพระองค์ทรงทำให้พวกสะดูสีนิ่งอั้นอยู่ จึงประชุมกัน มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งในพวกเขามาทดสอบพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ในธรรมบัญญัตินั้น พระบัญญัติข้อไหนสำคัญที่สุด?” พระเยซูทรงตอบเขาว่า “ ‘จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน’ และด้วยสุดความคิดของท่าน นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ ธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้” เมื่อพวกฟาริสียังประชุมอยู่ที่นั่น พระเยซูทรงถามว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องพระคริสต์? พระองค์ทรงเป็นเชื้อสายของใคร?” พวกเขาตอบว่า “เป็นเชื้อสายของดาวิด” พระองค์ตรัสถามว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมดาวิดจึงทรงเรียกพระองค์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าโดยเดชพระวิญญาณ และทรงกล่าวว่า ‘พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้อยู่ใต้เท้าของท่าน” ’ ฉะนั้นถ้าดาวิดทรงเรียกท่านว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะเป็นเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?”
มัทธิว 22:4-45
ขณะที่พระเยซูทรงสั่งสอนอยู่ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ตรัสถามว่า “ที่พวกธรรมาจารย์ว่าพระคริสต์เป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นไปได้อย่างไร? เพราะว่าดาวิดเองกล่าวโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ‘พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้อยู่ใต้เท้าท่าน” ’ ดาวิดยังเรียกท่านว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านจะเป็นเพียงเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?” มหาชนต่างฟังพระองค์ด้วยความยินดี
มาระโก 12:35-37
พระองค์จึงตรัสถามพวกเขาว่า “ที่มีคนว่า พระคริสต์ทรงเป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นไปได้อย่างไร? เนื่องจากดาวิดเองก็กล่าวไว้ในพระธรรมสดุดีว่า ‘พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “จงนั่งด้านขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่าน เป็นที่รองเท้าของท่าน” ’ ในเมื่อดาวิดยังเรียกท่านว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านจะเป็นเพียงเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?”
ลูกา 20:41-44
เพราะว่าดาวิดไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์แต่ท่านกล่าวว่า ‘พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นที่รองเท้าของท่าน ’ เพราะฉะนั้น ให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดทราบแน่นอนว่า พระเจ้าทรงแต่งตั้งพระเยซูที่ท่านทั้งหลายตรึงไว้บนกางเขนนั้น ให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์”
กิจการ 2:34-36
เพราะว่าพระคริสต์ทรงต้องครอบครองจนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้พระบาทของพระคริสต์ ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะว่า “พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจภายใต้พระบาทของพระบุตร ” แต่เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจนั้น ก็รู้ชัดกันอยู่แล้วว่า ยกเว้นพระเจ้าผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เมื่อทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์แล้ว เมื่อนั้นพระบุตรพระองค์เองก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า ผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอก ในทุกสิ่ง
1 โครินธ์ 15:25-28
พระบุตรทรงเป็นแสงสว่างแห่งพระสิริของพระเจ้า ทรงมีแก่นแท้เดียวกับพระเจ้า ทรงค้ำจุนสิ่งทั้งปวงไว้ด้วยพระวจนะอันทรงฤทธานุภาพของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชำระบาปทั้งหลายแล้ว ก็ประทับเบื้องขวาของพระเจ้าสูงสุด แต่กับทูตสวรรค์องค์ใดเล่าที่พระองค์เคยตรัสว่า “จงนั่งที่เบื้องขวาของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นที่รองเท้าของท่าน”
ฮีบรู 1:3, 13
เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีมหาปุโรหิตยิ่งใหญ่ผู้เสด็จผ่านฟ้าสวรรค์แล้ว คือพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ขอให้เรายึดมั่นในหลักความเชื่อที่ประกาศรับไว้ เพราะว่าเราไม่ได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ทรงเคยถูกทดลองใจเหมือนเราทุกอย่าง ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้า เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ มหาปุโรหิตทุกคนก็เลือกมาจากมนุษย์ และแต่งตั้งให้ทำหน้าที่แทนมนุษย์ ในบรรดาการซึ่งเกี่ยวกับพระเจ้า คือนำของถวายและเครื่องบูชามาถวายเพื่อลบล้างบาป ท่านสามารถปฏิบัติอย่างนุ่มนวลต่อคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และที่หลงผิด เพราะท่านเองก็มีความอ่อนแอ เพราะเหตุนี้ท่านจึงต้องถวายเครื่องบูชาเพื่อลบล้างบาป สำหรับตัวเองและสำหรับประชาชนด้วย อนึ่งไม่มีใครรับตำแหน่งอันมีเกียรตินี้เองได้ เว้นแต่พระเจ้าทรงเรียกเขาเหมือนอย่างทรงเรียกอาโรน ในทำนองเดียวกัน พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาปุโรหิต แต่พระเจ้าตรัสกับพระองค์ว่า “เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า” และตรัสอีกตอนหนึ่งว่า “เจ้าจะเป็นปุโรหิตชั่วนิรันดร์ ตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค” ในระหว่างที่พระคริสต์ ประทับในโลก พระองค์ทรงถวายคำอธิษฐาน และคำร้องขอด้วยเสียงดังและน้ำพระเนตรไหล ต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจาก ความตายได้ และพระเจ้าทรงสดับเนื่องจากความยำเกรงของพระคริสต์ ถึงแม้ว่าพระองค์เป็นพระบุตร พระองค์ก็ทรงเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังโดยการทนทุกข์ต่างๆ เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมแล้ว พระเยซูจึงทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์สำหรับทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์ โดยพระเจ้าทรงตั้งพระองค์เป็นมหาปุโรหิตตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค
ฮีบรู 4:14- 5:10
24. พระเมสสิยาห์จะเป็นลูกหลานของกษัตริย์ดาวิด
เมื่อวันของเจ้าครบแล้ว และเจ้าล่วงหลับอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า เราจะตั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้าคนหนึ่งสืบต่อจากเจ้า ผู้ซึ่งเกิดมาจากตัวเจ้าเอง และเราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา เขาเองจะเป็นผู้สร้างนิเวศเพื่อนามของเรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์แห่งราชอาณาจักรของเขาให้อยู่เป็นนิตย์ เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ถ้าเขาทำบาปเราจะตีสอนเขาด้วยไม้เรียวของมนุษย์ ด้วยการเฆี่ยนอย่างบุตรมนุษย์ทั้งหลาย แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่ละไปจากเขา ดังที่เราละจากซาอูล ซึ่งเราได้ถอดเสียให้พ้นหน้าเจ้า ราชวงศ์ของเจ้าและอาณาจักรของเจ้าจะตั้งมั่นอยู่ต่อหน้าเจ้านิรันดร และบัลลังก์ของเจ้าจะมั่นคงนิรันดร”
2 ซามูเอล 7:12-16
ความสำเร็จ
หนังสือลำดับพงศ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด ผู้สืบตระกูลมาจากอับราฮัม
มัทธิว 1:1
บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย ”
ลูกา 1:32-33
คำของผู้เผยพระวจนะก็สอดคล้องกับเรื่องนี้ ดังที่เขียนไว้แล้วว่า ‘ภายหลังเราจะกลับมา และเราจะสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่ ที่ย่อยยับนั้นเราจะก่อขึ้นอีก และจะตั้งขึ้นใหม่
กิจการ 15:15-16
เพราะว่ามีใครบ้างในพวกทูตสวรรค์ที่พระเจ้า เคยตรัสกับเขาว่า “เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า” และยังตรัสอีกว่า “เราเองจะเป็นบิดาของเขา และเขาเองจะเป็นบุตรของเรา”
ฮีบรู 1:5
25. พระเมสสิยาห์ได้ถูกพูดถึงทั่วพระคัมภีร์ฮีบรู (นั่นคือพันธสัญญาเดิม)
พระองค์จึงตรัสกับสองคนนั้นว่า “โอ คนโง่เขลาและมีใจเฉื่อยช้าในการเชื่อถ้อยคำซึ่งพวกผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้นั้น พระคริสต์จำเป็นต้องทนทุกข์อย่างนั้นแล้วจึงเข้าในพระสิริของพระองค์ไม่ใช่หรือ?” แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด เขาจึงพูดกันว่า “ใจเรารุ่มร้อนภายในเมื่อพระองค์ตรัสตามทาง และเมื่อทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟังไม่ใช่หรือ?”
ลูกา 24:25-27, 32
26. พระเมสสิยาห์จะเป็น ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช
ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของท่านว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช” การเพิ่มพูนขึ้นของการปกครองและสันติภาพของท่าน จะไม่มีที่สิ้นสุด บนพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ เพื่อจะสถาปนาและเชิดชูมันไว้ ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดร์กาล ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จอมทัพจะทำการนี้
อิสยาห์ 9:6-7
ความสำเร็จ
บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย ”
ลูกา 1:32-33
ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด และในเงาของความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข”
ลูกา 1:79
เราเป็นอาหารดำรงชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าใครกินอาหารนี้ คนนั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ และอาหารที่เราจะให้เพื่อชีวิตของโลกนั้นก็คือเลือดเนื้อของเรา”
ยอห์น 6:51
เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย
ยอห์น 14:27
เรื่องที่พระองค์ทรงฝากไว้กับพวกอิสราเอลคือการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์ผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือคนทั้งหลาย
กิจการ 10:36
ทั้งอัครปิตาก็เป็นของพวกเขาด้วย และพระคริสต์ก็มาจากเขาทางเนื้อหนัง คือพระองค์ผู้ทรงรับการสรรเสริญว่าเป็นพระเจ้าเหนือสารพัดเป็นนิตย์ อาเมน
โรม 9:5
27. พระเมสสิยาห์จะมาหลังจากทูตของพระเจ้าได้เตรียมทางแล้ว
พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า “นี่แน่ะ เราส่งทูตของเราไปเพื่อตระเตรียมหนทางไว้ข้างหน้าเรา และองค์เจ้านายผู้ซึ่งเจ้าแสวงหานั้นจะเสด็จมายังพระวิหารของพระองค์อย่างกะทันหัน ทูตแห่งพันธสัญญาผู้ซึ่งเจ้าพอใจนั้น ดูซี ท่านกำลังมาแล้ว
มาลาคี 3:1
ความสำเร็จ
คือเป็นผู้นี้ที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘เราจะใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคา ของท่าน ไว้ข้างหน้า ท่าน’
มัทธิว 11:10
ตามที่เขียนในพระธรรมอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะว่า “นี่แน่ะ เราใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคา ของท่านไว้
มาระโก 1:2
ทารกเอ๋ย เขาจะเรียกเจ้าว่าผู้เผยพระวจนะของผู้สูงสุด เพราะว่าเจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและจัดเตรียมมรรคา ของพระองค์
ลูกา 1:76
28. พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้ปกครองที่เป็นเจ้าของไม้ถือนั้น
คทาจะไม่ขาดไปจากยูดาห์ ทั้งไม้ถือของผู้ปกครองจะไม่ขาดไปจากหว่างเท้าของเขา จนกว่าชีโลห์จะมา และชนชาติทั้งหลายจะเชื่อฟังเขา
ปฐมกาล 49:10
ความสำเร็จ
‘บ้านเบธเลเฮม ในแผ่นดินยูเดีย จะไม่เป็น บ้านที่เล็กน้อยที่สุดในสายตาของพวกผู้ครองแผ่นดินยูเดีย เพราะว่าเจ้านายองค์หนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา’ ”
มัทธิว 2:6
เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบพระกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงก้มลงนมัสการพระกุมารนั้น แล้วเปิดหีบสมบัติของพวกเขาและถวายเครื่องบรรณาการแด่พระกุมาร คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
มัทธิว 2:11
โดยทางพระองค์นั้นพวกข้าพเจ้าได้รับพระคุณและหน้าที่เป็นอัครทูต เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ให้ไปประกาศแก่ชนทุกชาติให้เขาวางใจและเชื่อฟัง
โรม 1:5
เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีสิทธิ์อ้างสิ่งใด นอกจากสิ่งซึ่งพระคริสต์ได้ทรงทำ โดยทรงใช้ข้าพเจ้าทางคำสอนและการกระทำ เพื่อจะให้คนต่างชาติเชื่อฟัง
โรม 15:18
แต่เดี๋ยวนี้ได้เปิดเผยให้ปรากฏแล้ว โดยคำเขียนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ ให้ชนทุกชาติเห็นประจักษ์ ตามซึ่งพระเจ้าผู้ทรงดำรงเป็นนิตย์ ได้ทรงบัญชาไว้เพื่อให้เขาได้เชื่อ
โรม 16:26
เพราะเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงสืบเชื้อสายมาจากเผ่ายูดาห์ และโมเสสก็ไม่เคยกล่าวว่าจะมีปุโรหิตมาจากเผ่านั้นเลย
ฮีบรู 7:14
แล้วมีคนหนึ่งในพวกผู้อาวุโสบอกกับข้าพเจ้าว่า “อย่าร้องไห้เลย นี่แน่ะ สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ ซึ่งเป็นรากเหง้า ของดาวิด ทรงมีชัยชนะแล้ว พระองค์จึงทรงสามารถเปิดหนังสือและแกะตราทั้งเจ็ดดวงได้”
วิวรณ์ 5:5
29. พระเมสสิยาห์จะได้รับพระพร
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอดเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด ขอท่านผู้เข้ามาในพระนามของพระยาห์เวห์ จงได้รับพระพร เราอวยพรพวกท่านจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์ประทานความสว่างแก่เรา จงเริ่มเทศกาลเลี้ยงด้วยกิ่งไม้ ไปถึงเชิงงอนของแท่นบูชา พระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
สดุดี 118:25-29
ความสำเร็จ
ฝูงชนที่เดินไปข้างหน้าพระองค์ กับพวกที่ตามมาข้างหลังก็โห่ร้องว่า “โฮซันนา แก่บุตรของดาวิด ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ โฮซันนา ในที่สูงสุด”
มัทธิว 21:9
คนที่เดินไปข้างหน้ากับคนที่ตามมาข้างหลังก็โห่ร้องว่า “โฮซันนา ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ ความเจริญรุ่งเรืองจงมีแก่แผ่นดินที่จะมาตั้งอยู่ ซึ่งเป็นของดาวิดบรรพบุรุษของเรา โฮซันนา ในที่สูงสุด”
มาระโก 11:9-10
นี่แน่ะ นิเวศของพวกเจ้าจะถูกทอดทิ้ง เราบอกพวกเจ้าว่า เจ้าจะไม่เห็นเราจนกว่าพวกเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงพระเจริญ’ ”
ลูกา 13:35
ว่า “ขอให้ พระมหากษัตริย์ ผู้เสด็จมา ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงพระเจริญ ขอให้มีสันติในสวรรค์ และพระเกียรติในที่สูงสุด”
ลูกา 19:38
พวกเขาก็ถือทางอินทผลัมพากันออกไปต้อนรับพระองค์ร้องว่า “โฮซันนา ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือ พระมหากษัตริย์แห่งอิสราเอล ทรงพระเจริญ ”
ยอห์น 12:13
30. พระเมสสิยาห์จะเป็นพงศ์พันธุ์ของผู้หญิง
เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้า และพงศ์พันธุ์ของนางด้วย เขาจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ”
ปฐมกาล 3:15
ความสำเร็จ
ไม่ช้าพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงปราบซาตานให้ยับเยินลงใต้ฝ่าเท้าของพวกท่าน ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงอยู่กับท่านเถิด
โรม 16:20
แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ
กาลาเทีย 4:4
พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย และพญานาคก็โกรธแค้นหญิงนั้น มันจึงออกไปทำสงครามกับพงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของนาง คือคนทั้งหลายที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้าและยึดถือคำพยานของพระเยซู
วิวรณ์ 12:9, 17
31. พระเมสสิยาห์จะเป็นลูกหลานของอับราฮัมซึ่งทุกชาติได้รับพระพร
เราจะอวยพรคนที่อวยพรเจ้า เราจะสาปคนที่แช่งเจ้า บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า”
ปฐมกาล 12:3
ความสำเร็จ
และบรรดาผู้เผยพระวจนะตั้งแต่ซามูเอลเป็นต้นมาก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน และได้พยากรณ์ถึงวันเหล่านี้ ท่านทั้งหลายเป็นลูกหลานของผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น และของพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกท่าน คือได้ตรัสกับอับราฮัมว่า ‘บรรดาพงศ์พันธุ์ของแผ่นดินโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า’ เมื่อพระเจ้าโปรดให้องค์ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นขึ้นแล้ว ก็ทรงใช้พระองค์มายังท่านทั้งหลายก่อน เพื่ออวยพรแก่พวกท่าน โดยให้ทุกคนหันออกจากบาปของตน”
