เลือกดาวน์โหลด... ซ้ายมือสำหรับทำรูปแบบหนังสือ ขวามือสำหรับรูปแบบมือถือหรือแผ่นใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ
Choose a download... left for booklet, right for digital or other use.
ภาษาไทย
หลักคำสอนพระตรีเอกานุภาพ
The doctrine of the Trinity
The doctrine of the Trinity
The bible on buddhism
ข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับศาสนาพุทธ
The christian bibles position on basic buddhist doctrine and practice.
ข้อพระคัมภีร์ต่างๆเกี่ยวกับหลักคำสอนศาสนาพุทธ
ส่วนที่ 1- อริยสัจสี่:
1. ทุกข์หรือทุกขา; หมายความว่าความทุกข์ทรมานที่เจ็บปวด
-เห็นด้วยบางส่วน (ความเป็นคนบาป)
พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา -ปฐมกาล 6:5
พระยาห์เวห์ทรงได้กลิ่นที่พอพระทัยแล้ว ทรงดำริในพระทัยว่า “เราจะไม่สาปแผ่นดินอีกต่อไป แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี เพราะเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ร้ายมาตั้งแต่เด็ก เราจะไม่ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอีก ดังที่เราได้ทำแล้วนั้น -ปฐมกาล 8:21
แท้จริง ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่ว และข้าพระองค์เป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา -สดุดี 51:5
คนอธรรมหลงเจิ่นไปตั้งแต่ออกจากครรภ์ เขาหลงเตลิดและพูดมุสามาตั้งแต่เกิด -สดุดี 58:3
แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก ที่ทำแต่ความดี และไม่เคยทำบาปเลย -ปัญญาจารย์ 7:20
ข้าพระองค์ทุกคนกลายเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน และความชอบธรรมทั้งหมดของพวกข้าพระองค์เหมือนเสื้อผ้าสกปรก ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงเหมือนใบไม้ และความผิดบาปของพวกข้าพระองค์พัดพาพวกข้าพระองค์ไปเหมือนลม -อิสยาห์ 64:6
คนคูชเปลี่ยนสีผิวของตนเอง หรือเสือดาวเปลี่ยนลายของมันได้หรือ? ถ้าได้แล้วพวกเจ้าผู้ที่เคยชินต่อการทำความชั่ว จึงจะมาทำความดีได้ -เยเรมีย์ 13:23
จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ใครจะรู้จักใจนั้นเล่า? -เยเรมีย์ 17:9
ไม่มีใครมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา และเราจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย -ยอห์น 6:44
แล้วพระองค์ตรัสว่า “เพราะเหตุนี้เราจึงบอกพวกท่านว่า ‘ไม่มีใครมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาจะโปรดคนนั้น’ ” -ยอห์น 6:65
เพราะถึงแม้ว่าเขาได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็ไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือขอบพระคุณพระองค์ แต่พวกเขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป -โรม 1:21
ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด พวกเขาเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี ไม่มีเลย -โรม 3:10-12
เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า -โรม 3:23
ด้วยว่าในตัวข้าพเจ้า คือในเนื้อหนังของข้าพเจ้าไม่มีความดีใดอยู่เลย เพราะว่าเจตนาดีข้าพเจ้าก็มีอยู่ แต่การดีนั้นไม่สามารถทำได้เลย -โรม 7:18
เพราะว่าการเอาใจใส่เนื้อหนังนั้นคือการเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ และคนที่อยู่ในเนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็ไม่ได้ -โรม 8:7-8
แต่คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะว่าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ และเขาไม่สามารถเข้าใจ เพราะจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ -1 โครินธ์ 2:14
ท่านทั้งหลายตายโดยการละเมิดและการบาปของท่าน เมื่อก่อนพวกท่านเคยดำเนินชีวิตในการบาปนั้นตามวิถีของโลกนี้ ตามผู้ครอบครองที่มีอำนาจในฟ้าอากาศ คือวิญญาณที่ทำกิจอยู่ในพวกคนที่ไม่เชื่อฟังในเวลานี้ เมื่อก่อนเราทุกคนเคยประพฤติเหมือนพวกเขาตามตัณหาของเนื้อหนัง คือทำตามความต้องการของเนื้อหนังและของความคิด โดยวิสัยแล้วเราจึงเป็นคนที่สมควรได้รับการลงโทษเหมือนอย่างคนอื่นๆ -เอเฟซัส 2:1-3
ความคิดของเขาทั้งหลายถูกทำให้มืดมนไป และเขาขาดจากชีวิตที่มาจากพระเจ้าเนื่องจากความไม่รู้ที่อยู่ในตัว และความแข็งกระด้างในจิตใจ -เอเฟซัส 4:18
-ไม่เห็นด้วยบางส่วน (พระเมตตาทั่วไป common grace ที่ไม่สมควรได้รับ)
พระยาห์เวห์ทรงดีต่อทุกคน และพระกรุณาของพระองค์อยู่เหนือพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์ -สดุดี 145:9
เพื่อว่าพวกท่านจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม -มัทธิว 5:45
แต่จงรักศัตรูของท่านและทำดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืน แล้วบำเหน็จของท่านทั้งหลายจะมีบริบูรณ์ แล้วท่านจะเป็นบุตรขององค์ผู้สูงสุด เพราะว่าพระองค์ทรงพระกรุณาทั้งต่อคนอกตัญญูและคนชั่ว -ลูกา 6:35
ในยุคก่อนๆ พระองค์ทรงยอมให้ประชาชาติต่างๆ ประพฤติตามทางของพวกเขา แต่พระองค์ไม่ได้ทรงขาดพยานในเรื่องคุณความดี คือทรงให้ฝนตกจากฟ้าและทรงให้เกิดผลตามฤดู ทรงให้พวกท่านอิ่มเอมด้วยอาหารและความชื่นบานในจิตใจ” -กิจการ 14:16-17
2. สมุทัยหรือสมุทัยา; หมายความว่าต้นเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งเรารู้ว่ามันเป็นกรรมหรือความบาป
-เห็นด้วยบางส่วน (เจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ได้ทำให้ทรมานในชีวิตชีวิตนี้และต่อไปในไฟนรก)
มีทางหนึ่งซึ่งคนเราคิดว่าถูก แต่ปลายทางคือความมรณา -สุภาษิต 14:12
แต่บาปชั่วของพวกท่านได้ทำให้เกิดการแยก ระหว่างพวกท่านกับพระเจ้าของท่าน และบาปของพวกท่านได้บดบังพระพักตร์พระองค์เสียจากท่าน และจากการที่พระองค์จะทรงฟัง -อิสยาห์ 59:2
ตัวคนที่ทำบาปจะต้องตาย บุตรไม่ต้องรับโทษความผิดบาปของบิดา บิดาก็ไม่ต้องรับโทษความผิดบาปของบุตร คนชอบธรรมจะรับผลความชอบธรรมของตน และคนอธรรมจะรับผลการอธรรมของตน -เอเสเคียล 18:20
ถ้ามือของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย การที่จะเข้าสู่ชีวิตด้วยมือด้วน ยังดีกว่ามีทั้งสองมือแต่ต้องลงไปสู่นรกในไฟที่ไม่มีวันดับ -มาระโก 9:43
พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า” -ยอห์น 3:3
เพราะเหตุนี้ บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป -โรม 5:12
เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา -โรม 6:23
อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น -กาลาเทีย 6:7-8
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น -1 ยอห์น 1:9
สำหรับเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ และเมืองต่างๆ ที่อยู่รอบๆ นั้นก็เช่นเดียวกัน ได้ประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศและมัวเมาในกามวิตถาร จึงเป็นตัวอย่างของการรับโทษในไฟนิรันดร์ -ยูดา 1:7
-ไม่เห็นด้วยบางส่วน (เจตนาที่บริสุทธิ์และยุติธรรมเป็นสิ่งที่ดี แต่เป็นสิ่งที่จำกัดให้คนที่ได้รับการบังเกิดใหม่)
จงปีติยินดีในพระยาห์เวห์ และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน -สดุดี 37:4
พระองค์ประทานตามความปรารถนาของบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ พระองค์ทรงฟังเสียงร้องทูลของพวกเขาด้วย และทรงช่วยเขาให้รอด -สดุดี 145:19