กิจการ 3:24-26
32. พระเมสสิยาห์จะถูกยกขึ้น
และพระยาห์เวห์ทรงส่งพวกงูพิษมาในหมู่ประชาชน งูก็กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายเป็นจำนวนมาก และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทำบาปเพราะเราต่อว่าพระยาห์เวห์และต่อว่าท่าน ขอทูลวิงวอนพระยาห์เวห์ให้พระองค์ทรงนำงูไปจากเรา” ดังนั้นโมเสสจึงทูลวิงวอนเพื่อประชาชน และพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูพิษ ตัวหนึ่งติดไว้บนเสา และทุกคนที่ถูกงูกัดมองดูงูนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่ได้” ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้บนเสา และเมื่องูกัดใคร ถ้าคนนั้นมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
กันดารวิถี 21:6-9
ความสำเร็จ
โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดาร อย่างไร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น เพื่อทุกคนที่วางใจพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์” พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น คนที่วางใจในพระบุตรจะไม่ถูกพิพากษา ส่วนคนที่ไม่ได้วางใจก็ถูกพิพากษาอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
ยอห์น 3:14-18
33. พระเมสสิยาห์จะเป็นญาติที่สนิทของเรา (kinsman redeemer)
ข้าพเจ้าเองคิดว่า ข้าพเจ้าจะเปิดเผยให้ท่านทราบ และขอบอกว่าจงซื้อไว้ ต่อหน้าคนที่นั่งอยู่ที่นี่และต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ของชาวเมืองเรา ถ้าท่านจะไถ่ไว้ก็จงไถ่เถอะ ถ้าท่านไม่ไถ่จงบอกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะได้ทราบ นอกจากท่านแล้วไม่มีใครมีสิทธิ์ไถ่ได้ ข้าพเจ้าเองมีสิทธิ์ถัดท่านไป” ผู้นั้นจึงบอกโบอาสว่า “ข้าพเจ้าจะไถ่เอง” แล้วโบอาสบอกว่า “ในวันที่ท่านซื้อที่นาจากมือนาโอมีนั้น ท่านก็จะได้รูธชาวโมอับ แม่ม่ายของผู้ตายด้วย เพื่อนามของผู้ตายจะได้สืบต่อไปบนมรดกของเขา” ญาติสนิทคนนั้นตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไถ่เพื่อตนเองอย่างนั้นไม่ได้ จะทำให้มรดกข้าพเจ้าเสียไป ท่านจงเอาสิทธิในการไถ่ของข้าพเจ้าไปไถ่เองเถอะ เพราะข้าพเจ้าไถ่ไม่ได้แล้ว” ต่อไปนี้เป็นธรรมเนียม ในอิสราเอลสมัยก่อน เกี่ยวกับการไถ่และการแลกเปลี่ยน คือเพื่อยืนยันข้อตกลงทุกเรื่อง คนหนึ่งจะถอดรองเท้าข้างหนึ่งของเขาเองมอบให้อีกคนหนึ่ง นี่เป็นการแสดงพยานหลักฐานในอิสราเอล ดังนั้นเมื่อญาติสนิทคนนั้นกล่าวแก่โบอาสว่า “ท่านจงซื้อเองเถิด” เขาก็ถอดรองเท้าข้างหนึ่งของเขาออก แล้วโบอาสจึงกล่าวแก่พวกผู้ใหญ่และประชาชนทั้งปวงว่า “ท่านทั้งหลายเป็นพยานในวันนี้ว่า ข้าพเจ้าได้ซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของเอลีเมเลค และทรัพย์สินทั้งหมดของคิลิโอนและมาห์โลนจากมือนาโอมีแล้ว
นางรูธ 4:4-9
ความสำเร็จ
พระเมตตาของพระองค์มีแก่บรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ ในทุกยุคทุกสมัย เมื่อเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของนางได้ยินว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาแก่นางอย่างมาก เขาทั้งหลายก็พากันชื่นชมยินดี “สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล เพราะว่าพระองค์ทรงเยี่ยมเยียนและทรงไถ่ชนชาติของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงสำแดงพระกรุณาตามที่ทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของเรา และทรงระลึกถึงพันธสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์ โดยพระทัยเมตตาของพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา
ลูกา 1:50, 58, 68, 72, 78
พวกท่านรู้ว่าพวกท่านได้รับการไถ่ออกจากการดำเนินชีวิตที่ไร้สาระ ซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกท่าน ไม่ใช่ไถ่ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง
1 เปโตร 1:18
เพราะทั้งผู้ชำระให้บริสุทธิ์และคนเหล่านั้นที่ได้รับการชำระ ก็มีพระบิดาองค์เดียวกัน ด้วยเหตุนี้ พระเยซูจึงไม่ทรงละอายที่จะเรียกเขาเหล่านั้นว่าพี่น้อง
ฮีบรู 2:11
34. พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้ชอบธรรมที่ทนทุกข์ทรมานเพื่อเรา
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด เพราะน้ำขึ้นมาถึงคอข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์จมอยู่ในเลนลึก ไม่มีที่ยืน ข้าพระองค์มาอยู่ในน้ำลึก และน้ำท่วมข้าพระองค์ ข้าพระองค์เหนื่อยอ่อนกับการร้องไห้ คอของข้าพระองค์แห้งผาก ตาของข้าพระองค์มัวลง ด้วยการรอคอยพระเจ้าของข้าพระองค์ คนที่เกลียดชังข้าพระองค์อย่างไร้เหตุผล มีมากยิ่งกว่าเส้นผมบนศีรษะข้าพระองค์ คนที่ทำลายข้าพระองค์ก็มากมาย คือพวกศัตรูผู้ใส่ร้ายข้าพระองค์ บัดนี้ข้าพระองค์จะต้องส่งคืน สิ่งที่ข้าพระองค์มิได้ขโมยไปหรือ? ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบถึงความโง่ของข้าพระองค์ ความผิดทั้งหลายของข้าพระองค์จะซ่อนไว้จากพระองค์ไม่ได้ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพ ขออย่าให้บรรดาผู้ที่หวังใน พระองค์ต้องอับอายเพราะข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของอิสราเอล ขออย่าให้บรรดาผู้ที่เสาะหาพระองค์ต้องขายหน้าเพราะข้าพระองค์ เพราะเห็นแก่พระองค์ ข้าพระองค์ได้แบกรับการเยาะเย้ย ความขายหน้าได้คลุมหน้าข้าพระองค์ ข้าพระองค์กลายเป็นแขกแปลกหน้าสำหรับพี่น้อง และเป็นคนต่างด้าวสำหรับบุตรทั้งหลายของมารดา ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์ได้เผาผลาญข้าพระองค์ และคำเยาะเย้ยของผู้ที่เยาะเย้ยพระองค์ตกแก่ข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ร้องไห้และอดอาหาร มันกลายเป็นการเยาะเย้ยข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ใช้ผ้ากระสอบ เป็นเครื่องนุ่งห่ม ข้าพระองค์กลับเป็นขี้ปากของพวกเขา คนที่นั่งที่ประตูเมืองก็พูดเรื่องข้าพระองค์ คนขี้เมาแต่งเพลงร้องเย้ยข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ในเวลาอันเหมาะสม โดยความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์ ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยการช่วยกู้ที่แน่นอนของพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ขึ้นจากหล่ม อย่าปล่อยให้ข้าพระองค์จมเลย ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากคนที่เกลียดชังข้าพระองค์ และพ้นจากน้ำลึก ขออย่าให้น้ำท่วมข้าพระองค์ อย่าให้ที่ลึกกลืนข้าพระองค์เสีย อย่าให้ปากแดนคนตายงับข้าพระองค์ไว้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นล้ำเลิศ ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ ขออย่าซ่อนพระพักตร์จากผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทุกข์ยาก ขอทรงรีบตอบข้าพระองค์เถิด ขอเสด็จมาใกล้ข้าพระองค์ ขอทรงไถ่ข้าพระองค์ ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากศัตรู พระองค์ทรงทราบการที่เขาเยาะเย้ยข้าพระองค์ ทั้งความอับอายและความขายหน้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงรู้จักคู่อริทั้งสิ้นของข้าพระองค์ การเยาะเย้ยทำให้ใจข้าพระองค์แตกสลาย ข้าพระองค์จึงล้มป่วย ข้าพระองค์มองหาความเห็นใจ แต่ก็ไม่มี หาผู้ปลอบโยน แต่ก็ไม่พบ พวกเขาให้ของขม เป็นอาหารของข้าพระองค์ ให้น้ำส้มสายชูแก่ข้าพระองค์ดื่มแก้กระหาย ขอทรงให้โต๊ะอาหารตรงหน้าเขาทั้งหลายเป็นกับดักพวกเขา และเป็นบ่วงแร้วสำหรับแขกของพวกเขา ขอทรงให้นัยน์ตาของเขาทั้งหลายมืด เพื่อจะมองไม่เห็น และทรงทำให้บั้นเอวของพวกเขาสั่นสะเทือนเสมอ ขอทรงเทความโกรธของพระองค์ลงเหนือเขาทั้งหลาย และให้ความกริ้วอันร้อนแรงตามทันพวกเขา ขอให้ค่ายของพวกเขาร้างเปล่า อย่าให้ผู้ใดพักอยู่ในเต็นท์ของพวกเขา เพราะพวกเขาได้ข่มเหงผู้ที่พระองค์ทรงเฆี่ยนตี พวกเขาเล่าถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ทรงให้บาดเจ็บแล้ว ขอทรงเพิ่มโทษซ้อนโทษแก่พวกเขา อย่าให้พวกเขาได้รับการอภัยจากพระองค์ ขอให้พวกเขาถูกลบออกจากหนังสือแห่งชีวิต อย่าให้พวกเขาขึ้นทะเบียนไว้ในหมู่คนชอบธรรม แต่ข้าพระองค์ทุกข์ยากและเจ็บปวด ข้าแต่พระเจ้า ขอการช่วยกู้ของพระองค์พิทักษ์รักษาข้าพระองค์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามพระเจ้าด้วยบทเพลง ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ การนั้นจะเป็นที่พอพระทัยพระยาห์เวห์มากกว่าวัวผู้ หรือวัวหนุ่มทั้งเขาและกีบ ขอให้บรรดาผู้ถ่อมตัวเห็นการนั้นและยินดี ท่านผู้เสาะหาพระเจ้า ขอให้ใจของท่านฟื้นชื่นขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงฟังคนขัดสน และมิได้ทรงดูหมิ่นคนของพระองค์ที่ถูกจำจอง ขอฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกสรรเสริญพระองค์ ทั้งทะเลและสรรพสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในนั้น เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยศิโยนให้รอด และทรงสร้างเมืองทั้งหลายของยูดาห์ขึ้น เขาทั้งหลายจะอาศัยอยู่ที่นั่น และได้เป็นกรรมสิทธิ์ พงศ์พันธุ์ผู้รับใช้ของพระองค์จะได้เป็นมรดก และผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะอยู่ที่นั่น
สดุดี 69:1-36
ความสำเร็จ
เมื่อมาถึงที่หนึ่งซึ่งเรียกว่ากลโกธา แปลว่าที่กะโหลกศีรษะ เขาทั้งหลายเอาเหล้าองุ่นผสมกับของขมมาถวายพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชิมแล้วก็ไม่เสวย
มัทธิว 27:33-34
พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้ถึงคำที่เขียนไว้ว่า “ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์จะท่วมท้นข้าพระองค์ ”
ยอห์น 2:17
ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เป็นจริงตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ของเขาที่ว่า ‘เขาเกลียดชังเราโดยไม่มีสาเหตุ’
ยอห์น 15:25
เพราะมีคำเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีว่า ‘ขอให้ที่อยู่ของเขาร้างเปล่า และอย่าให้มีใครอยู่ที่นั่น’ และ ‘ขอให้อีกคนหนึ่งมายึดตำแหน่งของเขา’
กิจการ 1:20
ดาวิดกล่าวว่า “ให้งานเลี้ยง ของเขาเป็นบ่วงแร้วและเครื่องดัก เป็นสิ่งให้สะดุดและเป็นสิ่งตอบแทนพวกเขา ให้ตาของเขามืดไปเพื่อเขาจะมองไม่เห็น และให้หลังของเขางอค่อมตลอดไป”
โรม 11:9-10
พวกเราซึ่งมีความเชื่อเข้มแข็ง ควรจะอดทนต่อข้อบกพร่องของคนที่อ่อนแอ ไม่ควรทำอะไรตามความพอใจของตัวเอง เราทุกคนจงทำให้เพื่อนบ้านพอใจ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความเชื่อของเขา เพราะว่าพระคริสต์ไม่ทรงทำสิ่งที่พอพระทัยพระองค์เอง ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “คำพูดเยาะเย้ยของบรรดาผู้ที่เยาะเย้ยท่าน ตกอยู่แก่ข้าพระองค์”
โรม 15:1-3
35. พระเมสสิยาห์จะเป็นความสว่างที่ยิ่งใหญ่
แต่เมืองนั้นที่อยู่ในสภาพโศกเศร้าจะไม่ทุกข์ระทมอีก ในกาลก่อนพระองค์ทรงให้แคว้นเศบูลุนและแคว้นนัฟทาลีเป็นที่ดูหมิ่น แต่ในภายหลัง พระองค์จะทรงทำหนทางฝั่งทะเล และดินแดนฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือกาลิลีของบรรดาประชาชาติ นั้นให้รุ่งโรจน์ ชนชาติที่ดำเนินในความมืด เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งเงามัจจุราช แสงสว่างส่องมาบนเขาทั้งหลาย
อิสยาห์ 9:1-2
ความสำเร็จ
แล้วทรงย้ายที่ประทับ จากเมืองนาซาเร็ธไปที่เมืองคาเปอรนาอุม ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบในเขตของเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี เพื่อที่จะให้สำเร็จตามพระวจนะ ซึ่งตรัสผ่านทางอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะว่า “แคว้นเศบูลุนและแคว้นนัฟทาลี ที่อยู่บนทางไปยังทะเล และฝั่งแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น กาลิลีของพวกต่างชาติ ประชาชนผู้นั่งอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ และผู้ที่นั่งอยู่ในแดนและเงาแห่งความตาย ก็มีความสว่างส่องถึงพวกเขาแล้ว”
มัทธิว 4:13-16
เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์รู้ถึงความรอด ซึ่งมาทางการทรงยกโทษบาปเขาเหล่านั้น โดยพระทัยเมตตาของพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด และในเงาของความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข”
ลูกา 1:77-79
36. พระเมสสิยาห์จะถูกเรียกว่าชาวนาซาเร็ธ
จะมีหน่อหนึ่งแตกออกจากตอของเจสซี และกิ่งหนึ่งที่งอกจากรากของเขานั้นจะเกิดผล
อิสยาห์ 11:1
ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน
อิสยาห์ 53:3
ความสำเร็จ
ไปอาศัยในเมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธ เพื่อจะสำเร็จตามพระวจนะ ซึ่งตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่าท่านจะได้ชื่อว่าชาวนาซาเร็ธ
มัทธิว 2:23
37. พระเมสสิยาห์ จะทำหมายสำคัญการรักษาโรค
แล้วตาของคนตาบอดจะได้เห็น และหูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดอย่างกวาง และลิ้นของคนใบ้จะโห่ร้องยินดี เพราะน้ำจะพลุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร และลำธารเกิดขึ้นในที่ราบแห้งแล้ง
อิสยาห์ 35:5-6
ความสำเร็จ
พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “ไปบอกยอห์นในสิ่งที่พวกท่านได้ยินและได้เห็น คือว่าบรรดาคนตาบอดเห็นได้ พวกคนง่อยเดินได้ บรรดาคนที่เป็นโรคเรื้อนหายสะอาด บรรดาคนหูหนวกได้ยิน บรรดาคนตายเป็นขึ้น และคนยากจนทั้งหลายได้รับข่าวดี ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข”
มัทธิว 11:4-6
เมื่อสองคนนั้นไปหาพระองค์แล้ว เขาก็ทูลว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านเพื่อถามว่า ‘ท่านเป็นคนที่จะมานั้นหรือ? หรือว่าเราจะต้องคอยอีกคนหนึ่ง?’ ” ในเวลานั้น พระเยซูทรงรักษาคนจำนวนมากให้หายจากโรคภัยต่างๆ และพ้นจากพวกวิญญาณชั่ว และทรงรักษาคนตาบอดหลายคนให้เห็นได้ แล้วพระองค์ตรัสตอบสองคนนั้นว่า “ไปบอกยอห์นในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่าคนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายเป็นขึ้นมา และพวกคนยากจนก็ได้รับฟังข่าวดี ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข”
ลูกา 7:20-23
38. พระเมสสิยาห์จะมาหลังจากผู้เตรียมทาง
เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมมรรคาของพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดาร จงทำทางหลวงในที่ราบแห้งแล้งให้ตรงสำหรับพระเจ้าของเรา หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมสูงขึ้น ภูเขาและเนินเขาทุกลูกจะปรับให้ต่ำลง ที่ลุ่มๆ ดอนๆ จะทำให้เสมอ และที่สูงๆ ต่ำๆ จะให้ราบเรียบ และพระสิริของพระยาห์เวห์จะปรากฏ แล้วมนุษย์ทุกคนจะมองเห็นด้วยกัน เพราะพระโอษฐ์ ของพระยาห์เวห์ตรัสไว้แล้ว”
อิสยาห์ 40:3-5
ความสำเร็จ
ในเวลานั้นยอห์นผู้ให้บัพติศมา มาประกาศในถิ่นทุรกันดารแคว้นยูเดียว่า “จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว” ยอห์นผู้นี้แหละที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวถึงว่า “มีเสียงของผู้หนึ่งป่าวร้องในถิ่นทุรกันดารว่า จงเตรียมมรรคา แห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำหนทาง ของพระองค์ ให้ตรงไป”
มัทธิว 3:1-3
ทารกเอ๋ย เขาจะเรียกเจ้าว่าผู้เผยพระวจนะของผู้สูงสุด เพราะว่าเจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและจัดเตรียมมรรคา ของพระองค์
ลูกา 1:76
ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลของจักรพรรดิทิเบริอัส ปอนทิอัสปีลาตเป็นเจ้าเมืองยูเดีย เฮโรดเป็นเจ้าเมืองกาลิลี ฟีลิปน้องชายของเฮโรดเป็นเจ้าเมืองอิทูเรียกับเมืองตราโคนิติส ลีซาเนียสเป็นเจ้าเมืองอาบีเลน และอันนาสกับคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิต ช่วงเวลานี้เองที่พระวจนะของพระเจ้ามาถึงยอห์นบุตรเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร ยอห์นจึงไปทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ประกาศให้คนกลับใจใหม่และรับบัพติศมาเพื่อให้พระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาป
ลูกา 3:1-3
คือท่านผู้นี้ที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘เราจะใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคา ไว้ข้างหน้า ท่าน’
ลูกา 7:27
พวกเขาจึงถามว่า “แล้วท่านเป็นใคร? ขอให้ตอบมา จะได้ไปบอกคนที่ใช้เรามา ท่านจะตอบเรื่องตัวท่านว่าอย่างไร?” ท่านตอบว่า “เรา เป็นเสียงของคนที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงทำมรรคา ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ตามที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้”
ยอห์น 1:22-23
39. พระเมสสิยาห์ จะเป็นความสว่างให้ชนชาติทั้งหลายของโลก
ดูสิ ผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี เราเอาวิญญาณของเราใส่ไว้บนท่าน ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปยังบรรดาประชาชาติ ท่านจะไม่ร้องเสียงดังหรือเปล่งเสียงของท่าน หรือทำให้เสียงของท่านได้ยินตามถนน ไม้อ้อช้ำแล้ว ท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงริบหรี่นั้น ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความซื่อสัตย์ ท่านจะไม่อ่อนล้า หรือชอกช้ำ จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก และแผ่นดินชายทะเลรอคอยธรรมบัญญัติของท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้า ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และทรงขึงมันไว้ ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสิ่งที่บังเกิดออกมาจากโลก ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนบนโลก และประทานวิญญาณแก่ผู้ดำเนินอยู่บนโลก ตรัสดังนี้ว่า “เราคือยาห์เวห์ เราเรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราฉวยมือเจ้าและรักษาเจ้าไว้ เราให้เจ้าเป็นเหมือนพันธสัญญาแก่มนุษยชาติ และเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อเปิดตาคนตาบอดทั้งหลาย เพื่อนำผู้ถูกจำจองออกจากคุก นำผู้นั่งในความมืดออกจากเรือนจำ
อิสยาห์ 42:1-7
ความสำเร็จ
แต่พระเยซูทรงทราบ จึงเสด็จออกไปจากที่นั่น และมหาชนเดินตามพระองค์ไป พระองค์ก็ทรงรักษาเขาทั้งหลายให้หายโรคทุกคน แล้วพระองค์ทรงกำชับพวกเขาไม่ให้แพร่งพรายว่า พระองค์คือใคร ทั้งนี้เพื่อจะให้เป็นไปตามคำของอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ ว่า “นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเราซึ่งเราเลือกสรรไว้ ที่รักของเรา ผู้ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้วิญญาณของเราอยู่กับท่าน ท่านจะประกาศความยุติธรรมกับบรรดาประชาชาติ
มัทธิว 12:15-18
เมื่อสิเมโอนเข้าไปในบริเวณพระวิหารโดยการทรงนำของพระวิญญาณ และขณะที่บิดามารดานำพระกุมารเยซูเข้าไปเพื่อจะทำต่อพระกุมารตามธรรมเนียมของธรรมบัญญัตินั้น สิเมโอนเข้าไปอุ้มพระกุมาร และสรรเสริญพระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย บัดนี้ขอทรงให้ทาสของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะว่าตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์แล้ว ซึ่งพระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าชนชาติทั้งหลาย เป็นความสว่างที่ส่องแก่คนต่างชาติ และเป็นศักดิ์ศรีของพวกอิสราเอลชนชาติของพระองค์”
ลูกา 2:27-32
พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”
ยอห์น 8:12
40. พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้ที่คนอื่นคิดที่จะฆ่าแต่อย่างไรก็ตามมีความหวัง
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ได้ยินเสียงในเมืองรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ นางราเชลร้องไห้คร่ำครวญ เพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับคำปลอบโยนในเรื่องบุตรทั้งหลายของตน เพราะว่าบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว”
เยเรมีย์ 31:15
ความสำเร็จ
เมื่อเฮโรดทรงเห็นว่าพวกนักปราชญ์หลอกท่านก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งคนไปฆ่าเด็กผู้ชายทั้งหมดในบ้านเบธเลเฮม และในบริเวณใกล้เคียงที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา โดยนับเวลาตามที่ท่านทรงทราบจากพวกนักปราชญ์ ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะว่า “ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ เสียงดัง คือนางราเชลร้องไห้คร่ำครวญเพราะบรรดาบุตรของตน นางไม่รับฟังคำปลอบใจ เพราะบุตรทั้งหลายไม่อยู่แล้ว”
มัทธิว 2:16-18
1. พระเมสสิยาห์จะฟื้นขึ้นจากความตาย
ข้าพเจ้าตั้งพระยาห์เวห์ไว้ตรงหน้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือ ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว เพราะฉะนั้น ใจข้าพเจ้า จึงยินดีและจิตวิญญาณก็เปรมปรีดิ์ ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย เพราะพระองค์มิได้ทรงมอบข้าพระองค์ ไว้กับแดนคนตาย หรือให้ผู้จงรักภักดีของพระองค์ต้องเห็นหลุมมรณะนั้น พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์พระองค์มีความยินดีเปี่ยมล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์
สดุดี 16:8-11
ความสำเร็จ
“ท่านทั้งหลายผู้เป็นชนชาติอิสราเอล จงฟังเรื่องต่อไปนี้ คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้ที่พระเจ้าทรงรับรองต่อท่านทั้งหลาย โดยการอิทธิฤทธิ์ การอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงทำโดยพระองค์ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ดังที่พวกท่านทราบอยู่แล้ว พระเยซูองค์นี้ทรงถูกมอบไว้ตามที่พระเจ้าทรงดำริแน่นอนและทรงทราบล่วงหน้า และท่านทั้งหลายได้ประหารพระองค์ด้วยการตรึงพระองค์บนกางเขนโดยอาศัยน้ำมือของคนอธรรม แต่พระเจ้าทรงทำให้พระองค์คืนพระชนม์ ทรงให้พ้นจากความตายอันปวดร้าว เพราะว่าความตายจะครอบงำพระองค์ไว้ไม่ได้ เพราะดาวิดกล่าวถึงพระองค์ว่า ‘ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ เพราะพระองค์ประทับที่ขวามือของข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว เพราะเหตุนี้ จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี และลิ้นของข้าพเจ้าจึงเปรมปรีดิ์ ยิ่งกว่านั้นร่างกายของข้าพเจ้าจะอยู่ด้วยความหวัง เพราะพระองค์จะไม่ทรงละข้าพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งจะไม่ทรงให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์รู้จักทางแห่งชีวิต แล้วพระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์มีความยินดีเต็มเปี่ยมด้วยการสถิตของพระองค์’ “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีใจกล้าที่จะกล่าวกับท่านทั้งหลายถึงดาวิดบรรพบุรุษของเราว่า ท่านตายแล้วและถูกฝังไว้แล้ว และอุโมงค์ฝังศพของท่านยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ และทราบว่าพระเจ้าตรัสสัญญาไว้กับท่านด้วยพระปฏิญาณว่าพระองค์จะประทานผู้หนึ่งในวงศ์ตระกูลของท่านให้นั่งบนบัลลังก์ของท่าน ท่านก็ล่วงรู้เหตุการณ์นี้ก่อน จึงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า ‘พระเจ้าไม่ทรงละพระองค์ไว้ในแดนคนตาย ทั้งพระกายของพระองค์ ก็ไม่ทรงเปื่อยเน่าไป’ พระเยซูองค์นี้พระเจ้าได้ทรงให้คืนพระชนม์แล้วซึ่งเราทุกคนคือสักขีพยานของเรื่องนี้
กิจการ 2:22-32
เพราะฉะนั้นพระองค์ตรัสไว้ที่อื่นอีกว่า ‘พระองค์จะไม่ให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์ ประสบความเปื่อยเน่า’ เพราะว่าแม้แต่ดาวิดหลังจากที่ปรนนิบัติตามพระทัยพระเจ้าในชั่วอายุของท่านแล้ว ท่านล่วงหลับไป และถูกฝังไว้กับบรรดาบรรพบุรุษของท่านแล้วก็เปื่อยเน่าไป ส่วนพระองค์ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นมานั้นไม่ได้ประสบความเปื่อยเน่าเลย
กิจการ 13:35-37
2. พระเมสสิยาห์จะนำพระสัญญาใหม่เข้ามา
พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่ กับเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์
เยเรมีย์ 31:31
ความสำเร็จ
เพราะว่านี่เป็นโลหิต ของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก
มัทธิว 26:28
แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งเป็นโลหิต แห่งพันธสัญญา ที่จะต้องหลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก
มาระโก 14:24
เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยและทรงทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา]
ลูกา 22:20
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยด้วยอากัปกิริยาเดียวกัน ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา จงทำอย่างนี้ คือเมื่อใดที่พวกท่านดื่มจากถ้วยนี้ จงดื่มเพื่อระลึกถึงเรา”
1 โครินธ์ 11:25
ผู้ประทานให้เราสามารถเป็นผู้ปรนนิบัติแห่งพันธสัญญาใหม่ ที่ไม่ใช่เป็นไปตามตัวอักษรที่เขียนไว้แต่เป็นไปตามพระวิญญาณ ด้วยว่าตัวอักษรที่เขียนไว้นั้นทำให้ตาย แต่พระวิญญาณประทานชีวิต
2 โครินธ์ 3:6
แต่บัดนี้พระเยซู ทรงได้รับพันธกิจที่สูงส่งกว่าของพวกเขา เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาอันประเสริฐกว่า ซึ่งตั้งอยู่บนพระสัญญาที่ประเสริฐกว่า เพราะว่าถ้าพันธสัญญาเดิมนั้นไม่มีข้อบกพร่องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีพันธสัญญาที่สองอีก เพราะพระเจ้าทรงติเตียนพวกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่านี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับชนชาติอิสราเอล และกับชนชาติยูดาห์ ที่ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราเคยทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย ในวันที่เราจูงมือพวกเขาเพื่อพาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพราะพวกเขาไม่ได้ดำรงอยู่ในพันธสัญญาของเรา เราจึงละทิ้งพวกเขาไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับชนชาติอิสราเอล ภายหลังจากสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในดวงใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา และพวกเขาจะไม่สอนเพื่อนบ้าน และพี่น้องของตนแต่ละคนว่า ‘จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า ’ เพราะเขาทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด เพราะเราจะเมตตาต่อการอธรรมของพวกเขา และจะไม่จดจำบรรดาบาปของพวกเขาไว้เลย” เมื่อพระองค์ตรัสถึงพันธสัญญา ใหม่ พระองค์ก็ทรงถือว่าพันธสัญญาเดิมนั้นล้าสมัยแล้ว สิ่งที่กำลังล้าสมัยและเก่าไปนั้นก็ใกล้จะเสื่อมสูญ
ฮีบรู 8:6-13
เพราะเหตุนี้ พระคริสต์ จึงทรงเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกมาได้รับมรดกนิรันดร์ตามพระสัญญา เพราะความตายที่เกิดขึ้นนั้นไถ่พวกเขาให้พ้นจากบรรดาการล่วงละเมิดที่เกิดภายใต้พันธสัญญาเดิมแล้ว
ฮีบรู 9:15
และมาถึงพระเยซูคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และมาถึงพระโลหิตประพรมที่กล่าวถึงสิ่งที่ดีกว่าเสียงโลหิตของอาเบล
ฮีบรู 12:24
3. พระเมสิยาห์จะถูกทอดทิ้ง และถูกแทง แต่สุดท้ายพิสูจน์ว่าไม่ผิด
พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย? เหตุใดพระองค์ทรงเมินเฉยต่อการช่วยกู้ข้าพระองค์และต่อถ้อยคำคร่ำครวญของข้าพระองค์? ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลในเวลากลางวัน แต่พระองค์มิได้ตรัสตอบ ถึงเวลากลางคืน ข้าพระองค์ไม่มีความสงบเลย ถึงอย่างไร พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ ผู้ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายวางใจในพระองค์ เขาทั้งหลายวางใจ และพระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นภัย พวกเขาร้องทูล พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้รอด เขาวางใจในพระองค์ เขาจึงไม่อับอาย ข้าพระองค์เป็นดุจตัวหนอน มิใช่มนุษย์ คนก็เยาะเย้ย ประชาก็ดูหมิ่น ทุกคนที่เห็นข้าพระองค์ก็เย้ยหยัน เขาบุ้ยปากและสั่นศีรษะ กล่าวว่า “เขามอบตัว ไว้กับพระยาห์เวห์ ให้พระองค์ช่วยเขาให้พ้นภัยสิ ให้พระองค์ช่วยกู้เขา เพราะพระองค์พอพระทัยเขา” ถึงกระนั้น พระองค์ก็ทรงเป็นผู้นำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์ และทรงให้ข้าพระองค์ปลอดภัยอยู่ที่อกแม่ ตั้งแต่คลอด ข้าพระองค์ก็ต้องพึ่งพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังอยู่ในครรภ์มารดา ขออย่าทรงห่างไกลข้าพระองค์ เพราะความยากลำบากอยู่ใกล้ และไม่มีผู้ใดช่วยได้เลย โคผู้มากมายล้อมข้าพระองค์ไว้ โคบึกบึนแห่งบาชานรุมล้อมข้าพระองค์ พวกศัตรูอ้าปากกว้างเข้าใส่ข้าพระองค์ ดั่งสิงห์ขณะกัดฉีกและคำรามร้อง ข้าพระองค์ถูกเทออกเหมือนอย่างน้ำ กระดูกทั้งสิ้นของข้าพระองค์เคลื่อนหลุดจากที่ ใจของข้าพระองค์ก็เหมือนขี้ผึ้ง ละลายภายในอก กำลังของข้าพระองค์เหือดแห้งไปเหมือนเศษหม้อดิน และลิ้นของข้าพระองค์ก็เกาะติดที่ขากรรไกร พระองค์ทรงวางข้าพระองค์ไว้ในผงคลีแห่งความตาย พวกสุนัขล้อมข้าพระองค์ไว้ คนทำชั่วกลุ่มหนึ่งโอบล้อมข้าพระองค์ พวกเขาแทงมือแทงเท้าข้าพระองค์ ข้าพระองค์นับกระดูกของข้าพระองค์ได้ทุกชิ้น พวกเขาจ้องมองและยิ้มเยาะข้าพระองค์ พวกเขาเอาเสื้อผ้าของข้าพระองค์มาแบ่งกัน ส่วนเครื่องนุ่งห่มของข้าพระองค์นั้นเขาก็จับฉลากกัน ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงห่างไกลเลย ข้าแต่องค์อุปถัมภ์ ขอทรงเร่งรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากดาบ ช่วยชีวิตข้าพระองค์จากเขี้ยว สุนัข ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากปากสิงห์ และทรงช่วยข้าพระองค์ จากเขาของเหล่ากระทิงป่าด้วย ข้าพระองค์จะบอกเล่าพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน ท่านผู้ยำเกรงพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระองค์ ท่านผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย จงถวายพระเกียรติแด่พระองค์ ท่านผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของอิสราเอลเอ๋ย จงเกรงกลัวพระองค์ เพราะพระองค์มิได้ทรงดูถูกหรือสะอิดสะเอียน ต่อความทุกข์ยากของผู้ทุกข์ใจ และมิได้ซ่อนพระพักตร์จากเขา เมื่อเขาทูลขอความช่วยเหลือ พระองค์ทรงฟัง คำสรรเสริญของข้าพระองค์ในที่ชุมนุมชนใหญ่ มาจากพระองค์ ข้าพระองค์จะแก้บนต่อหน้าผู้ที่ยำเกรงพระองค์ ผู้ทุกข์ใจจะได้กินอิ่ม ผู้ที่แสวงหาพระองค์จะสรรเสริญพระยาห์เวห์ ขอให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขเป็นนิตย์ คนทั่วโลกจะระลึกถึง และหันกลับมาหาพระยาห์เวห์ และประชาชาติทุกตระกูล จะนมัสการเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เพราะอำนาจการปกครองเป็นของพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงครอบครองบรรดาประชาชาติ เออ คนจองหองของแผ่นดินจะต้องนมัสการพระองค์ ทุกคนที่ลงไปสู่ผงคลีจะกราบไหว้พระองค์ คือผู้ที่ไม่สามารถรักษาตัวให้คงชีวิตอยู่ได้ จะมีพงศ์พันธุ์หนึ่งปรนนิบัติพระองค์ คนรุ่นหลังจะได้ฟังเรื่ององค์เจ้านาย และประกาศการช่วยกู้ของพระองค์แก่ชนชาติหนึ่งที่ยังมิได้เกิดมา ว่าพระองค์ได้ทรงกระทำการนั้น
สดุดี 22:1-31
ความสำเร็จ
คนทั้งหลายที่เดินผ่านไปมา พูดหมิ่นประมาทพระองค์ สั่นศีรษะเยาะเย้ย ว่า “เจ้าเป็นคนที่จะทำลายพระวิหารแล้วสร้างขึ้นภายในสามวันนี่นา จงช่วยตัวเองให้รอด ถ้าเจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงลงมาจากกางเขนเถิด” พวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์และพวกผู้ใหญ่ก็เยาะเย้ยพระองค์เหมือนกันว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อบ้าง เขาวางใจพระเจ้า ถ้าพระองค์พอพระทัยตัวเขาก็ขอให้ทรงช่วยเขาเดี๋ยวนี้เถิด เพราะเขากล่าวว่าเขาเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แม้แต่โจรสองคนที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ก็ด่าว่าพระองค์ด้วย แล้วก็เกิดความมืดมัวทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่เวลาเที่ยงวันจนถึงบ่ายสามโมง พอเวลาประมาณบ่ายสามโมง พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?”
มัทธิว 27:39-46
พอถึงบ่ายสามโมง พระเยซูก็ทรงร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?”