เพราะถ้าเจ้าร้องหาความรอบรู้ และเปล่งเสียงของเจ้าหาความเข้าใจ ถ้าเจ้าแสวงหาปัญญาเหมือนหาเงิน และเสาะหาเธออย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ แล้วเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระยาห์เวห์ และพบความรู้ของพระเจ้า -สุภาษิต 2:3-5
สิ่งที่คนอธรรมกลัว มันจะมาถึงเขา แต่สิ่งที่คนชอบธรรมปรารถนา พระองค์จะประทานให้ -สุภาษิต 10:24
“คนที่หิวและกระหาย ความชอบธรรมก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่ม -มัทธิว 5:6
3. นิโรธหรือนิโรธะ ; หมายความว่าความทุกข์ในชีวิตของเราย่อมมีวันที่ลงได้
-เห็นด้วยบางส่วน (มีวันสิ้นสุดความบาป คือ ผ่านทางการไถ่บาป มีการชำระให้ชอบธรรม การบังเกิดใหม่ การชำระให้บริสุทธิ์ การได้รับเกียรติสิริ)
ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น -2 โครินธ์ 5:17
พระเจ้าทรงทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์ -2 โครินธ์ 5:21
ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า -กาลาเทีย 2:20
แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว -กาลาเทีย 5:16, 24
บุตรทั้งหลายมีเลือดและเนื้อเช่นกันอย่างไร พระองค์ก็ทรงมีส่วนเช่นนั้นด้วยอย่างนั้น เพื่อโดยทางความตายนั้น พระองค์จะทรงทำลายมารผู้มีอำนาจแห่งความตาย -ฮีบรู 2:14
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น -1 ยอห์น 1:9
พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขาทั้งหลาย และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว” -วิวรณ์ 21:4
-ไม่เห็นด้วยบางส่วน (วันสิ้นสุดความบาปไม่ได้หมายความว่า วันสิ้นสุดความทุกข์ และในความเป็นจริงความทุกข์ของเราบางอย่างจะเพิ่มขึ้น)
คนชอบธรรมอาจมีความทุกข์ใจหลายอย่าง แต่พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้เขาออกมาให้พ้นหมด -สดุดี 34:19
“คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย “เมื่อพวกเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข จงชื่นชมและยินดี เพราะว่าบำเหน็จของพวกท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวกเขาข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะ ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน -มัทธิว 5:10-12
และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา -มัทธิว 10:38
ท่านทั้งสองทำให้บรรดาสาวกมีจิตใจเข้มแข็งขึ้น และหนุนใจพวกเขาให้ดำรงอยู่ในความเชื่อ โดยกล่าวว่า เราจะต้องทนความยากลำบากหลายอย่างในการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า -กิจการ 14:22
ยิ่งกว่านั้น เราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง -โรม 5:3-4
เพราะความรักของพระคริสต์มากท่วมท้นเราอย่างไร การหนุนใจของพระคริสต์ก็มากท่วมท้นเราอย่างนั้น -2 โครินธ์ 1:5
เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีนิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบ -2 โครินธ์ 4:17
เพราะพระเจ้าทรงให้พระคุณแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ไม่ใช่ให้ท่านทั้งหลายเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย -ฟีลิปปี 1:29
ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ คือรู้จักฤทธิ์เดชแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์และรู้จักการมีส่วนร่วมในความทุกข์ของพระองค์ และเป็นเหมือนกับพระองค์ในความตายนั้น -ฟีลิปปี 3:10
แท้จริงทุกคนที่ตั้งใจจะดำเนินชีวิตตามทางพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกข่มเหง -2 ทิโมธี 3:12
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับใครเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตีคนนั้น” ท่านทั้งหลายจงสู้ทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านเหมือนท่านเป็นบุตรของพระองค์ เพราะว่ามีบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่ตีสอน? -ฮีบรู 12:6-7
พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย -ยากอบ 1:2-4
ในสิ่งนี้พวกท่านชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่พวกท่านต้องทนทุกข์ในการทดลองต่างๆ นานาชั่วระยะหนึ่ง เพื่อการทดสอบความเชื่อของพวกท่าน (อันล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำ ที่แม้ว่าจะเสื่อมสลายไปได้ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ) จะนำไปสู่การสรรเสริญ ศักดิ์ศรี และเกียรติ ในเวลาที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาปรากฏ -1 เปโตร 1:6-7
เพราะพระเจ้าทรงเรียกพวกท่านเพื่อจุดประสงค์นี้ เพราะว่าพระคริสต์ทรงทนทุกข์เพื่อพวกท่าน พระองค์ทรงวางแบบอย่างแก่พวกท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ -1 เปโตร 2:21
ดังนั้น โดยเหตุที่พระคริสต์ได้ทรงทนทุกข์ทางพระกายแล้ว พวกท่านก็จงติดอาวุธตัวเองโดยมีความคิดเดียวกันกับพระองค์ เพราะว่าผู้ที่ทนทุกข์ทางกายก็เลิกข้องเกี่ยวกับบาปอีกต่อไป -1 เปโตร 4:1
4. มรรคหรือมุกติ; หมายความว่าหนทางแห่งการหลุดพ้น (คือ มรรคมีองค์แปด)
-เห็นด้วยบางส่วน (ถ้าความสมบูรณ์แบบเป็นไปได้)
“ถ้าเจ้าทั้งหลายดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา รักษาบัญญัติของเรา และทำตาม เราจะประทานฝนตามฤดูแก่เจ้า แผ่นดินจะเกิดพืชผล ต้นไม้ในทุ่งจะบังเกิดผล เวลานวดข้าวจะยาวนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น ฤดูเก็บผลองุ่นจะยาวนานไปถึงฤดูหว่าน พวกเจ้าจะรับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำ และอยู่ในแผ่นดินของเจ้าอย่างปลอดภัย เราจะให้เกิดสันติภาพในแผ่นดิน เจ้าทั้งหลายจะนอนลง และไม่มีใครทำให้เจ้ากลัว เราจะขจัดสัตว์ร้ายจากแผ่นดิน และดาบจะไม่ผ่านแผ่นดินของพวกเจ้าเลย พวกเจ้าจะขับไล่ศัตรูของเจ้าทั้งหลาย เขาทั้งหลายจะล้มลงต่อหน้าพวกเจ้าด้วยดาบ พวกเจ้าห้าคนจะขับไล่ศัตรูร้อยคน พวกเจ้าร้อยคนจะขับไล่ศัตรูหมื่นคน ศัตรูของพวกเจ้าจะล้มลงด้วยดาบต่อหน้าเจ้าทั้งหลาย และเราจะคิดถึงพวกเจ้า จะทำให้พวกเจ้ามีพงศ์พันธุ์มากยิ่งขึ้น และรักษาพันธสัญญาซึ่งมีไว้กับเจ้าทั้งหลาย พวกเจ้าจะได้รับประทานของที่สะสมไว้นาน และจะต้องเอาของเก่าออกไปเพื่อจะมีที่สำหรับเก็บของใหม่ -เลวีนิติ 26:3-10
ถ้าพวกเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน -อิสยาห์ 1:19
ถ้าเจ้าเชื่อฟังบัญญัติของเรา แล้วความสมบูรณ์พูนสุขของเจ้าจะเป็นเหมือนแม่น้ำ และความชอบธรรมของเจ้าจะเหมือนคลื่นทะเล -อิสยาห์ 48:18
เพราะฉะนั้นพวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม เหมือนอย่างที่พระบิดาของท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม -มัทธิว 5:48
พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ถ้าใครรักเรา คนนั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วเราทั้งสองจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา คนที่ไม่รักเราก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำที่พวกท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา -ยอห์น 14:23-24
เพราะว่าคนที่เพียงแต่ฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า คนที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าทรงทำให้เป็นผู้ชอบธรรม -โรม 2:13
-ไม่เห็นด้วยส่วนหนึ่ง (เพราะว่าความสมบูรณ์แบบเป็นไปไม่ได้)
ข้าพระองค์ทุกคนกลายเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน และความชอบธรรมทั้งหมดของพวกข้าพระองค์เหมือนเสื้อผ้าสกปรก ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงเหมือนใบไม้ และความผิดบาปของพวกข้าพระองค์พัดพาพวกข้าพระองค์ไปเหมือนลม -อิสยาห์ 64:6
แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก ที่ทำแต่ความดี และไม่เคยทำบาปเลย -ปัญญาจารย์ 7:20
ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย -โรม 3:10
เพราะว่าการเอาใจใส่เนื้อหนังนั้นคือการเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ -โรม 8:7
ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา และพระดำรัสของพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย -1 ยอห์น 1:8-10
ส่วนที่ 2- มรรคมีองค์แปด
“จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่ และทางกว้างนั้นนำไปถึงความพินาศ และคนทั้งหลายที่เข้าไปทางนั้นมีมาก เพราะประตูที่แคบและทางที่ลำบากนั้นนำไปสู่ชีวิต และพวกที่หาพบก็มีน้อย" -มัทธิว 7:13-14
1. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นที่ถูกต้อง)
สาระสำคัญแห่งพระวจนะของพระองค์ คือความจริง และกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์ทุกข้อดำรงอยู่เป็นนิตย์ ש (ซิน) -สดุดี 119:160
พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ คือทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง -สดุดี 145:18
พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง -ยอห์น 1:14
พระองค์ทรงเป็นพยานถึงสิ่งที่พระองค์ทอดพระเนตรเห็นและทรงได้ยิน แต่ไม่มีใครรับคำพยานของพระองค์ -ยอห์น 3:32
พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา -ยอห์น 14:6
ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง -ยอห์น 17:17
เพราะฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก -เอเฟซัส 6:14
พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง -2 ทิโมธี 3:16-17
และเรารู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว และประทานสติปัญญาแก่เรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์ผู้ทรงสัตย์จริง และเราอยู่ในพระองค์นั้นโดยอยู่ในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าแท้และเป็นชีวิตนิรันดร์ -1 ยอห์น 5:20
ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง -1 ยอห์น 3:18
2. สัมมาสังกัปปะ (ความคิดที่ถูกต้อง)
จงมอบทางของท่านไว้กับพระยาห์เวห์ จงวางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงช่วยท่าน -สดุดี 37:5
จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ แล้วแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนา -สุภาษิต 16:3
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า -ฟีลิปปี 3:13
ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว -2 ทิโมธี 4:7
3. สัมมาวาจา (วาจาที่ถูกต้อง)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด -สดุดี 19:14
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์ ขอทรงเฝ้าระวังประตูริมฝีปากของข้าพระองค์ -สดุดี 141:3
พูดมากคำย่อมทำบาปได้ แต่คนที่ยับยั้งปากของตนก็เป็นคนฉลาด -สุภาษิต 10:19
คำตอบนุ่มนวลช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ ลิ้นของคนมีปัญญายกย่องความรู้ แต่ปากของคนโง่เทความโง่ออกมา -สุภาษิต 15:1-2
ความตายและชีวิตอยู่ในอำนาจของลิ้น และผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน -สุภาษิต 18:21
คนที่ระวังปากและลิ้นของตน ก็ปกป้องตัวเองจากความยุ่งยาก -สุภาษิต 21:23
ส่วนเราบอกพวกท่านว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น มนุษย์จะต้องรับผิดชอบถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา -มัทธิว 12:36
ไม่ใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” -มัทธิว 15:11
คนดีย่อมเอาสิ่งดีออกจากคลังดีในจิตใจของตน และคนชั่วย่อมเอาสิ่งชั่วออกจากคลังชั่วในจิตใจของตน เพราะว่าปากย่อมพูดสิ่งที่เต็มล้นอยู่ในจิตใจ -ลูกา 6:45
อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย แต่จงกล่าวคำดีๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน -เอเฟซัส 4:29
และการพูดลามก การพูดเล่นไม่เป็นเรื่อง หรือการพูดหยาบโลน ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่จงขอบพระคุณดีกว่า -เอเฟซัส 5:4
จงให้ถ้อยคำของท่านทั้งหลายประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร -โคโลสี 4:6
พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ -ยากอบ 1:19
ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็นคนมีธรรมะแต่ไม่ได้ควบคุมลิ้นของตน เขาก็หลอกลวงจิตใจของตนเอง และธรรมะของคนนั้นก็ไม่มีประโยชน์ -ยากอบ 1:26
4. สัมมากัมมันตะ (การปฏิบัติที่ถูกต้อง)
มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ -มีคาห์ 6:8
ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ -มัทธิว 5:16
“จงระวัง อย่าทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นท่านทั้งหลายจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ -มัทธิว 6:1
“ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’ -มัทธิว 7:21-23
การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย เราอย่าอวดตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉากันเลย -กาลาเทีย 5:19-26
อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร -กาลาเทีย 6:9
เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากการกระทำ เพื่อไม่ให้ใครอวดได้ เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเพื่อให้เราดำเนินตาม -เอเฟซัส 2:8-10
เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์ -ฟีลิปปี 2:13
และเมื่อท่านทั้งหลายทำสิ่งใดไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือด้วยการประพฤติ จงทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดา โดยทางพระองค์ ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ -โคโลสี 3:17, 23
เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง -2 ทิโมธี 3:17
ท่านเองจงประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างในการดีทุกด้าน ในการสอนอย่างจริงใจ จริงจัง และถูกต้องที่ไม่มีใครจะตำหนิได้ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามอับอายและไม่สามารถกล่าวร้ายอะไรต่อเรา จงให้ทาสทั้งหลายเชื่อฟังนายของตน และทำสิ่งที่ถูกใจนายทุกอย่าง อย่าให้เถียงเลย -ทิตัส 2:7-9
และให้คนของเราเรียนรู้ที่จะทำการดีด้วย เพื่อช่วยจัดหาสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่เป็นคนที่ไร้ผล -ทิตัส 3:14
และขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกันให้มีความรักและทำความดี -ฮีบรู 10:24
ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดานั้น คือการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก -ยากอบ 1:27
พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ? ถ้าพี่น้องชายหญิงคนไหนขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน แล้วมีใครในพวกท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ขอให้กลับไปอย่างเป็นสุข ให้อบอุ่น และอิ่มหนำสำราญเถิด” แต่ไม่ได้ให้สิ่งจำเป็นฝ่ายกายแก่พวกเขา จะมีประโยชน์อะไร? ทำนองเดียวกัน ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น ยากอบ 2:14-17, 26