มาระโก 15:34
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงปรึกษากันว่า “เราอย่าฉีกแบ่งกันเลย แต่ให้เราจับฉลากกัน จะได้รู้ว่าใครจะได้เป็นเจ้าของ” ทั้งนี้เพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “เสื้อผ้าของข้าพระองค์ เขาแบ่งกัน และเสื้อของข้าพระองค์เขาจับฉลากกัน” พวกทหารทำกันอย่างนี้
ยอห์น 19:24
ดังที่พระองค์ตรัสว่า “เราจะประกาศพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของเรา เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน”
ฮีบรู 2:12
4. พระเมสสิยาห์จะเป็นศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย
ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย ได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว การนี้เป็นมาจากพระยาห์เวห์ เป็นสิ่งอัศจรรย์ในสายตาเรา วันนี้เป็นวันที่พระยาห์เวห์ได้ทรงสร้าง ให้เราเปรมปรีดิ์และยินดีในวันนั้น
สดุดี 118:22-24
ความสำเร็จ
พระองค์ทรงจ้องดูพวกเขาแล้วตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นพระวจนะที่เขียนไว้หมายความว่าอย่างไรกัน? ‘ศิลาที่พวกช่างก่อทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นศิลามุมเอก’ ทุกคนที่ล้มทับศิลานั้น จะต้องแตกหักไป และถ้ามันตกทับใคร คนนั้นจะแหลกละเอียดไป”
ลูกา 20:17-18
ถ้าท่านทั้งหลายจะไต่สวนเราทั้งสองในวันนี้ถึงการดีที่ได้ทำกับคนป่วยนี้ และถามว่าเขาหายเป็นปกติได้อย่างไรแล้ว ก็ให้ท่านทั้งหลายกับบรรดาชนอิสราเอลทราบเถิดว่า โดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธที่พวกท่านตรึงไว้ที่กางเขน ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นจากตาย โดยพระองค์นั้นแหละชายคนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกท่านจึงได้หายเป็นปกติ พระองค์ทรงเป็น ศิลา ที่พวกท่านผู้เป็น ช่างก่อสร้างละทิ้ง ซึ่งกลับกลายเป็นศิลามุมเอกแล้ว ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย เพราะว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้นั้น ไม่โปรดให้มีท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”
กิจการ 4:9-12
ท่านทั้งหลายถูกก่อร่างสร้างขึ้นบนรากฐานของบรรดาอัครทูตและบรรดาผู้เผยพระวจนะ มีพระเยซูคริสต์เป็นศิลาหัวมุม
เอเฟซัส 2:20
เพราะมีคำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์แล้วว่า “นี่แน่ะ เราวางศิลาก้อนหนึ่งลงในศิโยน เป็นศิลาหัวมุมที่เลือกสรรอันล้ำค่า และใครที่เชื่อในพระองค์ก็จะไม่ผิดหวัง ” เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงมีค่ามหาศาลสำหรับพวกท่าน ที่เชื่อ แต่สำหรับคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อนั้น ศิลาที่ช่างก่อสร้างปฏิเสธไม่เอาแล้ว ศิลานี้กลับกลายเป็นศิลามุมเอก และ เป็นศิลาที่ทำให้คนสะดุด และเป็นหินที่ทำให้คนหกล้ม ที่พวกเขาสะดุดนั้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อฟังพระวจนะ ตามที่พวกเขาถูกกำหนดให้ทำเช่นนั้น
1 เปโตร 2:6-8
พระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือ ที่ว่า ‘ศิลาที่บรรดาช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นศิลามุมเอก สิ่งนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นสิ่งอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาของเรา’
มัทธิว 21:42
ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือที่ว่า ‘ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้งแล้ว กลับกลายเป็นศิลามุมเอก สิ่งนี้เป็นมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นสิ่งอัศจรรย์ประจักษ์แก่ตาของเรา’ ”
มาระโก 12:10-11
5. พระเมสสิยาห์จะมีการกระทำที่ช่วยเหลือคนอื่น
พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ องค์เจ้านายทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนที่ทุกข์ใจ พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้าไปเพื่อปลอบโยนคนชอกช้ำใจ และเพื่อประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ทั้งประกาศการเปิดเรือนจำแก่ผู้ที่ถูกจำจอง เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระยาห์เวห์ และประกาศวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของพวกเรา เพื่อชูใจทุกคนที่ไว้ทุกข์
อิสยาห์ 61:1-2
ความสำเร็จ
เขาจึงส่งคัมภีร์อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะให้แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก ก็ทรงพบข้อที่เขียนไว้ว่า “พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ และประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้วพระองค์ทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้แก่เจ้าหน้าที่ แล้วประทับลง และตาของทุกคนที่อยู่ในธรรมศาลาก็จ้องดูพระองค์ พระองค์จึงเริ่มต้นตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พระคัมภีร์ตอนนี้ที่พวกท่านได้ยินกับหูก็สำเร็จแล้วในวันนี้”
ลูกา 4:17-21
6. พระเมสสิยาห์จะเกิดจากหญิงพรหมจารี
เพราะฉะนั้น องค์เจ้านายจะประทานหมายสำคัญด้วยพระองค์เอง นี่แน่ะ หญิงสาว คนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และคนจะเรียกนามของเขาว่า อิมมานูเอล
อิสยาห์ 7:14
ความสำเร็จ
ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “นี่แน่ะ หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่าอิมมานูเอล” (แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา)
มัทธิว 1:22-23
นี่แน่ะ เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย ” มารีย์จึงพูดกับทูตสวรรค์องค์นั้นว่า “เหตุการณ์นั้นจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้ายังไม่เคยหลับนอนกับชายใด?” ทูตสวรรค์จึงตอบนางว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาเหนือเธอ และฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเธอ เพราะฉะนั้นองค์บริสุทธิ์ที่เกิดมานั้นจะได้ชื่อว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า
ลูกา 1:31-35
7. พระเมสสิยาห์จะมาตามหมายกำหนดการ
“มี 70 สัปดาห์แห่งปีกำหนดไว้สำหรับชนชาติของท่านและนครบริสุทธิ์ของท่าน เพื่อให้ยุติการละเมิด ให้บาปจบสิ้น และให้ลบมลทิน เพื่อนำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา เพื่อประทับตราทั้งนิมิตและคำของผู้เผยพระวจนะไว้ และเพื่อจะเจิมอภิสุทธิสถาน เพราะฉะนั้นจงสังเกตและเข้าใจว่า นับตั้งแต่การที่ถ้อยคำนั้นออกไป ให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จนถึงสมัยประมุขผู้ถูกเจิมไว้ ก็เป็นเวลา 7 สัปดาห์ และเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยคูและลานเมืองเป็นเวลา 62 สัปดาห์ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลายากลำบาก หลังจาก 62 สัปดาห์แล้ว ท่านผู้ถูกเจิมจะต้องถูกตัดออกและจะไม่มีอะไรเหลือ และคนของประมุขผู้ที่จะมานั้นจะทำลายเมืองและสถานนมัสการ แต่ที่สุดปลายของมัน จะมาถึงอย่างน้ำท่วม จนกระทั่งในที่สุดจะมีสงคราม การร้างเปล่าได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ ท่านจะทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปดาห์ สิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำให้ร้างเปล่าตั้งอยู่บนหัวมุมของแท่นบูชา จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น”
ดาเนียล 9:24-27
ความสำเร็จ
“เพราะฉะนั้นเมื่อท่านเห็นสิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งก่อให้เกิดความหายนะตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์ ตามพระวจนะที่กล่าวโดยดาเนียลผู้เผยพระวจนะ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด) เมื่อนั้นให้พวกที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา
มัทธิว 24:15-16
“แต่เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งน่ารังเกียจที่ก่อให้เกิดความหายนะ ตั้งอยู่ในที่ที่ไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเองเถิด) เมื่อนั้นให้พวกที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา คนที่อยู่บนดาดฟ้า อย่าลงมาหรือเข้าไปเก็บสิ่งของในบ้านของตนเลย
มาระโก 13:14-15
แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ
กาลาเทีย 4:4
8. ผู้รับใช้ชอบธรรมที่ลำบาก
9. พระเมสสิยาห์ จะแบกความผิดบาปของพวกเราและทรมานแทนเรา.
แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ แต่ท่านถูกแทง เพราะความทรยศของเรา ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้พวกเรามีสวัสดิภาพ และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา เราทุกคนหลงทางไปเหมือนแกะ ต่างคนต่างหันไปตามทางของตนเอง และพระยาห์เวห์ทรงวางความผิดบาป ของเราทุกคนลงบนตัวท่าน
อิสยาห์ 53:4-6
ภายหลังความลำบากของตัวเขา เขาจะเห็น และจะพึงพอใจ โดยความรู้ของเขา ผู้รับใช้ชอบธรรมของเรา จะทำให้คนจำนวนมากเป็นคนชอบธรรม และเขาจะแบกความบาปผิดทั้งหลายของพวกเขา
อิสยาห์ 53:11
ความสำเร็จ
พอค่ำลง พวกเขาพาคนจำนวนมากที่มีผีสิงมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัส และบรรดาคนเจ็บป่วยนั้น พระองค์ก็ทรงรักษาให้หาย ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสผ่านอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “ท่านแบกความเจ็บไข้ของเรา และหอบโรคของเราไป”
มัทธิว 8:16-17
เหมือนบุตรมนุษย์ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”
มัทธิว 20:28
เพราะว่านี่เป็นโลหิต ของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก
มัทธิว 26:28
โยเซฟก็เชิญพระศพลงและเอาผ้าป่านที่สะอาดพันหุ้มไว้ แล้วเชิญพระศพไปวางไว้ในอุโมงค์ใหม่ของตนที่สกัดไว้ในศิลา และกลิ้งหินใหญ่ปิดปากอุโมงค์ไว้แล้วก็ไป
มัทธิว 27:59-60
เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”
มาระโก 10:45
10. พระเมสสิยาห์จะฟื้นขึ้นจากความตาย จะอยู่นานขึ้น และจะถูกยกย่อง
นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเรา จะทำอย่างมีปัญญา เขาจะสูงเด่นและเป็นที่เทิดทูน และเขาจะสูงยิ่งนัก ด้วยคนจำนวนมากตกตะลึงเพราะท่าน (หน้าตาของท่านเสียโฉมมากเหลือที่จะเหมือนคน และรูปร่างของท่านก็เสียโฉมเหลือที่จะเหมือนมนุษย์) ท่านก็จะทำให้ประชาชาติมากมายตกตะลึง บรรดาพระราชาจะปิดพระโอษฐ์เพราะท่าน เพราะเขาทั้งหลายจะเห็นสิ่งที่ยังไม่มีใครบอกพวกเขา และพวกเขาจะเข้าใจสิ่งซึ่งพวกเขาไม่เคยได้ยิน
ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เรา ป่าวประกาศ ? พระกรของพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ผู้ใด? เพราะท่านเจริญขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างต้นอ่อน และเหมือนรากที่แตกหน่อมาจากพื้นดินแห้งแล้ง ท่านไม่มีความงามหรือความสง่าที่จะให้พวกเรามองดู และไม่มีรูปลักษณ์ซึ่งจะให้เราพึงปรารถนา ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ แต่ท่านถูกแทง เพราะความทรยศของเรา ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้พวกเรามีสวัสดิภาพ และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา เราทุกคนหลงทางไปเหมือนแกะ ต่างคนต่างหันไปตามทางของตนเอง และพระยาห์เวห์ทรงวางความผิดบาป ของเราทุกคนลงบนตัวท่าน ท่านถูกบีบบังคับและถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันเช่นใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยเช่นนั้น ท่านถูกนำตัวไปด้วยการบังคับและการตัดสิน และคนในยุคสมัยของท่านนั้น มีใครเล่าที่คิดว่า ที่ท่านถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็นนั้น ที่ท่านถูกตีนั้นเพราะการทรยศของชนชาติของข้าพเจ้า และเขาจัดหลุมศพของท่านไว้กับคนอธรรม และเขาจัดท่านไว้ กับเศรษฐีในความตายของท่าน แม้ว่าท่านไม่ได้ทำการทารุณใดๆ และไม่มีการหลอกลวงใดๆ ในปากของท่าน แต่พระยาห์เวห์ยังทรงประสงค์ให้ท่านบอบช้ำด้วยการบาดเจ็บ เมื่อชีวิตของท่าน เป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป ท่านจะเห็นพงศ์พันธุ์ของท่าน ท่านจะยืดวันเวลาของท่าน พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะเจริญขึ้นในมือของท่าน ภายหลังความลำบากของตัวเขา เขาจะเห็น และจะพึงพอใจ โดยความรู้ของเขา ผู้รับใช้ชอบธรรมของเรา จะทำให้คนจำนวนมากเป็นคนชอบธรรม และเขาจะแบกความบาปผิดทั้งหลายของพวกเขา เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งส่วนหนึ่งแก่เขาเช่นเดียวกับคนใหญ่โต และเขาจะแบ่งของริบกับพวกผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเขาเทตัวของเขา ลงถึงความมรณะ และถูกนับเข้ากับพวกคนทรยศ เขาเองแบกบาปของคนจำนวนมาก และเขาอ้อนวอนเพื่อพวกคนทรยศ
อิสยาห์ 52:13- 53:1-12
ความสำเร็จ
ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงทำหมายสำคัญมากมายหลายอย่างให้เขาเห็น พวกเขาก็ยังไม่วางใจในพระองค์ ทั้งนี้เพื่อจะสำเร็จตามคำของอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ใครจะเชื่อสิ่งที่เราประกาศ? และพระกรของพระเจ้าทรงสำแดงแก่ใคร?”
ยอห์น 12:37-38
แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งเป็นโลหิต แห่งพันธสัญญา ที่จะต้องหลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก
มาระโก 14:24
เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยและทรงทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา]
ลูกา 22:20
พระคัมภีร์ตอนที่ท่านอ่านอยู่นั้นคือข้อเหล่านี้ “ท่านถูกนำไปฆ่าเหมือนอย่างแกะ ลูกแกะนิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันอย่างไร ท่านก็ไม่ปริปากของท่านอย่างนั้น ในเวลาที่ท่านถูกเหยียดหยาม ท่านไม่ได้รับความยุติธรรม ใครจะเล่าถึงเชื้อสายของท่าน? เพราะชีวิตของท่านถูกตัดขาดจากแผ่นดินโลก” ขันทีจึงถามฟีลิปว่า “สิ่งที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวนี้เล็งถึงใคร เล็งถึงตัวท่านเอง หรือเล็งถึงคนอื่น? ขอบอกข้าพเจ้าเถิด” ฟีลิปจึงเริ่มเล่าโดยตั้งต้นจากพระคัมภีร์ตอนนั้น ท่านประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูกับขันทีผู้นั้น
กิจการ 8:32-35
แต่ไม่ใช่ทุกคนได้เชื่อฟังข่าวประเสริฐนั้น อิสยาห์ได้กล่าวไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าได้เชื่อสิ่งที่เขาได้ยินจากเรา?”
โรม 10:16
พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เอง เป็นเครื่องบูชาครั้งเดียวเป็นพอ เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนจำนวนมากไว้ แล้วพระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อนำความรอดมาให้บรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อ
ฮีบรู 9:28
เพราะพระเจ้าทรงเรียกพวกท่านเพื่อจุดประสงค์นี้ เพราะว่าพระคริสต์ทรงทนทุกข์เพื่อพวกท่าน พระองค์ทรงวางแบบอย่างแก่พวกท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ พระองค์ ไม่ได้ทรงทำบาปเลย และไม่พบการล่อลวงในพระโอษฐ์ของพระองค์เลย เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงขู่อาฆาต แต่ทรงมอบพระองค์เอง ไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปทั้งหลายของเราไว้ในพระกายของพระองค์ ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราจะตายต่อบาปได้ และดำเนินชีวิตเพื่อความชอบธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ พวกท่านจึงได้รับการรักษาให้หาย เพราะว่าพวกท่านได้หลงเจิ่นไปเหมือนแกะ แต่เดี๋ยวนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและผู้ดูแลวิญญาณจิตของพวกท่านแล้ว
1 เปโตร 2:21-25
11. พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนโมเสส
“พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะโปรดให้ผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับข้าพเจ้านี้เกิดขึ้นในหมู่พวกท่านจากพี่น้องของท่าน พวกท่านจงเชื่อฟังเขา ตามทุกอย่างที่ท่านขอจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่โฮเรบในวันประชุม เมื่อท่านกล่าวว่า ‘อย่าให้ข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าหรือได้เห็นเพลิงมหึมานี้อีกเลย เกรงว่าข้าพเจ้าจะตายเสีย’ และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ซึ่งพวกเขาพูดมาเช่นนั้นก็ดีอยู่ เราจะให้มีผู้เผยพระวจนะอย่างเจ้าเกิดขึ้นในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวทุกสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่พวกเขา คนที่ไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา ซึ่งเขากล่าวในนามของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น
เฉลยธรรมบัญญัติ 18:15-19
ความสำเร็จ
เขาทั้งหลายก็ปฏิเสธพระองค์ พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้เผยพระวจนะจะไม่ขาดความนับถือ เว้นแต่ในบ้านเกิด และในวงศ์วานของตน”
มัทธิว 13:57
เขาอยากจะจับพระองค์ แต่กลัวฝูงชน เพราะเขาทั้งหลายถือว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะ
มัทธิว 21:46
พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “เหตุการณ์อะไร?” เขาจึงตอบพระองค์ว่า “เหตุการณ์เรื่องเยซูชาวนาซาเร็ธผู้เผยพระวจนะที่มีฤทธิ์เดชในกิจการและถ้อยคำต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าประชาชน
ลูกา 24:19
พวกเขาจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านเป็นใคร? ท่านเป็นเอลียาห์ หรือ?” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้น หรือ?” และยอห์นตอบว่า “ไม่ใช่” พวกเขาจึงถามว่า “แล้วท่านเป็นใคร? ขอให้ตอบมา จะได้ไปบอกคนที่ใช้เรามา ท่านจะตอบเรื่องตัวท่านว่าอย่างไร?” ท่านตอบว่า “เรา เป็นเสียงของคนที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงทำมรรคา ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ตามที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้” พวกฟาริสีเป็นคนส่งพวกเขาไปหายอห์น พวกเขาจึงถามยอห์นว่า “ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์หรือเอลียาห์ หรือผู้เผยพระวจนะคนนั้นแล้ว ทำไมท่านถึงให้บัพติศมา ?”
ยอห์น 1:21-25
เมื่อคนทั้งหลายเห็นหมายสำคัญที่พระองค์ทรงทำ พวกเขาจึงพูดกันว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้นที่จะมาในโลก”
ยอห์น 6:14
เมื่อประชาชนได้ยินดังนั้น บางคนก็พูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะแน่นอน”
ยอห์น 7:40
โมเสสได้กล่าวไว้ว่า ‘พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะประทานผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง เหมือนอย่างเราแก่พวกท่านจากพี่น้องของพวกท่านเอง ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังผู้นั้นในทุกสิ่งที่พระองค์จะตรัสกับพวกท่าน
กิจการ 3:22
โมเสสคนนี้แหละที่กล่าวกับชนชาติอิสราเอลว่า ‘พระเจ้าจะประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อท่านทั้งหลาย จากพี่น้องของพวกท่าน เหมือนอย่างข้าพเจ้า’
กิจการ 7:37
12. พระเมสสิยาห์จะถูกแทง
“และเราจะเทวิญญาณแห่งความโปรดปรานและการวิงวอนบนราชวงศ์ดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม ดังนั้นเมื่อเขาทั้งหลายมองดูท่าน ผู้ซึ่งเขาเองได้แทง เขาจะไว้ทุกข์เพื่อท่าน เหมือนคนไว้ทุกข์เพื่อบุตรคนเดียวของตน และร้องไห้อย่างขมขื่นเพื่อท่าน เหมือนอย่างคนร้องไห้เพื่อบุตรหัวปีของตน
เศคาริยาห์ 12:10
ความสำเร็จ
เมื่อนั้นหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะทุกข์โศก แล้วจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและทรงพระรัศมีอย่างยิ่ง
มัทธิว 24:30
วันนั้นเป็นวันเตรียม พวกยิวจึงขอปีลาตให้ทุบขาของคนที่ถูกตรึงให้หักและยกศพออกไป เพื่อไม่ให้ศพค้างอยู่ที่กางเขนในวันสะบาโต (เพราะวันสะบาโตนั้นเป็นวันใหญ่) ดังนั้น พวกทหารจึงมาทุบขาของคนแรกและขาของอีกคนที่ถูกตรึงอยู่กับพระองค์ แต่เมื่อมาถึงพระเยซูและเห็นว่า พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้ทุบขาของพระองค์ แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ และโลหิตกับน้ำก็ไหลออกมาทันที คนนั้นที่เห็นก็เป็นพยาน และคำพยานของเขาก็เป็นความจริง และเขาก็รู้ว่าเขาพูดความจริงเพื่อพวกท่านจะได้เชื่อ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “พระอัฐิ ของพระองค์จะไม่หักสักชิ้นเดียว” และมีข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งว่า “พวกเขาจะมองดูพระองค์ผู้ที่เขาแทง”
ยอห์น 19:31-37
นี่แน่ะ พระองค์จะเสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆ และนัยน์ตาทุกดวงจะเห็นพระองค์ แม้แต่คนทั้งหลายที่แทงพระองค์ และมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะคร่ำครวญเพราะพระองค์ จะเป็นไปอย่างนั้น อาเมน
วิวรณ์ 1:7
13. พระเมสสิยาห์จะมาหลังจากผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ได้เตรียมทางแล้ว
“นี่แน่ะ เราจะส่งเอลียาห์ผู้เผยพระวจนะ มายังเจ้าก่อนวันแห่งพระยาห์เวห์ คือวันที่ใหญ่ยิ่งและน่าสะพรึงกลัวจะมาถึง และท่านผู้นั้นจะทำให้จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ ไม่อย่างนั้น เราจะมาโจมตีแผ่นดินนั้นด้วยคำสาปแช่ง ”
มาลาคี 4:5-6
ความสำเร็จ
ถ้าท่านทั้งหลายจะยอมรับ ยอห์นผู้นี้แหละ คือเอลียาห์ที่จะมานั้น ใครมีหูจงฟังเถิด
มัทธิว 11:14-15
เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “บางคนว่าเป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ว่าเป็นเยเรมีย์ หรือเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้เผยพระวจนะ”
มัทธิว 16:14
ขณะเสด็จลงมาจากภูเขาพระเยซูตรัสสั่งพวกสาวกว่า “นิมิตซึ่งท่านทั้งหลายเห็นนั้น อย่าเล่าให้ใครฟังจนกว่าบุตรมนุษย์จะเป็นขึ้นมาจากความตาย” พวกสาวกก็ทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมพวกธรรมาจารย์จึงบอกว่า ‘เอลียาห์จะต้องมาก่อน?’ ” พระเยซูตรัสตอบว่า “เอลียาห์จะมาจริงๆ และจะทำให้ทุกสิ่งคืนสู่สภาพเดิม แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่าเอลียาห์นั้นมาแล้ว และเขาทั้งหลายไม่รู้จักท่าน แต่เขาได้ทำกับท่านตามที่ต้องการแล้ว บุตรมนุษย์ก็จะต้องทนทุกข์เพราะน้ำมือของพวกเขาเช่นกัน” แล้วพวกสาวกจึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสกับพวกเขาโดยทรงเล็งถึงยอห์นผู้ให้บัพติศมา
มัทธิว 17:9-13
กษัตริย์เฮโรดทรงทราบเรื่องของพระองค์ เพราะว่าพระนามของพระเยซูเป็นที่เลื่องลือ บางคนพูดว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว เพราะเหตุนี้เขาถึงทำการอัศจรรย์ได้” แต่บางคนว่า “เขาเป็นเอลียาห์” ส่วนคนอื่นๆ ว่า “เขาเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะในอดีต” เมื่อเฮโรดทรงได้ยินจึงตรัสว่า “ยอห์นคนที่เราตัดศีรษะเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว”
มาระโก 6:14-16
พวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมพวกธรรมาจารย์ถึงกล่าวว่า เอลียาห์จะต้องมาก่อน?” พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า “เอลียาห์จะต้องมาก่อนแน่นอนเพื่อทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม แต่ทำไมยังมีถ้อยคำเขียนเกี่ยวกับบุตรมนุษย์ว่า พระองค์จะต้องทรงทนทุกขเวทนาหลายประการและทรงถูกทอดทิ้ง แต่เราบอกพวกท่านว่า เอลียาห์นั้นได้มาแล้ว และพวกเขาทำต่อท่านทุกอย่างตามใจชอบ ซึ่งก็เป็นไปตามถ้อยคำที่เขียนไว้เกี่ยวกับท่าน”
มาระโก 9:11-13
เขาจะนำพงศ์พันธุ์อิสราเอลหลายคนให้หันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของพวกเขา เขาจะนำหน้าพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและฤทธิ์เดชของเอลียาห์ ให้พ่อกลับคืนดีกับลูก และให้คนดื้อด้านกลับได้ปัญญาของคนชอบธรรม เพื่อจัดเตรียมชนชาติหนึ่งไว้ให้พร้อมสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า”
ลูกา 1:16-17
พวกเขาจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านเป็นใคร? ท่านเป็นเอลียาห์ หรือ?” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้น หรือ?” และยอห์นตอบว่า “ไม่ใช่”
ยอห์น 1:21
14. พระเมสสิยาห์จะมาโดยขี่ลา
ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่งเถิด โอ บุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้อง นี่แน่ะ กษัตริย์ของเธอเสด็จมาหาเธอ ทรงความยุติธรรมและความรอด พระองค์ทรงอ่อนสุภาพและทรงลา ทรงลูกลา
เศคาริยาห์ 9:9
ความสำเร็จ
เมื่อพระเยซูเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็มกับบรรดาสาวกถึงหมู่บ้านเบธฟายี เชิงเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้สาวกสองคน มีรับสั่งว่า “จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้า แล้วจะพบแม่ลาตัวหนึ่งผูกอยู่กับลูกของมัน จงแก้และจูงมาให้เรา ถ้ามีใครพูดอะไร ท่านทั้งสองจงบอกว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านมีพระประสงค์’ แล้วเขาจะปล่อยให้มาทันที” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้เป็นไปตามพระวจนะที่ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า “จงบอกชาวศิโยนว่า นี่แน่ะ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมา ด้วยความสุภาพอ่อนโยน พระองค์ทรงลา ทรงลูกลา” สาวกทั้งสองคนนั้นก็ไปทำตามที่พระเยซูตรัสสั่ง จึงจูงแม่ลากับลูกของมันมา แล้วเอาเสื้อผ้าของตนปูบนหลัง และพระองค์ก็ทรงลานั้น
มัทธิว 21:1-7
15. พระเมสสิยาห์จะถูกเรียกออกจาก แผ่นดินอียิปต์
เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา เราได้เรียกบุตรของเราออกจากอียิปต์
โฮเชยา 11:1
ความสำเร็จ
เมื่อพวกเขาไปแล้วก็มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า ได้มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า “จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหาพระกุมาร เพื่อจะประหารชีวิตเสีย” ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงลุกขึ้น พาพระกุมารกับมารดาไปยังประเทศอียิปต์ และได้อยู่ที่นั่นจนเฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งได้ตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า เราได้เรียกบุตรของเราให้ออกมาจากอียิปต์
มัทธิว 2:13-15
16. พระเมสสิยาห์จะถูกเรียกว่าพระบุตรของพระเจ้า
เหตุใดบรรดาประชาชาติจึงคิดกบฏ? ทำไมชาวประเทศทั้งหลายคิดลมๆ แล้งๆ? บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกตั้งตนเองขึ้น และนักปกครองปรึกษากัน ต่อสู้พระยาห์เวห์กับผู้รับการเจิมของพระองค์ กล่าวว่า “ให้เราหักโซ่ตรวน และสลัดเครื่องจำจองของเขาให้พ้นจากเราเถิด” พระองค์ผู้ประทับในสวรรค์ทรงพระสรวล องค์เจ้านายทรงเย้ยหยันเขาเหล่านั้น แล้วตรัสกับเขาทั้งหลายด้วยความกริ้ว และด้วยความเดือดดาลก็ทรงทำให้เขาหวาดกลัว ตรัสว่า “เราเองได้ตั้งกษัตริย์ของเราไว้แล้ว บนศิโยน ภูเขาบริสุทธิ์ของเรา” ข้าพเจ้าจะบอกถึงกฎเกณฑ์ของพระยาห์เวห์ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้าแล้ว จงขอจากเราเถิด และเราจะมอบบรรดาประชาชาติให้เป็นมรดกของเจ้า ตลอดจนแผ่นดินโลกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า เจ้าจะตีพวกเขาให้แตกด้วยคทาเหล็ก และฟาดให้แหลกเป็นชิ้นๆ ดุจภาชนะของช่างปั้นหม้อ” เพราะฉะนั้น กษัตริย์ทั้งหลายเอ๋ย จงฉลาดเถิด บรรดาผู้ปกครองแห่งแผ่นดินโลกเอ๋ย จงรับคำเตือนเถิด จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์ด้วยความยำเกรง และจงเปรมปรีดิ์จนเนื้อเต้น จงจุมพิตพระบุตร หาไม่ พระองค์จะกริ้ว และเจ้าต้องพินาศจากทางนั้น เพราะความกริ้วของพระองค์จุดให้ลุกได้รวดเร็ว ทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในพระองค์ก็เป็นสุข
สดุดี 2:1-12
ความสำเร็จ
แล้วมีพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”
มาระโก 1:11
และอันนาสกับคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิต ช่วงเวลานี้เองที่พระวจนะของพระเจ้ามาถึงยอห์นบุตรเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร
ลูกา 3:2
พระองค์ตรัสไว้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยปากของดาวิดบรรพบุรุษของเรา ผู้รับใช้ของพระองค์ ว่า ‘ทำไมคนต่างชาติจึงหยิ่งยโส และชนชาติทั้งหลายปองร้ายกันแต่ไม่เป็นผล บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกตั้งตัวขึ้น และนักปกครองชุมนุมกัน ต่อสู้พระเจ้าและผู้รับการเจิมตั้ง ของพระองค์’ ความจริงในเมืองนี้ ทั้งเฮโรด และปอนทิอัสปีลาต กับพวกต่างชาติและชนชาติอิสราเอล ร่วมชุมนุมกันต่อสู้พระเยซูผู้รับใช้บริสุทธิ์ของพระองค์ซึ่งทรงเจิมไว้แล้ว พวกเขาทำสิ่งสารพัดตามที่พระหัตถ์และพระดำริของพระองค์ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้า
กิจการ 4:25-28
พระเจ้าทรงให้สำเร็จตามนั้นเพื่อเรา ผู้เป็นลูกหลานของเขาทั้งหลาย โดยการที่พระองค์ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมา ดังมีคำเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีบทที่สองว่า ‘เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า’
กิจการ 13:33
เพราะว่ามีใครบ้างในพวกทูตสวรรค์ที่พระเจ้า เคยตรัสกับเขาว่า “เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า” และยังตรัสอีกว่า “เราเองจะเป็นบิดาของเขา และเขาเองจะเป็นบุตรของเรา”
ฮีบรู 1:5
ในทำนองเดียวกัน พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาปุโรหิต แต่พระเจ้าตรัสกับพระองค์ว่า “เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า”
ฮีบรู 5:5
17. พระเมสสิยาห์จะถูกปฏิเสธเพื่อเงินสามสิบเหรียญ
แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงโยนเงินนั้นเข้าไปในคลัง ” คือเงินก้อนงดงามเหลือเกินที่เขาจ่ายให้ข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเอาเงิน 30 แผ่นโยนเข้าไปในคลังในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
เศคาริยาห์ 11:13
ความสำเร็จ
เวลานั้นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนชื่อยูดาสอิสคาริโอทไปหาพวกหัวหน้าปุโรหิต บอกว่า “ถ้าข้าพเจ้ามอบตัวเขาให้พวกท่าน ท่านจะให้ข้าพเจ้าเท่าไหร่?” พวกเขาก็ให้เงินยูดาสสามสิบเหรียญ
มัทธิว 26:14-15
เมื่อยูดาสคนที่ทรยศพระองค์เห็นว่าพระองค์ทรงถูกลงโทษก็เสียใจ จึงนำเงินสามสิบเหรียญนั้นมาคืนให้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่
มัทธิว 27:3
ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่กล่าวโดยเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “พวกเขารับเงินสามสิบเหรียญซึ่งเป็นราคาของผู้นั้น ที่เผ่าพันธุ์อิสราเอลตีราคาไว้ แล้วไปซื้อทุ่งช่างหม้อ ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระบัญชาข้าพเจ้า”
มัทธิว 27:9-10
18. พระเมสสิยาห์จะเป็นเหมือนบุตรมนุษย์
ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตเวลากลางคืน นี่แน่ะ มีท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์มา พร้อมกับบรรดาเมฆของสวรรค์ และท่านมาหาผู้เจริญด้วยวัยวุฒินั้น มีคนนำท่านมาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ราชอำนาจ ศักดิ์ศรี กับราชอาณาจักร ทรงมอบไว้กับท่าน เพื่อชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา จะปรนนิบัติท่าน ราชอาณาจักรของท่านเป็นราชอาณาจักรนิรันดร์ ซึ่งจะไม่มีที่สิ้นสุด และแผ่นดินของท่านเป็นแผ่นดิน ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย
ดาเนียล 7:13-14
ความสำเร็จ
ไม่มีใครเคยขึ้นไปสวรรค์นอกจากผู้ที่ลงมาจากสวรรค์ คือบุตรมนุษย์ โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดาร อย่างไร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น
ยอห์น 3:13-14
แล้วท่านกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่อง และเห็นบุตรมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า”
กิจการ 7:56
“ท่านทั้งหลายเป็นสุขแม้มีคนเกลียดชังท่าน ไล่ท่านออกจากพวกเขา ประณามท่าน และเหยียดหยามท่านว่าเป็นคนชั่วช้าเนื่องจากท่านเห็นแก่บุตรมนุษย์
ลูกา 6:22
แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าแหวกออกและพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงอยู่ เหนือบุตรมนุษย์”
ยอห์น 1:51
ทั้งนี้เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาปได้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า “จงลุกขึ้นยกที่นอนกลับไปบ้านของท่าน”
มัทธิว 9:6
เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโต”
มัทธิว 12:8
บุตรมนุษย์จะใช้บรรดาทูตสวรรค์ของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิด และพวกผู้ที่ทำชั่วไปจากแผ่นดินของท่าน
มัทธิว 13:41
เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเขตเมืองซีซารียาฟีลิปปี พระองค์ตรัสถามพวกสาวกของพระองค์ว่า “คนทั่วไปพูดกันว่าบุตรมนุษย์เป็นใคร?” เพราะว่าเมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยพระรัศมีของพระบิดา พร้อมด้วยบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงตอบแทนแต่ละคนตามการกระทำของเขา
มัทธิว 16:13, 27
ตั้งแต่นั้นมา พระองค์ทรงสอนพวกสาวกว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ พวกผู้ใหญ่และพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์จะทรงถูกประหารชีวิต และหลังจากนั้นสามวันจะเป็นขึ้นมาใหม่
มาระโก 8:31
และตรัสว่า “บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายอย่าง พวกผู้ใหญ่ พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์จะปฏิเสธท่าน และในที่สุดท่านจะต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม พระเจ้าจะทรงให้ท่านเป็นขึ้นมาใหม่”
ลูกา 9:22
19. พระเมสสิยาห์จะเป็นเครื่องบูชาถวายด้วยความยินดี
ทูตสวรรค์ว่า “อย่าแตะต้องเด็กนั้น อย่าทำอะไรเขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า และเจ้าไม่ได้หวงบุตรชายคือบุตรชายคนเดียวของเจ้าไว้จากเรา” อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องบูชาแทนบุตรชาย อับราฮัมจึงเรียกสถานที่นั้นว่า ยาห์เวห์ยิเรห์ อย่างที่เขาพูดกันทุกวันนี้ว่า “ทรงจัดไว้ให้บนภูเขาของพระยาห์เวห์” ทูตของพระยาห์เวห์เรียกอับราฮัมครั้งที่สองมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราเองปฏิญาณว่า เพราะเจ้าทำอย่างนี้และไม่ได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้า ดังนั้นเราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูทั้งหลายของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าเชื่อฟังเรา”
ปฐมกาล 22:12-18
ความสำเร็จ
พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ยอห์น 3:16
โดยความเชื่อ เมื่ออับราฮัมถูกลองใจ จึงได้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา และท่านผู้ได้รับพระสัญญา ก็พร้อมแล้วที่จะถวายบุตรชายคนเดียวของท่าน คือบุตรคนที่มีพระดำรัสว่า “เขาจะเรียกเชื้อสายของท่านทางสายอิสอัค” ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถทำให้คนตายเป็นขึ้นมาได้ ฉะนั้นโดยอุปมาแล้ว ท่านได้รับบุตรคืนมา
ฮีบรู 11:17-19
20. พระเมสสิยาห์จะเป็นลูกแกะปัสกา
พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนในแผ่นดินอียิปต์ว่า “ให้เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มต้นสำหรับพวกเจ้า ให้เป็นเดือนแรกในปีสำหรับพวกเจ้า จงสั่งชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นว่า ในวันที่สิบเดือนนี้ ให้แต่ละคนเตรียมลูกแกะ ตัวหนึ่งให้ตนเองตามสกุล บ้านละหนึ่งตัว ถ้าครอบครัวไหนมีคนน้อยและกินลูกแกะตัวหนึ่งไม่หมด ก็ให้รวมกับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงเตรียมลูกแกะตัวหนึ่ง แล้วให้แบ่งลูกแกะนั้นตามจำนวนคนที่จะกินได้ ลูกแกะของเจ้าต้องปราศจากตำหนิ เป็นตัวผู้อายุหนึ่งปี เจ้าจงเอามาจากฝูงแกะหรือฝูงแพะ จงเก็บไว้ให้ดีถึงวันที่สิบสี่เดือนนี้ แล้วในเย็นวันนั้น ให้ที่ประชุมของชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะนั้น แล้วเอาเลือดทาที่วงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้างของบ้านที่พวกเขาเลี้ยงกันนั้นด้วย ในคืนวันนั้นให้พวกเขากินเนื้อปิ้งกับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม อย่ากินเนื้อที่ยังดิบหรือเนื้อต้มเลย แต่จงปิ้งทั้งหัวและขาและเครื่องในด้วย จงกินให้หมดห้ามมีเศษเหลือจนถึงเวลาเช้า แต่ถ้ายังมีเศษเหลือถึงเวลาเช้าก็ให้เผาเสีย เจ้าจงเลี้ยงกันดังนี้คือ ให้คาดเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้าไว้ในมือ และรีบกินโดยเร็ว การเลี้ยงนี้เป็นปัสกา ของพระยาห์เวห์ เพราะในคืนวันนั้น เราจะผ่านไปในแผ่นดินอียิปต์ และเราจะประหารลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ทั้งของมนุษย์และของสัตว์ และเราจะพิพากษาลงโทษพระทั้งหมดของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์ แต่เลือดตามบ้านที่เจ้าทั้งหลายอยู่นั้น จะเป็นหมายสำคัญสำหรับพวกเจ้า เมื่อเราเห็นเลือดนั้น เราจะผ่านเว้นพวกเจ้าไป จะไม่มีภัยพิบัติเกิดแก่พวกเจ้า ขณะที่เราโจมตีแผ่นดินอียิปต์ “วันนี้จะเป็นวันที่ระลึกสำหรับพวกเจ้า ให้เจ้าทั้งหลายฉลองเป็นเทศกาลเลี้ยงถวายเกียรติพระยาห์เวห์ชั่วชาติพันธุ์ของพวกเจ้า พวกเจ้าจงฉลองเทศกาลเลี้ยงนี้และถือเป็นกฎถาวร พวกเจ้าจงกินขนมปังไร้เชื้อให้ครบเจ็ดวัน วันแรกจงขจัดเชื้อ ให้สิ้นจากบ้านของพวกเจ้า ถ้าผู้ใดกินขนมปังใส่เชื้อตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่เจ็ด จะต้องถูกตัดออกจากการเป็นคนอิสราเอล ในวันแรกนั้นให้มีการประชุมบริสุทธิ์ และในวันที่เจ็ดก็ให้มีการประชุมบริสุทธิ์ ห้ามทำงานใดๆ ในวันแรกและวันที่เจ็ด นอกจากการจัดเตรียมอาหารให้ทุกคนรับประทาน พวกเจ้าจงถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เพราะในวันนี้เอง เราได้นำไพร่พลของเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพราะฉะนั้น พวกเจ้าจงถือวันนี้เป็นกฎถาวรชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า ในตอนเย็นวันที่สิบสี่เดือนแรก เจ้าทั้งหลายจงกินขนมปังไร้เชื้อจนถึงเวลาเย็นวันที่ยี่สิบเอ็ดของเดือนนั้น ตลอดเจ็ดวันนั้น ห้ามพบเชื้อในบ้านของพวกเจ้า เพราะถ้าผู้ใดที่เป็นคนต่างด้าวก็ดีหรือคนพื้นเมืองก็ดี กินขนมปังใส่เชื้อ ผู้นั้นจะต้องถูกตัดออกจากชุมนุมชนอิสราเอล ห้ามกินสิ่งใดที่ใส่เชื้อในที่อาศัยของพวกเจ้า เจ้าจงกินแต่ขนมปังไร้เชื้อเท่านั้น” แล้วโมเสสเรียกพวกผู้ใหญ่ของคนอิสราเอลมาพร้อมกัน สั่งว่า “จงไปเอาลูกแกะสำหรับครอบครัวของพวกท่านมาฆ่าเป็นลูกแกะปัสกา และเอาต้นหุสบ กำหนึ่งจุ่มลงในเลือดที่อยู่ในอ่าง แล้วป้ายเลือดนั้นที่วงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้าง ห้ามผู้ใดออกไปพ้นประตูบ้านของตนจนถึงรุ่งเช้า เพราะพระยาห์เวห์จะเสด็จผ่านไปเพื่อจะประหารคนอียิปต์ เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเลือดที่วงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้าง พระยาห์เวห์จะทรงผ่านเว้นประตูนั้น และจะไม่ทรงให้ผู้สังหารเข้าไปในบ้านพวกท่านเพื่อจะประหารท่าน ท่านทั้งหลายจงถือคำสั่งนี้ให้เป็นกฎถาวรของพวกท่านและของลูกหลานพวกท่าน เมื่อพวกท่านไปถึงแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์จะประทานแก่พวกท่านตามที่ตรัสไว้แล้ว พวกท่านจงถือพิธีนี้ไว้ เมื่อลูกหลานของพวกท่านถามว่า ‘พิธีนี้หมายความว่าอะไร?’ พวกท่านจงตอบว่า ‘เป็นการถวายสัตวบูชาปัสกาแด่พระยาห์เวห์ผู้ทรงผ่านเว้นบ้านของชนชาติอิสราเอลในอียิปต์ เมื่อพระองค์ทรงประหารคนอียิปต์ แต่โปรดไว้ชีวิตครอบครัวของพวกเรา’ ” ประชากรก็กราบลงนมัสการ แล้วชนชาติอิสราเอลก็ไปทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชากับโมเสสและอาโรน ในเวลาเที่ยงคืน พระยาห์เวห์ทรงประหารบุตรหัวปีทุกคนในแผ่นดินอียิปต์ ตั้งแต่พระราชบุตรหัวปีของฟาโรห์ผู้ประทับบนบัลลังก์ จนถึงบุตรหัวปีของนักโทษที่อยู่ในคุกมืด ทั้งลูกหัวปีของสัตว์เลี้ยงทุกตัว ฟาโรห์กับพวกข้าราชการ และคนอียิปต์ทั้งหมดตื่นขึ้นในตอนกลางคืน มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมากในอียิปต์ เพราะไม่มีบ้านไหนเลยที่ไม่มีคนตาย ฟาโรห์จึงตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนให้มาเข้าเฝ้าในคืนนั้น ตรัสว่า “เจ้าทั้งสองกับชนชาติอิสราเอล จงลุกขึ้นและออกไปจากประชากรของเรา ไปนมัสการพระยาห์เวห์ตามที่ขอไว้นั้น เอาฝูงแพะแกะและฝูงโคของพวกเจ้าไปด้วยตามที่ขอไว้แล้ว จงไป และอวยพรเราด้วย” คนอียิปต์ก็เร่งรัดให้ชนชาตินั้นออกจากแผ่นดินโดยเร็ว เพราะพวกเขาพูดว่า “พวกเราจะตายกันหมดแล้ว” คนอิสราเอลเอาก้อนแป้งดิบที่ไม่ได้ใส่เชื้อกับอ่างขยำแป้ง ห่อผ้าใส่บ่าแบกไป ชนชาติอิสราเอลทำตามที่โมเสสสั่งไว้ คือขอเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องนุ่งห่มจากคนอียิปต์ และพระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้ประชากรเป็นที่โปรดปรานในสายตาของคนอียิปต์ คนอียิปต์จึงให้สิ่งของตามที่ขอ ดังนั้นคนอิสราเอลจึงริบเอาสิ่งของต่างๆ จากคนอียิปต์ ชนชาติอิสราเอลออกจากเมืองราเมเสสไปถึงเมืองสุคคท นับเฉพาะผู้ชายเดินเท้าได้ประมาณ 600,000 คน ไม่รวมเด็ก มีคนชาติอื่นจำนวนมากติดตามไปด้วย พร้อมทั้งฝูงปศุสัตว์มหาศาล คือฝูงแพะแกะและฝูงโค พวกเขาเอาก้อนแป้งดิบซึ่งนำมาจากอียิปต์ปิ้งเป็นแผ่นขนมปังไร้เชื้อ เหตุที่เขาไม่ใส่เชื้อ ก็เพราะถูกเร่งรัดให้ออกจากอียิปต์ จึงไม่ทันเตรียมเสบียง ชนชาติอิสราเอลอยู่ในอียิปต์เป็นเวลา 430 ปี เมื่อครบ 430 ปีแล้ว ในวันนั้นเอง ประชากรทั้งหมดของพระยาห์เวห์ก็เคลื่อนออกจากแผ่นดินอียิปต์ คืนวันนั้นเป็นคืนของพระยาห์เวห์ที่ทรงเฝ้าดู เพื่อนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และเป็นคืนที่ชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้นถือเป็นที่ระลึกถึงพระยาห์เวห์ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเขา พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “กฎเกณฑ์พิธีปัสกาเป็นดังนี้ คือห้ามคนต่างชาติกิน ส่วนทาสซึ่งนายเอาเงินซื้อมา เมื่อให้ทาสนั้นเข้าสุหนัตแล้วก็ให้เขากินได้ ส่วนคนอาศัยหรือลูกจ้างห้ามกิน ปัสกานั้นให้กินแต่ในบ้าน ห้ามเอาเนื้อไปนอกบ้าน และห้ามหักกระดูกของมัน ให้ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นปฏิบัติตามพิธีนี้ ถ้ามีคนต่างด้าวมาอาศัยอยู่กับเจ้า และต้องการจะปฏิบัติตามพิธีปัสกาถวายพระยาห์เวห์ ก็ให้ชายพวกนั้นทุกคนเข้าสุหนัตก่อนแล้วจึงให้เขามาใกล้และปฏิบัติตามพิธีนั้นได้ เขาจะเป็นเหมือนคนที่เกิดในแผ่นดินนั้น แต่ทุกคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต จะกินปัสกาไม่ได้ บทบัญญัติสำหรับคนพื้นเมืองและคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเจ้าจะต้องเป็นอย่างเดียวกัน” ชนชาติอิสราเอลทั้งสิ้นก็ปฏิบัติตามที่พระยาห์เวห์มีรับสั่งแก่โมเสสและอาโรน ในวันนั้นเองพระยาห์เวห์ทรงนำชนชาติอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์โดยแยกเป็นขบวนๆ
อพยพ 12:1-51
ความสำเร็จ
วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาหาท่าน ท่านจึงกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดก ของพระเจ้า ผู้ทรงรับบาปของโลกไป และท่านมองดูพระเยซูขณะที่พระองค์เสด็จผ่านไป และท่านกล่าวว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า”
ยอห์น 1:29, 36
แต่เมื่อมาถึงพระเยซูและเห็นว่า พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้ทุบขาของพระองค์ เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “พระอัฐิ ของพระองค์จะไม่หักสักชิ้นเดียว”
ยอห์น 19:33, 36
จงชำระเชื้อ เก่าเสีย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นแป้งดิบก้อนใหม่ ดังเช่นที่ท่านเป็นพวกไร้เชื้อ เพราะพระคริสต์ผู้ทรงเป็นปัสกาของเรา ถูกถวายบูชาแล้ว เพราะฉะนั้นให้เราถือปัสกานั้น ไม่ใช่ด้วยเชื้อเก่าซึ่งเป็นเชื้อของความชั่วและความเลว แต่ด้วยขนมปังที่ไม่มีเชื้อ คือความจริงใจและสัจจะ
1 โครินธ์ 5:7-8
แต่ด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ไร้ตำหนิและไร้จุดด่างพร้อย
1 เปโตร 1:19
21. พระเมสสิยาห์จะเป็นดาวดวงหนึ่งที่ออกมาจากยาโคบ
ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ ข้าพเจ้ามองดูเขา แต่ไม่ใช่จากระยะใกล้ตัว ดาวดวงหนึ่งจะออกมาจากยาโคบ และพระคทาอันหนึ่งจะมาจากอิสราเอล แล้วจะทุบหน้าผากของโมอับ และทำลายเผ่าพันธุ์ทั้งหมดของเชท
กันดารวิถี 24:17
ความสำเร็จ
“พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของท่านทางทิศตะวันออก และเราจึงมาเพื่อจะนมัสการท่าน”
มัทธิว 2:2
“เราคือเยซูผู้ใช้ทูตสวรรค์ของเราไปเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ต่อท่านเพื่อคริสตจักรทั้งหลาย เราเป็นรากเหง้าและเชื้อสายของดาวิด และเป็นดาวประจำรุ่งอันสุกใส”
วิวรณ์ 22:16
22. พระเมสสิยาห์จะเกิดในเมืองเบธลิเอ็ม
แต่เจ้า เบธเลเฮม เอฟราธาห์ ผู้เป็นหน่วยเล็กในบรรดาตระกูลของยูดาห์ จากเจ้า จะมีผู้หนึ่งออกมาเพื่อเรา เป็นผู้ที่จะปกครองในอิสราเอล ต้นตระกูลของท่านมาจากสมัยเก่า จากสมัยโบราณกาล
มีคาห์ 5:2
ความสำเร็จ
พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า “พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของท่านทางทิศตะวันออก และเราจึงมาเพื่อจะนมัสการท่าน” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินดังนั้นแล้ว ก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย แล้วท่านทรงให้ประชุมพวกหัวหน้าปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ของประชาชน แล้วก็ตรัสถามพวกเขาว่า “พระคริสต์จะทรงบังเกิดที่ไหน?” พวกเขาทูลว่า “ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ ดังนี้ว่า ‘บ้านเบธเลเฮม ในแผ่นดินยูเดีย จะไม่เป็น บ้านที่เล็กน้อยที่สุดในสายตาของพวกผู้ครองแผ่นดินยูเดีย เพราะว่าเจ้านายองค์หนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา’ ”
มัทธิว 2:1-6
23. พระเมสสิยาห์จะยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ดาวิด
พระยาห์เวห์ตรัสกับกษัตริย์ ของข้าพเจ้า ว่า “จงนั่งที่ขวามือ ของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของเจ้าเป็นแท่นรองเท้าของเจ้า” พระยาห์เวห์ทรงยื่นคทาแห่งการปกครองของท่าน จากศิโยน ท่านจงครอบครองท่ามกลางศัตรูของท่านเถิด ชนชาติของท่านจะเต็มใจถวายตัว ในวันแห่งอำนาจของท่านในเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ จากครรภ์ของอรุโณทัย น้ำค้างแห่งวัยหนุ่มเป็นของท่าน พระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแล้ว และจะไม่เปลี่ยนพระทัยของพระองค์ “เจ้าเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ ตามอย่างเมลคีเซเดค”
สดุดี 110:1-4
ความสำเร็จ
พระองค์จึงทรงใช้บ่าวอื่นๆ ไปอีก มีรับสั่งให้บอกผู้รับเชิญเหล่านั้นว่า ‘นี่แน่ะ เราเตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทั้งวัวและลูกวัวอ้วนของเราก็ฆ่าไว้แล้ว ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้ว เชิญมาในงานเลี้ยงอภิเษกสมรสนี้เถิด’ แต่เขาทั้งหลายเพิกเฉยและเดินจากไป บางคนไปไร่นาของตน บางคนก็ไปค้าขาย พวกที่เหลือก็จับบ่าวมาทำการอัปยศต่างๆ แล้วฆ่าเสีย กษัตริย์องค์นั้นก็กริ้ว จึงมีรับสั่งให้กองทหารไปฆ่าฆาตกรเหล่านั้น และเผาเมืองของพวกเขา แล้วพระองค์มีรับสั่งกับพวกบ่าวว่า ‘งานอภิเษกสมรสเตรียมพร้อมแล้ว แต่พวกที่ได้รับเชิญนั้นไม่คู่ควร เพราะฉะนั้นจงออกไปตามถนนสำคัญๆ ต่างๆ เชิญทุกคนที่พวกเจ้าพบมาร่วมงานอภิเษกสมรสนี้’ บ่าวจึงออกไปตามถนนต่างๆ และรวบรวมทุกคนที่พบ ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลวจนห้องโถงงานอภิเษกสมรสนั้นเต็มไปด้วยแขก “แต่เมื่อกษัตริย์องค์นั้นเสด็จไปทอดพระเนตร แขกทั้งหลาย ก็ทอดพระเนตรเห็นคนหนึ่งไม่ได้สวมเสื้อสำหรับงานอภิเษกสมรส จึงตรัสถามว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ทำไมท่านมาที่นี่โดยไม่สวมเสื้อสำหรับงานอภิเษกสมรส?’ คนนั้นก็นิ่งอั้นอยู่พูดไม่ออก กษัตริย์จึงมีรับสั่งกับพวกคนรับใช้ว่า ‘จงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปโยนทิ้งบริเวณที่มืดข้างนอก ซึ่งเป็นที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ เพราะว่าคนที่ได้รับเชิญก็มีมาก แต่คนที่ได้รับการทรงเลือกก็มีน้อย” ขณะนั้นพวกฟาริสีก็ไปและปรึกษากันหาทางทำให้พระองค์ทรงติดกับดักด้วยคำพูด จึงใช้บรรดาศิษย์ของตนกับพวกเฮโรดไปทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ เราทราบว่าท่านเป็นคนซื่อสัตย์ สั่งสอนทางของพระเจ้าตามความจริงโดยไม่ได้เอาใจใคร เพราะท่านไม่ได้เห็นแก่หน้าใคร เพราะฉะนั้นขอโปรดให้เราทราบว่าท่านคิดอย่างไร? การส่งส่วยให้แก่ซีซาร์นั้นควรหรือไม่?” พระเยซูทรงทราบเจตนาร้ายของพวกเขาจึงตรัสว่า “คนหน้าซื่อใจคด พวกท่านมาทดลองเราทำไม? จงเอาเงินที่จะเสียส่วยนั้นมาให้เราดู” เขาจึงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งถวายพระองค์ พระองค์ตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร?” พวกเขาทูลว่า “ของซีซาร์” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เพราะฉะนั้น ของของซีซาร์จงถวายแด่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” เมื่อได้ฟังแล้วพวกเขาก็ประหลาดใจ จึงละพระองค์ไว้และกลับไป ในวันนั้น มีพวกสะดูสีมาหาพระองค์ พวกนี้เป็นผู้สอนว่าไม่มีการเป็นขึ้นจากความตาย เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ โมเสสสั่งว่า ‘ถ้าใครตายในขณะที่ยังไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายแต่งงานกับหญิงม่ายนั้นและมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชาย’ เรามีพี่น้องผู้ชายเจ็ดคน พี่คนโตมีภรรยาแล้วก็ตาย เมื่อยังไม่มีบุตรก็ละภรรยาไว้ให้กับน้องชาย คนที่สอง คนที่สามก็เป็นแบบเดียวกัน จนถึงคนที่เจ็ด ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย เพราะฉะนั้นในวันที่เป็นขึ้นจากความตาย หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใครในเจ็ดคนนั้น? เพราะพวกเขาได้นางมาเป็นภรรยาแล้วทุกคน” พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายผิดแล้ว เพราะท่านไม่รู้พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า เมื่อมนุษย์เป็นขึ้นจากความตายนั้น จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก แต่จะเป็นเหมือนบรรดาทูตในฟ้าสวรรค์ เกี่ยวกับเรื่องที่คนตายจะเป็นขึ้นจากความตายนั้น พวกท่านยังไม่ได้อ่านสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้กับท่านหรือ ว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’ พระองค์ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น” เมื่อฝูงชนได้ยินก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ เมื่อพวกฟาริสีได้ยินว่าพระองค์ทรงทำให้พวกสะดูสีนิ่งอั้นอยู่ จึงประชุมกัน มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งในพวกเขามาทดสอบพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ในธรรมบัญญัตินั้น พระบัญญัติข้อไหนสำคัญที่สุด?” พระเยซูทรงตอบเขาว่า “ ‘จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน’ และด้วยสุดความคิดของท่าน นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ ธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้” เมื่อพวกฟาริสียังประชุมอยู่ที่นั่น พระเยซูทรงถามว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องพระคริสต์? พระองค์ทรงเป็นเชื้อสายของใคร?” พวกเขาตอบว่า “เป็นเชื้อสายของดาวิด” พระองค์ตรัสถามว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมดาวิดจึงทรงเรียกพระองค์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าโดยเดชพระวิญญาณ และทรงกล่าวว่า ‘พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้อยู่ใต้เท้าของท่าน” ’ ฉะนั้นถ้าดาวิดทรงเรียกท่านว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะเป็นเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?”
มัทธิว 22:4-45
ขณะที่พระเยซูทรงสั่งสอนอยู่ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ตรัสถามว่า “ที่พวกธรรมาจารย์ว่าพระคริสต์เป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นไปได้อย่างไร? เพราะว่าดาวิดเองกล่าวโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ‘พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้อยู่ใต้เท้าท่าน” ’ ดาวิดยังเรียกท่านว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านจะเป็นเพียงเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?” มหาชนต่างฟังพระองค์ด้วยความยินดี
มาระโก 12:35-37
พระองค์จึงตรัสถามพวกเขาว่า “ที่มีคนว่า พระคริสต์ทรงเป็นเชื้อสายของดาวิดนั้นเป็นไปได้อย่างไร? เนื่องจากดาวิดเองก็กล่าวไว้ในพระธรรมสดุดีว่า ‘พระเจ้า ตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “จงนั่งด้านขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่าน เป็นที่รองเท้าของท่าน” ’ ในเมื่อดาวิดยังเรียกท่านว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านจะเป็นเพียงเชื้อสายของดาวิดได้อย่างไร?”