เพราะฉะนั้น คนที่รู้ว่าอะไรเป็นความดีที่ต้องทำ แต่ไม่ได้ทำ คนนั้นจึงมีบาป -ยากอบ 4:17
5. สัมมาอาชีวะ (การหาเลี้ยงชีพที่ถูกต้อง)
พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอาศัยอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและดูแลสวน -ปฐมกาล 2:15
ขอความโปรดปรานขององค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่เหนือเหล่าข้าพระองค์ ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้เหนือพวกข้าพระองค์ ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลาย -สดุดี 90:17
มีกำไรอยู่ในงานที่เหนื่อยยากทุกอย่าง การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน -สุภาษิต 14:23
จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ แล้วแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนา -สุภาษิต 16:3
คนเกียจคร้านในการงาน ก็เป็นพี่น้องกับคนที่ชอบทำลาย -สุภาษิต 18:9
แผนงานของคนขยันนำไปสู่กำไรแน่นอน แต่ทุกคนที่ผลีผลามก็มาสู่ความขาดแคลนแน่แท้ -สุภาษิต 21:5
มือของเจ้าจับงานอะไร ก็จงทำการนั้นด้วยเต็มกำลัง เพราะในแดนคนตายที่เจ้าจะไปนั้นไม่มีการงาน หรือความคิด หรือความรู้ หรือปัญญา -ปัญญาจารย์ 9:10
บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก -มัทธิว 11:28
อย่าทำงานเพื่อแสวงหาอาหารที่เสื่อมสูญได้ แต่จงแสวงหาอาหารที่คงทนอยู่จนถึงชีวิตนิรันดร์ ซึ่งบุตรมนุษย์จะมอบให้กับพวกท่าน เพราะพระเจ้าคือพระบิดาทรงรับรองท่านผู้นี้แล้ว” -ยอห์น 6:27
จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเถา พวกท่านก็เช่นเดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเรา -ยอห์น 15:4
เพราะฉะนั้นเมื่อพวกท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า -1 โครินธ์ 10:31
แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ และพระคุณของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้านั้น ก็ไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าตรากตรำมากกว่าพวกเขาทั้งหมด ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเองเป็นคนทำ แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำ -1 โครินธ์ 15:10
จงทำทุกสิ่งด้วยความรัก -1 โครินธ์ 16:14
แต่ละคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง แล้วจึงจะมีอะไรอวดได้ในตัวเองโดยไม่ต้องเปรียบกับผู้อื่น เพราะว่าแต่ละคนต้องรับภาระของตัวเอง -กาลาเทีย 6:4-5
คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีกต่อไป แต่จงใช้มือ [ของตน]ตรากตรำทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรแจกจ่ายให้คนที่มีความจำเป็น -เอเฟซัส 4:28
ทาสทั้งหลายจงเชื่อฟังนายของตนในโลกนี้ทุกอย่าง ไม่เฉพาะแต่เมื่ออยู่ในสายตาเหมือนอย่างพวกประจบสอพลอ แต่ทำด้วยจริงใจโดยความเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ ท่านทั้งหลายก็รู้ว่า ท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบำเหน็จ เพราะท่านกำลังรับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ -โคโลสี 3:22-24
และจงตั้งเป้าว่าจะอยู่อย่างสงบ และทำกิจธุระส่วนของตน และทำงานด้วยมือของตนเอง เหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว -1 เธสะโลนิกา 4:11
แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับอย่างนี้ว่า ถ้าใครไม่ยอมทำงาน ก็อย่าให้เขากิน -2 เธสะโลนิกา 3:10
ถ้าใครไม่เลี้ยงดูญาติพี่น้อง และโดยเฉพาะคนในครอบครัวแล้ว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก -1 ทิโมธี 5:8
6. สัมมาวายามะ (ความเพียรที่ถูกต้อง)
จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง -2 ทิโมธี 2:15
ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านจงพยายามอย่างที่สุดที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อของพวกท่าน เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม เอาการควบคุมตัวเองเพิ่มความรู้ เอาความทรหดอดทนเพิ่มการควบคุมตัวเอง และเอาความยำเกรงพระเจ้าเพิ่มความทรหดอดทน เอาความรักฉันพี่น้องเพิ่มความยำเกรงพระเจ้า และเอาความรักเพิ่มความรักฉันพี่น้อง ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของพวกท่านและเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้พวกท่านเป็นคนไม่ไร้ประโยชน์ และไม่ไร้ผลในการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพราะว่าผู้ใดที่ขาดคุณลักษณะเหล่านี้ก็เป็นคนตาบอดหรือตาสั้น และลืมไปว่าตนได้รับการชำระให้สะอาดจากบาปแล้ว เพราะเหตุนั้น พี่น้องทั้งหลาย จงพยายามมากขึ้นที่จะยืนยันการทรงเรียกและการทรงเลือกพวกท่านนั้น เพราะว่าถ้าพวกท่านทำเช่นนั้น ท่านจะไม่มีวันล้มลง -2 เปโตร 1:5-10
7. สัมมาสติ (การมีสติที่ถูกต้อง)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด -สดุดี 19:14
จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ -สุภาษิต 4:23
พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์ เพราะเขาวางใจในพระองค์ -อิสยาห์ 26:3
“เพราะฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว -มัทธิว 6:34
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วหากเจ้าของบ้านกลับมาอย่างฉับพลัน ท่านอาจพบว่าพวกท่านกำลังนอนหลับอยู่ -มาระโก 13:36
“ท่านทั้งหลายจงคาดเอวไว้ และให้ตะเกียงของท่านจุดอยู่ -ลูกา 12:35
เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย -ยอห์น 14:27
อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม -โรม 12:2
เพราะว่า “ใครเล่ารู้พระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า? เพื่อจะแนะนำสั่งสอนพระองค์ได้” แต่เราก็มีพระทัยของพระคริสต์ -1 โครินธ์ 2:16
ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ -กาลาเทีย 5:22
อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์ -ฟีลิปปี 4:6-7
จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก -โคโลสี 3:2
เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา แต่ประทานใจที่ประกอบด้วยฤทธานุภาพ ความรัก และการบังคับตนเองแก่เรา -2 ทิโมธี 1:7
8. สัมมาสมาธิ (การมีสมาธิที่ถูกต้อง)
จงเงี่ยหูของเจ้าฟังปัญญา จงเอียงใจของเจ้าเข้าหาความเข้าใจ เพราะถ้าเจ้าร้องหาความรอบรู้ และเปล่งเสียงของเจ้าหาความเข้าใจ ถ้าเจ้าแสวงหาปัญญาเหมือนหาเงิน และเสาะหาเธออย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ แล้วเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระยาห์เวห์ และพบความรู้ของพระเจ้า -สุภาษิต 2:2-5
ให้ดวงตาของเจ้าเพ่งมองไปเบื้องหน้า และให้การจ้องของเจ้าตรงไปข้างหน้าเจ้า -สุภาษิต 4:25
“ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้ แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ -มัทธิว 6:24, 33
เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของพระวิญญาณ -โรม 8:5
สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง -ฟีลิปปี 4:8
ส่วนที่ 3- วัฒนธรรมของชาวพุทธที่ไม่ได้เกี่ยวกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา (อาจจะมาจากศาสนาพราหมณ์หรือศาสนาอื่น)
การไหว้รูปเคารพ
พระเจ้าตรัสพระวจนะทั้งสิ้นต่อไปนี้ว่า “เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์คือจากแดนทาส “ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา “ห้ามทำรูปเคารพ สำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน ห้ามกราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน แต่แสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักเรา และรักษาบัญญัติของเราจนถึงนับพันชั่วอายุคน “ห้ามใช้พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปในทางที่ผิด เพราะผู้ที่ใช้พระนามของพระองค์ไปในทางที่ผิดนั้น พระยาห์เวห์จะทรงเอาโทษ “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ -อพยพ 20:1-8
*สำหรับข้อพระคัมภีร์อื่นเกี่ยวกับกราบไหว้รูปเคารพสามารกดดูที่ thaitracts.org
ไสยศาสตร์และการปรึกษาหมอดู
“สำหรับแม่มด เจ้าอย่าให้มีชีวิตอยู่เลย -อพยพ 22:18
“อย่าไปหาคนทรงหรือพ่อมดแม่มด อย่าเที่ยวค้นหาให้ตนเป็นมลทินไปเพราะพวกเขาเลย เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า -เลวีนิติ 19:31
“ผู้ใดใฝ่หาคนทรงหรือพ่อมดแม่มด เพื่อเล่นชู้กับพวกเขา เราจะตั้งหน้าต่อสู้ผู้นั้น และไล่เขาออกจากท่ามกลางชนชาติของเขา -เลวีนิติ 20:6
“ชายหรือหญิงคนใดที่เป็นคนทรงหรือพ่อมด แม่มด จงฆ่าเสีย จงเอาหินขว้าง ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ” -เลวีนิติ 20:27
เพราะการกบฏก็เป็นเหมือนบาปแห่งการถือฤกษ์ถือยาม และความดื้อดึงก็เป็นเหมือนบาปชั่วและการไหว้รูปเคารพ เพราะเหตุที่ท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์” -1 ซามูเอล 15:23
และพระองค์ได้ทรงให้พระราชโอรสลุยไฟ ทรงดูฤกษ์ยาม ทรงทำเวทมนตร์ และทรงติดต่อกับคนทรงและพ่อมดแม่มด พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายมากมายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ -2 พงศ์กษัตริย์ 21:6
ซาอูลจึงสิ้นพระชนม์ด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของพระองค์ พระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ ในเรื่องที่พระองค์ไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ และยังทรงไปแสวงหาคำทำนายจากคนทรง -1 พงศาวดาร 10:13
และพระองค์ทรงเผาพระราชโอรสด้วยไฟ เป็นเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม ทรงถือฤกษ์ยาม ทรงทำนาย ทรงทำวิทยาคม และทรงติดต่อกับคนทรงและพ่อมด พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายมากมายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ทำให้พระเจ้าทรงพระพิโรธ -2 พงศาวดาร 33:6
และเมื่อเขาทั้งหลายกล่าวกับพวกท่านว่า “จงปรึกษากับคนทรงหรือพ่อมดแม่มดผู้ร้องเสียงจ้อกแจ้กและเสียงพึมพำ” ไม่ควรหรือที่ประชาชนจะปรึกษาพระเจ้าของเขา? ควรหรือที่เขาจะไปปรึกษาคนตายเพื่อคนเป็น? -อิสยาห์ 8:19
และใจของคนอียิปต์จะหดหู่อย่างยิ่งในตัวเขา และเราจะทำให้แผนงานของเขายุ่งเหยิง พวกเขาจะปรึกษารูปเคารพและผู้ติดต่อกับวิญญาณคนตาย รวมทั้งคนทรง และหมอผี -อิสยาห์ 19:3
เพราะว่าจะไม่มีนิมิตปลอมหรือคำทำนายประจบประแจงในพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกเลย -เอเสเคียล 12:24
เขาทั้งหลายเห็นนิมิตปลอมและคำทำนายเท็จ พวกเขากล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้’ แม้พระยาห์เวห์ไม่ได้ใช้เขาไป แล้วพวกเขาก็ยังหวังจะให้สำเร็จตามถ้อยคำของเขา พวกเจ้าเห็นนิมิตปลอมและคำทำนายเท็จไม่ใช่หรือ? ด้วยพวกเจ้ากล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้’ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้พูดเลย “เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าทั้งหลายพูดมุสาและเห็นนิมิตเท็จ เพราะฉะนั้น ดูสิ เราจะต่อสู้พวกเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ มือของเราจะต่อสู้ผู้เผยพระวจนะที่เห็นนิมิตปลอมและทำนายเท็จ พวกเขาจะไม่ได้เข้าไปในสภาประชาชนของเรา หรือขึ้นทะเบียนอยู่ในทะเบียนของพงศ์พันธุ์อิสราเอล และพวกเขาจะไม่ได้เข้าในแผ่นดินอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์องค์เจ้านาย -เอเสเคียล 13:6-9
ดาเนียลทูลกษัตริย์ว่า “ไม่มีนักปราชญ์ หรือหมอดู หรือโหร หรือหมอดูฤกษ์ยามคนใดเปิดเผยความลึกลับซึ่งพระราชาไต่ถามแด่พระองค์ได้ -ดาเนียล 2:27
เราจะกำจัดวิทยาคมให้หมดไปจากมือของเจ้า และเจ้าจะไม่มีหมอดูอีกต่อไป -มีคาห์ 5:12
เพราะว่ารูปเคารพประจำบ้านพูดไร้สาระ และผู้ทำนายก็เห็นนิมิตเท็จ คนช่างฝันเล่าความฝันเท็จ และให้คำเล้าโลมที่เปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงหลงไปอย่างแกะ เขาต้องทนทุกข์เพราะขาดผู้เลี้ยง -เศคาริยาห์ 10:2
และมีคนหนึ่งชื่อซีโมนเคยเล่นคาถาอาคมในเมืองนั้นมาก่อน เขาทำให้ชาวสะมาเรียพิศวงหลงใหล เขายกตัวว่าเป็นผู้วิเศษ -กิจการ 8:9
การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า -กาลาเทีย 5:19-21
และอย่ามีส่วนในกิจการของความมืดที่ไร้ผล แต่จงเปิดเผยกิจการนั้นให้ปรากฏดีกว่า -เอเฟซัส 5:11
คนนอกกฎหมายนั้นจะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ทุกอย่าง ทั้งหมายสำคัญ และการอัศจรรย์จอมปลอม -2 เธสะโลนิกา 2:9
และจะไม่มีแสงสว่างของประทีป ส่องแสงในตัวเจ้าอีกต่อไป และจะไม่มีใครได้ยิน เสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในตัวเจ้าอีกต่อไป เพราะพวกพ่อค้าของเจ้าล้วนเป็นคนใหญ่โตบนแผ่นดินโลก และเพราะทุกประชาชาติก็ถูกล่อลวงด้วยเวทมนตร์ของเจ้า -วิวรณ์ 18:23
นิยายต่างๆของคนไม่เชื่อพระเจ้า
อย่าให้ใครตัดสิทธิ์พวกท่านด้วยการทำทีถ่อมใจและด้วยการนมัสการพวกทูตสวรรค์ พวกเขาใฝ่ฝันอยู่ในนิมิต หยิ่งผยองอย่างไม่มีเหตุตามความคิดฝ่ายเนื้อหนังของเขา และไม่ได้ยึดมั่นในพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นศีรษะ ซึ่งเป็นเหตุให้ทั่วทั้งร่างกายได้รับการบำรุงเลี้ยง และประสานเข้าด้วยกันโดยข้อและเอ็นต่างๆ จึงได้เจริญขึ้นตามที่พระเจ้าทรงให้เจริญขึ้นนั้น -โคโลสี 2:18-19
อย่าเกี่ยวข้องกับนิยายของพวกไม่นับถือพระเจ้า และเรื่องเล่าที่ไร้สาระ แต่จงฝึกตนในทางพระเจ้า -1 ทิโมธี 4:7
สรุป:
ถ้าเราดูพระคัมภีร์ อริยสัจสี่ ก็มีความจริงบ้างแต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนมรรคมีองค์แปด ก็เป็นความจริงได้ทางเดียวที่เป็นไปได้คือผ่านทางพระเยซูคริสต์ คือการบังเกิดใหม่ สุดท้ายแล้ว มีวัฒนธรรมของชาวพุทธที่อาจจะไม่ตรงกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา แต่อย่างไรก็ตามเป็นประเพณีของชาวพุทธนานแล้ว แน่นอนพระคัมภีร์สอนว่าเป็นความชั่ว คือการไหว้รูปเคารพและการเล่นไสยศาสตร์ ผมมั่นใจว่า ถ้าพระคัมภีร์เป็นความจริง และพระเจ้ามีจริง ชาวพุทธควรจะปฏิบัติมรรคมีองค์แปดในแบบที่เป็นไปได้ คือตามพระวจนะของพระเจ้า ด้วยกำลังที่มาจากชีวิตที่ได้รับการบังเกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์ แทนที่จะปฏิบัติตามคำสอนของมนุษย์ที่เป็นคนบาป
ถ้าสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวประเสริฐและทางแห่งความชอบธรรม ดูที่ thaitracts.org
ข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับศาสนาพุทธ
The christian bibles position on basic buddhist doctrine and practice.