ลูกา 20:41-44
เพราะว่าดาวิดไม่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์แต่ท่านกล่าวว่า ‘พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นที่รองเท้าของท่าน ’ เพราะฉะนั้น ให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดทราบแน่นอนว่า พระเจ้าทรงแต่งตั้งพระเยซูที่ท่านทั้งหลายตรึงไว้บนกางเขนนั้น ให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์”
กิจการ 2:34-36
เพราะว่าพระคริสต์ทรงต้องครอบครองจนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้พระบาทของพระคริสต์ ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะว่า “พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจภายใต้พระบาทของพระบุตร ” แต่เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจนั้น ก็รู้ชัดกันอยู่แล้วว่า ยกเว้นพระเจ้าผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เมื่อทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์แล้ว เมื่อนั้นพระบุตรพระองค์เองก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า ผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอก ในทุกสิ่ง
1 โครินธ์ 15:25-28
พระบุตรทรงเป็นแสงสว่างแห่งพระสิริของพระเจ้า ทรงมีแก่นแท้เดียวกับพระเจ้า ทรงค้ำจุนสิ่งทั้งปวงไว้ด้วยพระวจนะอันทรงฤทธานุภาพของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชำระบาปทั้งหลายแล้ว ก็ประทับเบื้องขวาของพระเจ้าสูงสุด แต่กับทูตสวรรค์องค์ใดเล่าที่พระองค์เคยตรัสว่า “จงนั่งที่เบื้องขวาของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นที่รองเท้าของท่าน”
ฮีบรู 1:3, 13
เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีมหาปุโรหิตยิ่งใหญ่ผู้เสด็จผ่านฟ้าสวรรค์แล้ว คือพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ขอให้เรายึดมั่นในหลักความเชื่อที่ประกาศรับไว้ เพราะว่าเราไม่ได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ทรงเคยถูกทดลองใจเหมือนเราทุกอย่าง ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้า เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ มหาปุโรหิตทุกคนก็เลือกมาจากมนุษย์ และแต่งตั้งให้ทำหน้าที่แทนมนุษย์ ในบรรดาการซึ่งเกี่ยวกับพระเจ้า คือนำของถวายและเครื่องบูชามาถวายเพื่อลบล้างบาป ท่านสามารถปฏิบัติอย่างนุ่มนวลต่อคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และที่หลงผิด เพราะท่านเองก็มีความอ่อนแอ เพราะเหตุนี้ท่านจึงต้องถวายเครื่องบูชาเพื่อลบล้างบาป สำหรับตัวเองและสำหรับประชาชนด้วย อนึ่งไม่มีใครรับตำแหน่งอันมีเกียรตินี้เองได้ เว้นแต่พระเจ้าทรงเรียกเขาเหมือนอย่างทรงเรียกอาโรน ในทำนองเดียวกัน พระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาปุโรหิต แต่พระเจ้าตรัสกับพระองค์ว่า “เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า” และตรัสอีกตอนหนึ่งว่า “เจ้าจะเป็นปุโรหิตชั่วนิรันดร์ ตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค” ในระหว่างที่พระคริสต์ ประทับในโลก พระองค์ทรงถวายคำอธิษฐาน และคำร้องขอด้วยเสียงดังและน้ำพระเนตรไหล ต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจาก ความตายได้ และพระเจ้าทรงสดับเนื่องจากความยำเกรงของพระคริสต์ ถึงแม้ว่าพระองค์เป็นพระบุตร พระองค์ก็ทรงเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังโดยการทนทุกข์ต่างๆ เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมแล้ว พระเยซูจึงทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์สำหรับทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์ โดยพระเจ้าทรงตั้งพระองค์เป็นมหาปุโรหิตตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค
ฮีบรู 4:14- 5:10
24. พระเมสสิยาห์จะเป็นลูกหลานของกษัตริย์ดาวิด
เมื่อวันของเจ้าครบแล้ว และเจ้าล่วงหลับอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า เราจะตั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้าคนหนึ่งสืบต่อจากเจ้า ผู้ซึ่งเกิดมาจากตัวเจ้าเอง และเราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา เขาเองจะเป็นผู้สร้างนิเวศเพื่อนามของเรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์แห่งราชอาณาจักรของเขาให้อยู่เป็นนิตย์ เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ถ้าเขาทำบาปเราจะตีสอนเขาด้วยไม้เรียวของมนุษย์ ด้วยการเฆี่ยนอย่างบุตรมนุษย์ทั้งหลาย แต่ความรักมั่นคงของเราจะไม่ละไปจากเขา ดังที่เราละจากซาอูล ซึ่งเราได้ถอดเสียให้พ้นหน้าเจ้า ราชวงศ์ของเจ้าและอาณาจักรของเจ้าจะตั้งมั่นอยู่ต่อหน้าเจ้านิรันดร และบัลลังก์ของเจ้าจะมั่นคงนิรันดร”
2 ซามูเอล 7:12-16
ความสำเร็จ
หนังสือลำดับพงศ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด ผู้สืบตระกูลมาจากอับราฮัม
มัทธิว 1:1
บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย ”
ลูกา 1:32-33
คำของผู้เผยพระวจนะก็สอดคล้องกับเรื่องนี้ ดังที่เขียนไว้แล้วว่า ‘ภายหลังเราจะกลับมา และเราจะสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่ ที่ย่อยยับนั้นเราจะก่อขึ้นอีก และจะตั้งขึ้นใหม่
กิจการ 15:15-16
เพราะว่ามีใครบ้างในพวกทูตสวรรค์ที่พระเจ้า เคยตรัสกับเขาว่า “เจ้าเองเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า” และยังตรัสอีกว่า “เราเองจะเป็นบิดาของเขา และเขาเองจะเป็นบุตรของเรา”
ฮีบรู 1:5
25. พระเมสสิยาห์ได้ถูกพูดถึงทั่วพระคัมภีร์ฮีบรู (นั่นคือพันธสัญญาเดิม)
พระองค์จึงตรัสกับสองคนนั้นว่า “โอ คนโง่เขลาและมีใจเฉื่อยช้าในการเชื่อถ้อยคำซึ่งพวกผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้นั้น พระคริสต์จำเป็นต้องทนทุกข์อย่างนั้นแล้วจึงเข้าในพระสิริของพระองค์ไม่ใช่หรือ?” แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด เขาจึงพูดกันว่า “ใจเรารุ่มร้อนภายในเมื่อพระองค์ตรัสตามทาง และเมื่อทรงอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟังไม่ใช่หรือ?”
ลูกา 24:25-27, 32
26. พระเมสสิยาห์จะเป็น ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช
ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของท่านว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช” การเพิ่มพูนขึ้นของการปกครองและสันติภาพของท่าน จะไม่มีที่สิ้นสุด บนพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ เพื่อจะสถาปนาและเชิดชูมันไว้ ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดร์กาล ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จอมทัพจะทำการนี้
อิสยาห์ 9:6-7
ความสำเร็จ
บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย ”
ลูกา 1:32-33
ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด และในเงาของความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข”
ลูกา 1:79
เราเป็นอาหารดำรงชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าใครกินอาหารนี้ คนนั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ และอาหารที่เราจะให้เพื่อชีวิตของโลกนั้นก็คือเลือดเนื้อของเรา”
ยอห์น 6:51
เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย
ยอห์น 14:27
เรื่องที่พระองค์ทรงฝากไว้กับพวกอิสราเอลคือการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์ผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือคนทั้งหลาย
กิจการ 10:36
ทั้งอัครปิตาก็เป็นของพวกเขาด้วย และพระคริสต์ก็มาจากเขาทางเนื้อหนัง คือพระองค์ผู้ทรงรับการสรรเสริญว่าเป็นพระเจ้าเหนือสารพัดเป็นนิตย์ อาเมน
โรม 9:5
27. พระเมสสิยาห์จะมาหลังจากทูตของพระเจ้าได้เตรียมทางแล้ว
พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า “นี่แน่ะ เราส่งทูตของเราไปเพื่อตระเตรียมหนทางไว้ข้างหน้าเรา และองค์เจ้านายผู้ซึ่งเจ้าแสวงหานั้นจะเสด็จมายังพระวิหารของพระองค์อย่างกะทันหัน ทูตแห่งพันธสัญญาผู้ซึ่งเจ้าพอใจนั้น ดูซี ท่านกำลังมาแล้ว
มาลาคี 3:1
ความสำเร็จ
คือเป็นผู้นี้ที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘เราจะใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคา ของท่าน ไว้ข้างหน้า ท่าน’
มัทธิว 11:10
ตามที่เขียนในพระธรรมอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะว่า “นี่แน่ะ เราใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคา ของท่านไว้
มาระโก 1:2
ทารกเอ๋ย เขาจะเรียกเจ้าว่าผู้เผยพระวจนะของผู้สูงสุด เพราะว่าเจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและจัดเตรียมมรรคา ของพระองค์
ลูกา 1:76
28. พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้ปกครองที่เป็นเจ้าของไม้ถือนั้น
คทาจะไม่ขาดไปจากยูดาห์ ทั้งไม้ถือของผู้ปกครองจะไม่ขาดไปจากหว่างเท้าของเขา จนกว่าชีโลห์จะมา และชนชาติทั้งหลายจะเชื่อฟังเขา
ปฐมกาล 49:10
ความสำเร็จ
‘บ้านเบธเลเฮม ในแผ่นดินยูเดีย จะไม่เป็น บ้านที่เล็กน้อยที่สุดในสายตาของพวกผู้ครองแผ่นดินยูเดีย เพราะว่าเจ้านายองค์หนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา’ ”
มัทธิว 2:6
เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบพระกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงก้มลงนมัสการพระกุมารนั้น แล้วเปิดหีบสมบัติของพวกเขาและถวายเครื่องบรรณาการแด่พระกุมาร คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
มัทธิว 2:11
โดยทางพระองค์นั้นพวกข้าพเจ้าได้รับพระคุณและหน้าที่เป็นอัครทูต เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ให้ไปประกาศแก่ชนทุกชาติให้เขาวางใจและเชื่อฟัง
โรม 1:5
เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีสิทธิ์อ้างสิ่งใด นอกจากสิ่งซึ่งพระคริสต์ได้ทรงทำ โดยทรงใช้ข้าพเจ้าทางคำสอนและการกระทำ เพื่อจะให้คนต่างชาติเชื่อฟัง
โรม 15:18
แต่เดี๋ยวนี้ได้เปิดเผยให้ปรากฏแล้ว โดยคำเขียนของบรรดาผู้เผยพระวจนะ ให้ชนทุกชาติเห็นประจักษ์ ตามซึ่งพระเจ้าผู้ทรงดำรงเป็นนิตย์ ได้ทรงบัญชาไว้เพื่อให้เขาได้เชื่อ
โรม 16:26
เพราะเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงสืบเชื้อสายมาจากเผ่ายูดาห์ และโมเสสก็ไม่เคยกล่าวว่าจะมีปุโรหิตมาจากเผ่านั้นเลย
ฮีบรู 7:14
แล้วมีคนหนึ่งในพวกผู้อาวุโสบอกกับข้าพเจ้าว่า “อย่าร้องไห้เลย นี่แน่ะ สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ ซึ่งเป็นรากเหง้า ของดาวิด ทรงมีชัยชนะแล้ว พระองค์จึงทรงสามารถเปิดหนังสือและแกะตราทั้งเจ็ดดวงได้”
วิวรณ์ 5:5
29. พระเมสสิยาห์จะได้รับพระพร
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอดเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด ขอท่านผู้เข้ามาในพระนามของพระยาห์เวห์ จงได้รับพระพร เราอวยพรพวกท่านจากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์ประทานความสว่างแก่เรา จงเริ่มเทศกาลเลี้ยงด้วยกิ่งไม้ ไปถึงเชิงงอนของแท่นบูชา พระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะยกย่องพระองค์ จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์
สดุดี 118:25-29
ความสำเร็จ
ฝูงชนที่เดินไปข้างหน้าพระองค์ กับพวกที่ตามมาข้างหลังก็โห่ร้องว่า “โฮซันนา แก่บุตรของดาวิด ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ โฮซันนา ในที่สูงสุด”
มัทธิว 21:9
คนที่เดินไปข้างหน้ากับคนที่ตามมาข้างหลังก็โห่ร้องว่า “โฮซันนา ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ ความเจริญรุ่งเรืองจงมีแก่แผ่นดินที่จะมาตั้งอยู่ ซึ่งเป็นของดาวิดบรรพบุรุษของเรา โฮซันนา ในที่สูงสุด”
มาระโก 11:9-10
นี่แน่ะ นิเวศของพวกเจ้าจะถูกทอดทิ้ง เราบอกพวกเจ้าว่า เจ้าจะไม่เห็นเราจนกว่าพวกเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงพระเจริญ’ ”
ลูกา 13:35
ว่า “ขอให้ พระมหากษัตริย์ ผู้เสด็จมา ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงพระเจริญ ขอให้มีสันติในสวรรค์ และพระเกียรติในที่สูงสุด”
ลูกา 19:38
พวกเขาก็ถือทางอินทผลัมพากันออกไปต้อนรับพระองค์ร้องว่า “โฮซันนา ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือ พระมหากษัตริย์แห่งอิสราเอล ทรงพระเจริญ ”
ยอห์น 12:13
30. พระเมสสิยาห์จะเป็นพงศ์พันธุ์ของผู้หญิง
เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้า และพงศ์พันธุ์ของนางด้วย เขาจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ”
ปฐมกาล 3:15
ความสำเร็จ
ไม่ช้าพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงปราบซาตานให้ยับเยินลงใต้ฝ่าเท้าของพวกท่าน ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงอยู่กับท่านเถิด
โรม 16:20
แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ
กาลาเทีย 4:4
พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย และพญานาคก็โกรธแค้นหญิงนั้น มันจึงออกไปทำสงครามกับพงศ์พันธุ์ที่เหลืออยู่ของนาง คือคนทั้งหลายที่รักษาพระบัญญัติของพระเจ้าและยึดถือคำพยานของพระเยซู
วิวรณ์ 12:9, 17
31. พระเมสสิยาห์จะเป็นลูกหลานของอับราฮัมซึ่งทุกชาติได้รับพระพร
เราจะอวยพรคนที่อวยพรเจ้า เราจะสาปคนที่แช่งเจ้า บรรดาเผ่าพันธุ์ทั่วโลกจะได้พรเพราะเจ้า”
ปฐมกาล 12:3
ความสำเร็จ
และบรรดาผู้เผยพระวจนะตั้งแต่ซามูเอลเป็นต้นมาก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน และได้พยากรณ์ถึงวันเหล่านี้ ท่านทั้งหลายเป็นลูกหลานของผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น และของพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกท่าน คือได้ตรัสกับอับราฮัมว่า ‘บรรดาพงศ์พันธุ์ของแผ่นดินโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า’ เมื่อพระเจ้าโปรดให้องค์ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นขึ้นแล้ว ก็ทรงใช้พระองค์มายังท่านทั้งหลายก่อน เพื่ออวยพรแก่พวกท่าน โดยให้ทุกคนหันออกจากบาปของตน”
กิจการ 3:24-26
32. พระเมสสิยาห์จะถูกยกขึ้น
และพระยาห์เวห์ทรงส่งพวกงูพิษมาในหมู่ประชาชน งูก็กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายเป็นจำนวนมาก และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทำบาปเพราะเราต่อว่าพระยาห์เวห์และต่อว่าท่าน ขอทูลวิงวอนพระยาห์เวห์ให้พระองค์ทรงนำงูไปจากเรา” ดังนั้นโมเสสจึงทูลวิงวอนเพื่อประชาชน และพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูพิษ ตัวหนึ่งติดไว้บนเสา และทุกคนที่ถูกงูกัดมองดูงูนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่ได้” ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้บนเสา และเมื่องูกัดใคร ถ้าคนนั้นมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
กันดารวิถี 21:6-9
ความสำเร็จ
โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดาร อย่างไร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น เพื่อทุกคนที่วางใจพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์” พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น คนที่วางใจในพระบุตรจะไม่ถูกพิพากษา ส่วนคนที่ไม่ได้วางใจก็ถูกพิพากษาอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
ยอห์น 3:14-18
33. พระเมสสิยาห์จะเป็นญาติที่สนิทของเรา (kinsman redeemer)
ข้าพเจ้าเองคิดว่า ข้าพเจ้าจะเปิดเผยให้ท่านทราบ และขอบอกว่าจงซื้อไว้ ต่อหน้าคนที่นั่งอยู่ที่นี่และต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ของชาวเมืองเรา ถ้าท่านจะไถ่ไว้ก็จงไถ่เถอะ ถ้าท่านไม่ไถ่จงบอกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะได้ทราบ นอกจากท่านแล้วไม่มีใครมีสิทธิ์ไถ่ได้ ข้าพเจ้าเองมีสิทธิ์ถัดท่านไป” ผู้นั้นจึงบอกโบอาสว่า “ข้าพเจ้าจะไถ่เอง” แล้วโบอาสบอกว่า “ในวันที่ท่านซื้อที่นาจากมือนาโอมีนั้น ท่านก็จะได้รูธชาวโมอับ แม่ม่ายของผู้ตายด้วย เพื่อนามของผู้ตายจะได้สืบต่อไปบนมรดกของเขา” ญาติสนิทคนนั้นตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไถ่เพื่อตนเองอย่างนั้นไม่ได้ จะทำให้มรดกข้าพเจ้าเสียไป ท่านจงเอาสิทธิในการไถ่ของข้าพเจ้าไปไถ่เองเถอะ เพราะข้าพเจ้าไถ่ไม่ได้แล้ว” ต่อไปนี้เป็นธรรมเนียม ในอิสราเอลสมัยก่อน เกี่ยวกับการไถ่และการแลกเปลี่ยน คือเพื่อยืนยันข้อตกลงทุกเรื่อง คนหนึ่งจะถอดรองเท้าข้างหนึ่งของเขาเองมอบให้อีกคนหนึ่ง นี่เป็นการแสดงพยานหลักฐานในอิสราเอล ดังนั้นเมื่อญาติสนิทคนนั้นกล่าวแก่โบอาสว่า “ท่านจงซื้อเองเถิด” เขาก็ถอดรองเท้าข้างหนึ่งของเขาออก แล้วโบอาสจึงกล่าวแก่พวกผู้ใหญ่และประชาชนทั้งปวงว่า “ท่านทั้งหลายเป็นพยานในวันนี้ว่า ข้าพเจ้าได้ซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของเอลีเมเลค และทรัพย์สินทั้งหมดของคิลิโอนและมาห์โลนจากมือนาโอมีแล้ว
นางรูธ 4:4-9
ความสำเร็จ