ข้อพระคัมภีร์ต่างๆเกี่ยวกับหลักคำสอนศาสนาพุทธ
ส่วนที่ 1- อริยสัจสี่:
1. ทุกข์หรือทุกขา; หมายความว่าความทุกข์ทรมานที่เจ็บปวด
-เห็นด้วยบางส่วน (ความเป็นคนบาป)
พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา -ปฐมกาล 6:5
พระยาห์เวห์ทรงได้กลิ่นที่พอพระทัยแล้ว ทรงดำริในพระทัยว่า “เราจะไม่สาปแผ่นดินอีกต่อไป แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี เพราะเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ร้ายมาตั้งแต่เด็ก เราจะไม่ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอีก ดังที่เราได้ทำแล้วนั้น -ปฐมกาล 8:21
แท้จริง ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่ว และข้าพระองค์เป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา -สดุดี 51:5
คนอธรรมหลงเจิ่นไปตั้งแต่ออกจากครรภ์ เขาหลงเตลิดและพูดมุสามาตั้งแต่เกิด -สดุดี 58:3
แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก ที่ทำแต่ความดี และไม่เคยทำบาปเลย -ปัญญาจารย์ 7:20
ข้าพระองค์ทุกคนกลายเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน และความชอบธรรมทั้งหมดของพวกข้าพระองค์เหมือนเสื้อผ้าสกปรก ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงเหมือนใบไม้ และความผิดบาปของพวกข้าพระองค์พัดพาพวกข้าพระองค์ไปเหมือนลม -อิสยาห์ 64:6
คนคูชเปลี่ยนสีผิวของตนเอง หรือเสือดาวเปลี่ยนลายของมันได้หรือ? ถ้าได้แล้วพวกเจ้าผู้ที่เคยชินต่อการทำความชั่ว จึงจะมาทำความดีได้ -เยเรมีย์ 13:23
จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ใครจะรู้จักใจนั้นเล่า? -เยเรมีย์ 17:9
ไม่มีใครมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา และเราจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย -ยอห์น 6:44
แล้วพระองค์ตรัสว่า “เพราะเหตุนี้เราจึงบอกพวกท่านว่า ‘ไม่มีใครมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาจะโปรดคนนั้น’ ” -ยอห์น 6:65
เพราะถึงแม้ว่าเขาได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็ไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือขอบพระคุณพระองค์ แต่พวกเขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป -โรม 1:21
ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า เขาทุกคนหลงผิดไปหมด พวกเขาเลวทรามเหมือนกันสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี ไม่มีเลย -โรม 3:10-12
เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า -โรม 3:23
ด้วยว่าในตัวข้าพเจ้า คือในเนื้อหนังของข้าพเจ้าไม่มีความดีใดอยู่เลย เพราะว่าเจตนาดีข้าพเจ้าก็มีอยู่ แต่การดีนั้นไม่สามารถทำได้เลย -โรม 7:18
เพราะว่าการเอาใจใส่เนื้อหนังนั้นคือการเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ และคนที่อยู่ในเนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็ไม่ได้ -โรม 8:7-8
แต่คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะว่าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ และเขาไม่สามารถเข้าใจ เพราะจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ -1 โครินธ์ 2:14
ท่านทั้งหลายตายโดยการละเมิดและการบาปของท่าน เมื่อก่อนพวกท่านเคยดำเนินชีวิตในการบาปนั้นตามวิถีของโลกนี้ ตามผู้ครอบครองที่มีอำนาจในฟ้าอากาศ คือวิญญาณที่ทำกิจอยู่ในพวกคนที่ไม่เชื่อฟังในเวลานี้ เมื่อก่อนเราทุกคนเคยประพฤติเหมือนพวกเขาตามตัณหาของเนื้อหนัง คือทำตามความต้องการของเนื้อหนังและของความคิด โดยวิสัยแล้วเราจึงเป็นคนที่สมควรได้รับการลงโทษเหมือนอย่างคนอื่นๆ -เอเฟซัส 2:1-3
ความคิดของเขาทั้งหลายถูกทำให้มืดมนไป และเขาขาดจากชีวิตที่มาจากพระเจ้าเนื่องจากความไม่รู้ที่อยู่ในตัว และความแข็งกระด้างในจิตใจ -เอเฟซัส 4:18
-ไม่เห็นด้วยบางส่วน (พระเมตตาทั่วไป common grace ที่ไม่สมควรได้รับ)
พระยาห์เวห์ทรงดีต่อทุกคน และพระกรุณาของพระองค์อยู่เหนือพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์ -สดุดี 145:9
เพื่อว่าพวกท่านจะเป็นบุตรของพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ เพราะว่าพระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม -มัทธิว 5:45
แต่จงรักศัตรูของท่านและทำดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืน แล้วบำเหน็จของท่านทั้งหลายจะมีบริบูรณ์ แล้วท่านจะเป็นบุตรขององค์ผู้สูงสุด เพราะว่าพระองค์ทรงพระกรุณาทั้งต่อคนอกตัญญูและคนชั่ว -ลูกา 6:35
ในยุคก่อนๆ พระองค์ทรงยอมให้ประชาชาติต่างๆ ประพฤติตามทางของพวกเขา แต่พระองค์ไม่ได้ทรงขาดพยานในเรื่องคุณความดี คือทรงให้ฝนตกจากฟ้าและทรงให้เกิดผลตามฤดู ทรงให้พวกท่านอิ่มเอมด้วยอาหารและความชื่นบานในจิตใจ” -กิจการ 14:16-17
2. สมุทัยหรือสมุทัยา; หมายความว่าต้นเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งเรารู้ว่ามันเป็นกรรมหรือความบาป
-เห็นด้วยบางส่วน (เจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ได้ทำให้ทรมานในชีวิตชีวิตนี้และต่อไปในไฟนรก)
มีทางหนึ่งซึ่งคนเราคิดว่าถูก แต่ปลายทางคือความมรณา -สุภาษิต 14:12
แต่บาปชั่วของพวกท่านได้ทำให้เกิดการแยก ระหว่างพวกท่านกับพระเจ้าของท่าน และบาปของพวกท่านได้บดบังพระพักตร์พระองค์เสียจากท่าน และจากการที่พระองค์จะทรงฟัง -อิสยาห์ 59:2
ตัวคนที่ทำบาปจะต้องตาย บุตรไม่ต้องรับโทษความผิดบาปของบิดา บิดาก็ไม่ต้องรับโทษความผิดบาปของบุตร คนชอบธรรมจะรับผลความชอบธรรมของตน และคนอธรรมจะรับผลการอธรรมของตน -เอเสเคียล 18:20
ถ้ามือของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย การที่จะเข้าสู่ชีวิตด้วยมือด้วน ยังดีกว่ามีทั้งสองมือแต่ต้องลงไปสู่นรกในไฟที่ไม่มีวันดับ -มาระโก 9:43
พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าคนใดไม่ได้เกิดใหม่ คนนั้นไม่สามารถเห็นแผ่นดินของพระเจ้า” -ยอห์น 3:3
เพราะเหตุนี้ บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป -โรม 5:12
เพราะว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา -โรม 6:23
อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น -กาลาเทีย 6:7-8
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น -1 ยอห์น 1:9
สำหรับเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ และเมืองต่างๆ ที่อยู่รอบๆ นั้นก็เช่นเดียวกัน ได้ประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศและมัวเมาในกามวิตถาร จึงเป็นตัวอย่างของการรับโทษในไฟนิรันดร์ -ยูดา 1:7
-ไม่เห็นด้วยบางส่วน (เจตนาที่บริสุทธิ์และยุติธรรมเป็นสิ่งที่ดี แต่เป็นสิ่งที่จำกัดให้คนที่ได้รับการบังเกิดใหม่)
จงปีติยินดีในพระยาห์เวห์ และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน -สดุดี 37:4
พระองค์ประทานตามความปรารถนาของบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ พระองค์ทรงฟังเสียงร้องทูลของพวกเขาด้วย และทรงช่วยเขาให้รอด -สดุดี 145:19
เพราะถ้าเจ้าร้องหาความรอบรู้ และเปล่งเสียงของเจ้าหาความเข้าใจ ถ้าเจ้าแสวงหาปัญญาเหมือนหาเงิน และเสาะหาเธออย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ แล้วเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระยาห์เวห์ และพบความรู้ของพระเจ้า -สุภาษิต 2:3-5
สิ่งที่คนอธรรมกลัว มันจะมาถึงเขา แต่สิ่งที่คนชอบธรรมปรารถนา พระองค์จะประทานให้ -สุภาษิต 10:24
“คนที่หิวและกระหาย ความชอบธรรมก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่ม -มัทธิว 5:6
3. นิโรธหรือนิโรธะ ; หมายความว่าความทุกข์ในชีวิตของเราย่อมมีวันที่ลงได้
-เห็นด้วยบางส่วน (มีวันสิ้นสุดความบาป คือ ผ่านทางการไถ่บาป มีการชำระให้ชอบธรรม การบังเกิดใหม่ การชำระให้บริสุทธิ์ การได้รับเกียรติสิริ)
ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น -2 โครินธ์ 5:17
พระเจ้าทรงทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์ -2 โครินธ์ 5:21
ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า -กาลาเทีย 2:20
แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว -กาลาเทีย 5:16, 24
บุตรทั้งหลายมีเลือดและเนื้อเช่นกันอย่างไร พระองค์ก็ทรงมีส่วนเช่นนั้นด้วยอย่างนั้น เพื่อโดยทางความตายนั้น พระองค์จะทรงทำลายมารผู้มีอำนาจแห่งความตาย -ฮีบรู 2:14
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น -1 ยอห์น 1:9
พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขาทั้งหลาย และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว” -วิวรณ์ 21:4
-ไม่เห็นด้วยบางส่วน (วันสิ้นสุดความบาปไม่ได้หมายความว่า วันสิ้นสุดความทุกข์ และในความเป็นจริงความทุกข์ของเราบางอย่างจะเพิ่มขึ้น)
คนชอบธรรมอาจมีความทุกข์ใจหลายอย่าง แต่พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้เขาออกมาให้พ้นหมด -สดุดี 34:19
“คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย “เมื่อพวกเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข จงชื่นชมและยินดี เพราะว่าบำเหน็จของพวกท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะพวกเขาข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะ ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน -มัทธิว 5:10-12
และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา -มัทธิว 10:38
ท่านทั้งสองทำให้บรรดาสาวกมีจิตใจเข้มแข็งขึ้น และหนุนใจพวกเขาให้ดำรงอยู่ในความเชื่อ โดยกล่าวว่า เราจะต้องทนความยากลำบากหลายอย่างในการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า -กิจการ 14:22
ยิ่งกว่านั้น เราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง -โรม 5:3-4
เพราะความรักของพระคริสต์มากท่วมท้นเราอย่างไร การหนุนใจของพระคริสต์ก็มากท่วมท้นเราอย่างนั้น -2 โครินธ์ 1:5
เพราะว่าความยากลำบากชั่วคราวและเล็กน้อยของเรา จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีนิรันดร์มากมายอย่างไม่มีที่เปรียบ -2 โครินธ์ 4:17
เพราะพระเจ้าทรงให้พระคุณแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ไม่ใช่ให้ท่านทั้งหลายเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย -ฟีลิปปี 1:29
ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ คือรู้จักฤทธิ์เดชแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์และรู้จักการมีส่วนร่วมในความทุกข์ของพระองค์ และเป็นเหมือนกับพระองค์ในความตายนั้น -ฟีลิปปี 3:10
แท้จริงทุกคนที่ตั้งใจจะดำเนินชีวิตตามทางพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกข่มเหง -2 ทิโมธี 3:12
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับใครเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตีคนนั้น” ท่านทั้งหลายจงสู้ทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อท่านเหมือนท่านเป็นบุตรของพระองค์ เพราะว่ามีบุตรคนไหนบ้างที่บิดาไม่ตีสอน? -ฮีบรู 12:6-7
พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย -ยากอบ 1:2-4
ในสิ่งนี้พวกท่านชื่นชมยินดี ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้ จำเป็นที่พวกท่านต้องทนทุกข์ในการทดลองต่างๆ นานาชั่วระยะหนึ่ง เพื่อการทดสอบความเชื่อของพวกท่าน (อันล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำ ที่แม้ว่าจะเสื่อมสลายไปได้ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ) จะนำไปสู่การสรรเสริญ ศักดิ์ศรี และเกียรติ ในเวลาที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาปรากฏ -1 เปโตร 1:6-7
เพราะพระเจ้าทรงเรียกพวกท่านเพื่อจุดประสงค์นี้ เพราะว่าพระคริสต์ทรงทนทุกข์เพื่อพวกท่าน พระองค์ทรงวางแบบอย่างแก่พวกท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ -1 เปโตร 2:21
ดังนั้น โดยเหตุที่พระคริสต์ได้ทรงทนทุกข์ทางพระกายแล้ว พวกท่านก็จงติดอาวุธตัวเองโดยมีความคิดเดียวกันกับพระองค์ เพราะว่าผู้ที่ทนทุกข์ทางกายก็เลิกข้องเกี่ยวกับบาปอีกต่อไป -1 เปโตร 4:1
4. มรรคหรือมุกติ; หมายความว่าหนทางแห่งการหลุดพ้น (คือ มรรคมีองค์แปด)
-เห็นด้วยบางส่วน (ถ้าความสมบูรณ์แบบเป็นไปได้)
“ถ้าเจ้าทั้งหลายดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา รักษาบัญญัติของเรา และทำตาม เราจะประทานฝนตามฤดูแก่เจ้า แผ่นดินจะเกิดพืชผล ต้นไม้ในทุ่งจะบังเกิดผล เวลานวดข้าวจะยาวนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น ฤดูเก็บผลองุ่นจะยาวนานไปถึงฤดูหว่าน พวกเจ้าจะรับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำ และอยู่ในแผ่นดินของเจ้าอย่างปลอดภัย เราจะให้เกิดสันติภาพในแผ่นดิน เจ้าทั้งหลายจะนอนลง และไม่มีใครทำให้เจ้ากลัว เราจะขจัดสัตว์ร้ายจากแผ่นดิน และดาบจะไม่ผ่านแผ่นดินของพวกเจ้าเลย พวกเจ้าจะขับไล่ศัตรูของเจ้าทั้งหลาย เขาทั้งหลายจะล้มลงต่อหน้าพวกเจ้าด้วยดาบ พวกเจ้าห้าคนจะขับไล่ศัตรูร้อยคน พวกเจ้าร้อยคนจะขับไล่ศัตรูหมื่นคน ศัตรูของพวกเจ้าจะล้มลงด้วยดาบต่อหน้าเจ้าทั้งหลาย และเราจะคิดถึงพวกเจ้า จะทำให้พวกเจ้ามีพงศ์พันธุ์มากยิ่งขึ้น และรักษาพันธสัญญาซึ่งมีไว้กับเจ้าทั้งหลาย พวกเจ้าจะได้รับประทานของที่สะสมไว้นาน และจะต้องเอาของเก่าออกไปเพื่อจะมีที่สำหรับเก็บของใหม่ -เลวีนิติ 26:3-10
ถ้าพวกเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน -อิสยาห์ 1:19
ถ้าเจ้าเชื่อฟังบัญญัติของเรา แล้วความสมบูรณ์พูนสุขของเจ้าจะเป็นเหมือนแม่น้ำ และความชอบธรรมของเจ้าจะเหมือนคลื่นทะเล -อิสยาห์ 48:18
เพราะฉะนั้นพวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม เหมือนอย่างที่พระบิดาของท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม -มัทธิว 5:48
พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ถ้าใครรักเรา คนนั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วเราทั้งสองจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา คนที่ไม่รักเราก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำที่พวกท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา -ยอห์น 14:23-24
เพราะว่าคนที่เพียงแต่ฟังธรรมบัญญัติเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า คนที่ประพฤติตามธรรมบัญญัติต่างหากที่พระเจ้าทรงทำให้เป็นผู้ชอบธรรม -โรม 2:13
-ไม่เห็นด้วยส่วนหนึ่ง (เพราะว่าความสมบูรณ์แบบเป็นไปไม่ได้)
ข้าพระองค์ทุกคนกลายเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน และความชอบธรรมทั้งหมดของพวกข้าพระองค์เหมือนเสื้อผ้าสกปรก ข้าพระองค์ทุกคนเหี่ยวลงเหมือนใบไม้ และความผิดบาปของพวกข้าพระองค์พัดพาพวกข้าพระองค์ไปเหมือนลม -อิสยาห์ 64:6
แน่ทีเดียวไม่มีคนชอบธรรมสักคนเดียวบนแผ่นดินโลก ที่ทำแต่ความดี และไม่เคยทำบาปเลย -ปัญญาจารย์ 7:20
ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียวไม่มีเลย -โรม 3:10
เพราะว่าการเอาใจใส่เนื้อหนังนั้นคือการเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้ -โรม 8:7
ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา และพระดำรัสของพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย -1 ยอห์น 1:8-10
ส่วนที่ 2- มรรคมีองค์แปด
“จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่ และทางกว้างนั้นนำไปถึงความพินาศ และคนทั้งหลายที่เข้าไปทางนั้นมีมาก เพราะประตูที่แคบและทางที่ลำบากนั้นนำไปสู่ชีวิต และพวกที่หาพบก็มีน้อย" -มัทธิว 7:13-14
1. สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นที่ถูกต้อง)