พระเมตตาของพระองค์มีแก่บรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ ในทุกยุคทุกสมัย เมื่อเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของนางได้ยินว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาแก่นางอย่างมาก เขาทั้งหลายก็พากันชื่นชมยินดี “สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล เพราะว่าพระองค์ทรงเยี่ยมเยียนและทรงไถ่ชนชาติของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงสำแดงพระกรุณาตามที่ทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของเรา และทรงระลึกถึงพันธสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์ โดยพระทัยเมตตาของพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา
ลูกา 1:50, 58, 68, 72, 78
พวกท่านรู้ว่าพวกท่านได้รับการไถ่ออกจากการดำเนินชีวิตที่ไร้สาระ ซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกท่าน ไม่ใช่ไถ่ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง
1 เปโตร 1:18
เพราะทั้งผู้ชำระให้บริสุทธิ์และคนเหล่านั้นที่ได้รับการชำระ ก็มีพระบิดาองค์เดียวกัน ด้วยเหตุนี้ พระเยซูจึงไม่ทรงละอายที่จะเรียกเขาเหล่านั้นว่าพี่น้อง
ฮีบรู 2:11
34. พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้ชอบธรรมที่ทนทุกข์ทรมานเพื่อเรา
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด เพราะน้ำขึ้นมาถึงคอข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์จมอยู่ในเลนลึก ไม่มีที่ยืน ข้าพระองค์มาอยู่ในน้ำลึก และน้ำท่วมข้าพระองค์ ข้าพระองค์เหนื่อยอ่อนกับการร้องไห้ คอของข้าพระองค์แห้งผาก ตาของข้าพระองค์มัวลง ด้วยการรอคอยพระเจ้าของข้าพระองค์ คนที่เกลียดชังข้าพระองค์อย่างไร้เหตุผล มีมากยิ่งกว่าเส้นผมบนศีรษะข้าพระองค์ คนที่ทำลายข้าพระองค์ก็มากมาย คือพวกศัตรูผู้ใส่ร้ายข้าพระองค์ บัดนี้ข้าพระองค์จะต้องส่งคืน สิ่งที่ข้าพระองค์มิได้ขโมยไปหรือ? ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบถึงความโง่ของข้าพระองค์ ความผิดทั้งหลายของข้าพระองค์จะซ่อนไว้จากพระองค์ไม่ได้ ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพ ขออย่าให้บรรดาผู้ที่หวังใน พระองค์ต้องอับอายเพราะข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของอิสราเอล ขออย่าให้บรรดาผู้ที่เสาะหาพระองค์ต้องขายหน้าเพราะข้าพระองค์ เพราะเห็นแก่พระองค์ ข้าพระองค์ได้แบกรับการเยาะเย้ย ความขายหน้าได้คลุมหน้าข้าพระองค์ ข้าพระองค์กลายเป็นแขกแปลกหน้าสำหรับพี่น้อง และเป็นคนต่างด้าวสำหรับบุตรทั้งหลายของมารดา ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์ได้เผาผลาญข้าพระองค์ และคำเยาะเย้ยของผู้ที่เยาะเย้ยพระองค์ตกแก่ข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ร้องไห้และอดอาหาร มันกลายเป็นการเยาะเย้ยข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ใช้ผ้ากระสอบ เป็นเครื่องนุ่งห่ม ข้าพระองค์กลับเป็นขี้ปากของพวกเขา คนที่นั่งที่ประตูเมืองก็พูดเรื่องข้าพระองค์ คนขี้เมาแต่งเพลงร้องเย้ยข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ในเวลาอันเหมาะสม โดยความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์ ขอทรงตอบข้าพระองค์โดยการช่วยกู้ที่แน่นอนของพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ขึ้นจากหล่ม อย่าปล่อยให้ข้าพระองค์จมเลย ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากคนที่เกลียดชังข้าพระองค์ และพ้นจากน้ำลึก ขออย่าให้น้ำท่วมข้าพระองค์ อย่าให้ที่ลึกกลืนข้าพระองค์เสีย อย่าให้ปากแดนคนตายงับข้าพระองค์ไว้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นล้ำเลิศ ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ ขออย่าซ่อนพระพักตร์จากผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทุกข์ยาก ขอทรงรีบตอบข้าพระองค์เถิด ขอเสด็จมาใกล้ข้าพระองค์ ขอทรงไถ่ข้าพระองค์ ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากศัตรู พระองค์ทรงทราบการที่เขาเยาะเย้ยข้าพระองค์ ทั้งความอับอายและความขายหน้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงรู้จักคู่อริทั้งสิ้นของข้าพระองค์ การเยาะเย้ยทำให้ใจข้าพระองค์แตกสลาย ข้าพระองค์จึงล้มป่วย ข้าพระองค์มองหาความเห็นใจ แต่ก็ไม่มี หาผู้ปลอบโยน แต่ก็ไม่พบ พวกเขาให้ของขม เป็นอาหารของข้าพระองค์ ให้น้ำส้มสายชูแก่ข้าพระองค์ดื่มแก้กระหาย ขอทรงให้โต๊ะอาหารตรงหน้าเขาทั้งหลายเป็นกับดักพวกเขา และเป็นบ่วงแร้วสำหรับแขกของพวกเขา ขอทรงให้นัยน์ตาของเขาทั้งหลายมืด เพื่อจะมองไม่เห็น และทรงทำให้บั้นเอวของพวกเขาสั่นสะเทือนเสมอ ขอทรงเทความโกรธของพระองค์ลงเหนือเขาทั้งหลาย และให้ความกริ้วอันร้อนแรงตามทันพวกเขา ขอให้ค่ายของพวกเขาร้างเปล่า อย่าให้ผู้ใดพักอยู่ในเต็นท์ของพวกเขา เพราะพวกเขาได้ข่มเหงผู้ที่พระองค์ทรงเฆี่ยนตี พวกเขาเล่าถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ทรงให้บาดเจ็บแล้ว ขอทรงเพิ่มโทษซ้อนโทษแก่พวกเขา อย่าให้พวกเขาได้รับการอภัยจากพระองค์ ขอให้พวกเขาถูกลบออกจากหนังสือแห่งชีวิต อย่าให้พวกเขาขึ้นทะเบียนไว้ในหมู่คนชอบธรรม แต่ข้าพระองค์ทุกข์ยากและเจ็บปวด ข้าแต่พระเจ้า ขอการช่วยกู้ของพระองค์พิทักษ์รักษาข้าพระองค์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามพระเจ้าด้วยบทเพลง ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ด้วยการขอบพระคุณ การนั้นจะเป็นที่พอพระทัยพระยาห์เวห์มากกว่าวัวผู้ หรือวัวหนุ่มทั้งเขาและกีบ ขอให้บรรดาผู้ถ่อมตัวเห็นการนั้นและยินดี ท่านผู้เสาะหาพระเจ้า ขอให้ใจของท่านฟื้นชื่นขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงฟังคนขัดสน และมิได้ทรงดูหมิ่นคนของพระองค์ที่ถูกจำจอง ขอฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกสรรเสริญพระองค์ ทั้งทะเลและสรรพสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในนั้น เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยศิโยนให้รอด และทรงสร้างเมืองทั้งหลายของยูดาห์ขึ้น เขาทั้งหลายจะอาศัยอยู่ที่นั่น และได้เป็นกรรมสิทธิ์ พงศ์พันธุ์ผู้รับใช้ของพระองค์จะได้เป็นมรดก และผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะอยู่ที่นั่น
สดุดี 69:1-36
ความสำเร็จ
เมื่อมาถึงที่หนึ่งซึ่งเรียกว่ากลโกธา แปลว่าที่กะโหลกศีรษะ เขาทั้งหลายเอาเหล้าองุ่นผสมกับของขมมาถวายพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชิมแล้วก็ไม่เสวย
มัทธิว 27:33-34
พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้ถึงคำที่เขียนไว้ว่า “ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์จะท่วมท้นข้าพระองค์ ”
ยอห์น 2:17
ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เป็นจริงตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ของเขาที่ว่า ‘เขาเกลียดชังเราโดยไม่มีสาเหตุ’
ยอห์น 15:25
เพราะมีคำเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีว่า ‘ขอให้ที่อยู่ของเขาร้างเปล่า และอย่าให้มีใครอยู่ที่นั่น’ และ ‘ขอให้อีกคนหนึ่งมายึดตำแหน่งของเขา’
กิจการ 1:20
ดาวิดกล่าวว่า “ให้งานเลี้ยง ของเขาเป็นบ่วงแร้วและเครื่องดัก เป็นสิ่งให้สะดุดและเป็นสิ่งตอบแทนพวกเขา ให้ตาของเขามืดไปเพื่อเขาจะมองไม่เห็น และให้หลังของเขางอค่อมตลอดไป”
โรม 11:9-10
พวกเราซึ่งมีความเชื่อเข้มแข็ง ควรจะอดทนต่อข้อบกพร่องของคนที่อ่อนแอ ไม่ควรทำอะไรตามความพอใจของตัวเอง เราทุกคนจงทำให้เพื่อนบ้านพอใจ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความเชื่อของเขา เพราะว่าพระคริสต์ไม่ทรงทำสิ่งที่พอพระทัยพระองค์เอง ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “คำพูดเยาะเย้ยของบรรดาผู้ที่เยาะเย้ยท่าน ตกอยู่แก่ข้าพระองค์”
โรม 15:1-3
35. พระเมสสิยาห์จะเป็นความสว่างที่ยิ่งใหญ่
แต่เมืองนั้นที่อยู่ในสภาพโศกเศร้าจะไม่ทุกข์ระทมอีก ในกาลก่อนพระองค์ทรงให้แคว้นเศบูลุนและแคว้นนัฟทาลีเป็นที่ดูหมิ่น แต่ในภายหลัง พระองค์จะทรงทำหนทางฝั่งทะเล และดินแดนฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือกาลิลีของบรรดาประชาชาติ นั้นให้รุ่งโรจน์ ชนชาติที่ดำเนินในความมืด เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งเงามัจจุราช แสงสว่างส่องมาบนเขาทั้งหลาย
อิสยาห์ 9:1-2
ความสำเร็จ
แล้วทรงย้ายที่ประทับ จากเมืองนาซาเร็ธไปที่เมืองคาเปอรนาอุม ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบในเขตของเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี เพื่อที่จะให้สำเร็จตามพระวจนะ ซึ่งตรัสผ่านทางอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะว่า “แคว้นเศบูลุนและแคว้นนัฟทาลี ที่อยู่บนทางไปยังทะเล และฝั่งแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น กาลิลีของพวกต่างชาติ ประชาชนผู้นั่งอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ และผู้ที่นั่งอยู่ในแดนและเงาแห่งความตาย ก็มีความสว่างส่องถึงพวกเขาแล้ว”
มัทธิว 4:13-16
เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์รู้ถึงความรอด ซึ่งมาทางการทรงยกโทษบาปเขาเหล่านั้น โดยพระทัยเมตตาของพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด และในเงาของความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข”
ลูกา 1:77-79
36. พระเมสสิยาห์จะถูกเรียกว่าชาวนาซาเร็ธ
จะมีหน่อหนึ่งแตกออกจากตอของเจสซี และกิ่งหนึ่งที่งอกจากรากของเขานั้นจะเกิดผล
อิสยาห์ 11:1
ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน
อิสยาห์ 53:3
ความสำเร็จ
ไปอาศัยในเมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธ เพื่อจะสำเร็จตามพระวจนะ ซึ่งตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่าท่านจะได้ชื่อว่าชาวนาซาเร็ธ
มัทธิว 2:23
37. พระเมสสิยาห์ จะทำหมายสำคัญการรักษาโรค
แล้วตาของคนตาบอดจะได้เห็น และหูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดอย่างกวาง และลิ้นของคนใบ้จะโห่ร้องยินดี เพราะน้ำจะพลุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร และลำธารเกิดขึ้นในที่ราบแห้งแล้ง
อิสยาห์ 35:5-6
ความสำเร็จ
พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “ไปบอกยอห์นในสิ่งที่พวกท่านได้ยินและได้เห็น คือว่าบรรดาคนตาบอดเห็นได้ พวกคนง่อยเดินได้ บรรดาคนที่เป็นโรคเรื้อนหายสะอาด บรรดาคนหูหนวกได้ยิน บรรดาคนตายเป็นขึ้น และคนยากจนทั้งหลายได้รับข่าวดี ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข”
มัทธิว 11:4-6
เมื่อสองคนนั้นไปหาพระองค์แล้ว เขาก็ทูลว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านเพื่อถามว่า ‘ท่านเป็นคนที่จะมานั้นหรือ? หรือว่าเราจะต้องคอยอีกคนหนึ่ง?’ ” ในเวลานั้น พระเยซูทรงรักษาคนจำนวนมากให้หายจากโรคภัยต่างๆ และพ้นจากพวกวิญญาณชั่ว และทรงรักษาคนตาบอดหลายคนให้เห็นได้ แล้วพระองค์ตรัสตอบสองคนนั้นว่า “ไปบอกยอห์นในสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่าคนตาบอดเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายเป็นขึ้นมา และพวกคนยากจนก็ได้รับฟังข่าวดี ใครไม่มีเหตุสะดุดในตัวเรา คนนั้นก็เป็นสุข”
ลูกา 7:20-23
38. พระเมสสิยาห์จะมาหลังจากผู้เตรียมทาง
เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมมรรคาของพระยาห์เวห์ในถิ่นทุรกันดาร จงทำทางหลวงในที่ราบแห้งแล้งให้ตรงสำหรับพระเจ้าของเรา หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมสูงขึ้น ภูเขาและเนินเขาทุกลูกจะปรับให้ต่ำลง ที่ลุ่มๆ ดอนๆ จะทำให้เสมอ และที่สูงๆ ต่ำๆ จะให้ราบเรียบ และพระสิริของพระยาห์เวห์จะปรากฏ แล้วมนุษย์ทุกคนจะมองเห็นด้วยกัน เพราะพระโอษฐ์ ของพระยาห์เวห์ตรัสไว้แล้ว”
อิสยาห์ 40:3-5
ความสำเร็จ
ในเวลานั้นยอห์นผู้ให้บัพติศมา มาประกาศในถิ่นทุรกันดารแคว้นยูเดียว่า “จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว” ยอห์นผู้นี้แหละที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวถึงว่า “มีเสียงของผู้หนึ่งป่าวร้องในถิ่นทุรกันดารว่า จงเตรียมมรรคา แห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำหนทาง ของพระองค์ ให้ตรงไป”
มัทธิว 3:1-3
ทารกเอ๋ย เขาจะเรียกเจ้าว่าผู้เผยพระวจนะของผู้สูงสุด เพราะว่าเจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและจัดเตรียมมรรคา ของพระองค์
ลูกา 1:76
ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลของจักรพรรดิทิเบริอัส ปอนทิอัสปีลาตเป็นเจ้าเมืองยูเดีย เฮโรดเป็นเจ้าเมืองกาลิลี ฟีลิปน้องชายของเฮโรดเป็นเจ้าเมืองอิทูเรียกับเมืองตราโคนิติส ลีซาเนียสเป็นเจ้าเมืองอาบีเลน และอันนาสกับคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิต ช่วงเวลานี้เองที่พระวจนะของพระเจ้ามาถึงยอห์นบุตรเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดาร ยอห์นจึงไปทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ประกาศให้คนกลับใจใหม่และรับบัพติศมาเพื่อให้พระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาป
ลูกา 3:1-3
คือท่านผู้นี้ที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘เราจะใช้ทูตของเรานำหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคา ไว้ข้างหน้า ท่าน’
ลูกา 7:27
พวกเขาจึงถามว่า “แล้วท่านเป็นใคร? ขอให้ตอบมา จะได้ไปบอกคนที่ใช้เรามา ท่านจะตอบเรื่องตัวท่านว่าอย่างไร?” ท่านตอบว่า “เรา เป็นเสียงของคนที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงทำมรรคา ขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป’ ตามที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้”
ยอห์น 1:22-23
39. พระเมสสิยาห์ จะเป็นความสว่างให้ชนชาติทั้งหลายของโลก
ดูสิ ผู้รับใช้ของเรา ผู้ซึ่งเราเชิดชู ผู้เลือกสรรของเรา ผู้ซึ่งใจเราปีติยินดี เราเอาวิญญาณของเราใส่ไว้บนท่าน ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปยังบรรดาประชาชาติ ท่านจะไม่ร้องเสียงดังหรือเปล่งเสียงของท่าน หรือทำให้เสียงของท่านได้ยินตามถนน ไม้อ้อช้ำแล้ว ท่านจะไม่หัก และไส้ตะเกียงริบหรี่นั้น ท่านจะไม่ดับ ท่านจะส่งความยุติธรรมออกไปด้วยความซื่อสัตย์ ท่านจะไม่อ่อนล้า หรือชอกช้ำ จนกว่าท่านจะสถาปนาความยุติธรรมไว้ในโลก และแผ่นดินชายทะเลรอคอยธรรมบัญญัติของท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้า ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และทรงขึงมันไว้ ผู้ทรงแผ่แผ่นดินโลกและสิ่งที่บังเกิดออกมาจากโลก ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนบนโลก และประทานวิญญาณแก่ผู้ดำเนินอยู่บนโลก ตรัสดังนี้ว่า “เราคือยาห์เวห์ เราเรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราฉวยมือเจ้าและรักษาเจ้าไว้ เราให้เจ้าเป็นเหมือนพันธสัญญาแก่มนุษยชาติ และเป็นความสว่างแก่บรรดาประชาชาติ เพื่อเปิดตาคนตาบอดทั้งหลาย เพื่อนำผู้ถูกจำจองออกจากคุก นำผู้นั่งในความมืดออกจากเรือนจำ
อิสยาห์ 42:1-7
ความสำเร็จ
แต่พระเยซูทรงทราบ จึงเสด็จออกไปจากที่นั่น และมหาชนเดินตามพระองค์ไป พระองค์ก็ทรงรักษาเขาทั้งหลายให้หายโรคทุกคน แล้วพระองค์ทรงกำชับพวกเขาไม่ให้แพร่งพรายว่า พระองค์คือใคร ทั้งนี้เพื่อจะให้เป็นไปตามคำของอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ ว่า “นี่แน่ะ ผู้รับใช้ของเราซึ่งเราเลือกสรรไว้ ที่รักของเรา ผู้ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้วิญญาณของเราอยู่กับท่าน ท่านจะประกาศความยุติธรรมกับบรรดาประชาชาติ
มัทธิว 12:15-18
เมื่อสิเมโอนเข้าไปในบริเวณพระวิหารโดยการทรงนำของพระวิญญาณ และขณะที่บิดามารดานำพระกุมารเยซูเข้าไปเพื่อจะทำต่อพระกุมารตามธรรมเนียมของธรรมบัญญัตินั้น สิเมโอนเข้าไปอุ้มพระกุมาร และสรรเสริญพระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย บัดนี้ขอทรงให้ทาสของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะว่าตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์แล้ว ซึ่งพระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าชนชาติทั้งหลาย เป็นความสว่างที่ส่องแก่คนต่างชาติ และเป็นศักดิ์ศรีของพวกอิสราเอลชนชาติของพระองค์”
ลูกา 2:27-32
พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”
ยอห์น 8:12
40. พระเมสสิยาห์จะเป็นผู้ที่คนอื่นคิดที่จะฆ่าแต่อย่างไรก็ตามมีความหวัง
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ได้ยินเสียงในเมืองรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ นางราเชลร้องไห้คร่ำครวญ เพราะบุตรทั้งหลายของตน นางไม่รับคำปลอบโยนในเรื่องบุตรทั้งหลายของตน เพราะว่าบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว”
เยเรมีย์ 31:15
ความสำเร็จ
เมื่อเฮโรดทรงเห็นว่าพวกนักปราชญ์หลอกท่านก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งคนไปฆ่าเด็กผู้ชายทั้งหมดในบ้านเบธเลเฮม และในบริเวณใกล้เคียงที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา โดยนับเวลาตามที่ท่านทรงทราบจากพวกนักปราชญ์ ครั้งนั้นก็สำเร็จตามพระวจนะที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะว่า “ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้ เสียงดัง คือนางราเชลร้องไห้คร่ำครวญเพราะบรรดาบุตรของตน นางไม่รับฟังคำปลอบใจ เพราะบุตรทั้งหลายไม่อยู่แล้ว”
มัทธิว 2:16-18