สาระสำคัญแห่งพระวจนะของพระองค์ คือความจริง และกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์ทุกข้อดำรงอยู่เป็นนิตย์ ש (ซิน) -สดุดี 119:160
พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ คือทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง -สดุดี 145:18
พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง -ยอห์น 1:14
พระองค์ทรงเป็นพยานถึงสิ่งที่พระองค์ทอดพระเนตรเห็นและทรงได้ยิน แต่ไม่มีใครรับคำพยานของพระองค์ -ยอห์น 3:32
พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา -ยอห์น 14:6
ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง -ยอห์น 17:17
เพราะฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก -เอเฟซัส 6:14
พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง -2 ทิโมธี 3:16-17
และเรารู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว และประทานสติปัญญาแก่เรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์ผู้ทรงสัตย์จริง และเราอยู่ในพระองค์นั้นโดยอยู่ในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าแท้และเป็นชีวิตนิรันดร์ -1 ยอห์น 5:20
ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง -1 ยอห์น 3:18
2. สัมมาสังกัปปะ (ความคิดที่ถูกต้อง)
จงมอบทางของท่านไว้กับพระยาห์เวห์ จงวางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงช่วยท่าน -สดุดี 37:5
จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ แล้วแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนา -สุภาษิต 16:3
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า -ฟีลิปปี 3:13
ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว -2 ทิโมธี 4:7
3. สัมมาวาจา (วาจาที่ถูกต้อง)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด -สดุดี 19:14
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตั้งยามเฝ้าปากของข้าพระองค์ ขอทรงเฝ้าระวังประตูริมฝีปากของข้าพระองค์ -สดุดี 141:3
พูดมากคำย่อมทำบาปได้ แต่คนที่ยับยั้งปากของตนก็เป็นคนฉลาด -สุภาษิต 10:19
คำตอบนุ่มนวลช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ ลิ้นของคนมีปัญญายกย่องความรู้ แต่ปากของคนโง่เทความโง่ออกมา -สุภาษิต 15:1-2
ความตายและชีวิตอยู่ในอำนาจของลิ้น และผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน -สุภาษิต 18:21
คนที่ระวังปากและลิ้นของตน ก็ปกป้องตัวเองจากความยุ่งยาก -สุภาษิต 21:23
ส่วนเราบอกพวกท่านว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น มนุษย์จะต้องรับผิดชอบถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา -มัทธิว 12:36
ไม่ใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน” -มัทธิว 15:11
คนดีย่อมเอาสิ่งดีออกจากคลังดีในจิตใจของตน และคนชั่วย่อมเอาสิ่งชั่วออกจากคลังชั่วในจิตใจของตน เพราะว่าปากย่อมพูดสิ่งที่เต็มล้นอยู่ในจิตใจ -ลูกา 6:45
อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย แต่จงกล่าวคำดีๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน -เอเฟซัส 4:29
และการพูดลามก การพูดเล่นไม่เป็นเรื่อง หรือการพูดหยาบโลน ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่จงขอบพระคุณดีกว่า -เอเฟซัส 5:4
จงให้ถ้อยคำของท่านทั้งหลายประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร -โคโลสี 4:6
พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ -ยากอบ 1:19
ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็นคนมีธรรมะแต่ไม่ได้ควบคุมลิ้นของตน เขาก็หลอกลวงจิตใจของตนเอง และธรรมะของคนนั้นก็ไม่มีประโยชน์ -ยากอบ 1:26
4. สัมมากัมมันตะ (การปฏิบัติที่ถูกต้อง)
มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ -มีคาห์ 6:8
ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ -มัทธิว 5:16
“จงระวัง อย่าทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นท่านทั้งหลายจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ -มัทธิว 6:1
“ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’ -มัทธิว 7:21-23
การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขนพร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย เราอย่าอวดตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉากันเลย -กาลาเทีย 5:19-26
อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร -กาลาเทีย 6:9
เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากการกระทำ เพื่อไม่ให้ใครอวดได้ เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเพื่อให้เราดำเนินตาม -เอเฟซัส 2:8-10
เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์ -ฟีลิปปี 2:13
และเมื่อท่านทั้งหลายทำสิ่งใดไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือด้วยการประพฤติ จงทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดา โดยทางพระองค์ ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ -โคโลสี 3:17, 23
เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง -2 ทิโมธี 3:17
ท่านเองจงประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างในการดีทุกด้าน ในการสอนอย่างจริงใจ จริงจัง และถูกต้องที่ไม่มีใครจะตำหนิได้ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามอับอายและไม่สามารถกล่าวร้ายอะไรต่อเรา จงให้ทาสทั้งหลายเชื่อฟังนายของตน และทำสิ่งที่ถูกใจนายทุกอย่าง อย่าให้เถียงเลย -ทิตัส 2:7-9
และให้คนของเราเรียนรู้ที่จะทำการดีด้วย เพื่อช่วยจัดหาสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่เป็นคนที่ไร้ผล -ทิตัส 3:14
และขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกันให้มีความรักและทำความดี -ฮีบรู 10:24
ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทินเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดานั้น คือการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก -ยากอบ 1:27
พี่น้องของข้าพเจ้า แม้ใครจะกล่าวว่าตนมีความเชื่อ แต่ไม่ได้ประพฤติตามจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ? ถ้าพี่น้องชายหญิงคนไหนขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน แล้วมีใครในพวกท่านกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ขอให้กลับไปอย่างเป็นสุข ให้อบอุ่น และอิ่มหนำสำราญเถิด” แต่ไม่ได้ให้สิ่งจำเป็นฝ่ายกายแก่พวกเขา จะมีประโยชน์อะไร? ทำนองเดียวกัน ลำพังความเชื่อ ถ้าไม่มีการปฏิบัติ ก็เป็นสิ่งที่ตายแล้ว กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น ยากอบ 2:14-17, 26
เพราะฉะนั้น คนที่รู้ว่าอะไรเป็นความดีที่ต้องทำ แต่ไม่ได้ทำ คนนั้นจึงมีบาป -ยากอบ 4:17
5. สัมมาอาชีวะ (การหาเลี้ยงชีพที่ถูกต้อง)
พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอาศัยอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและดูแลสวน -ปฐมกาล 2:15
ขอความโปรดปรานขององค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่เหนือเหล่าข้าพระองค์ ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้เหนือพวกข้าพระองค์ ขอทรงสถาปนาผลงานจากมือของข้าพระองค์ทั้งหลาย -สดุดี 90:17
มีกำไรอยู่ในงานที่เหนื่อยยากทุกอย่าง การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน -สุภาษิต 14:23
จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระยาห์เวห์ แล้วแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนา -สุภาษิต 16:3
คนเกียจคร้านในการงาน ก็เป็นพี่น้องกับคนที่ชอบทำลาย -สุภาษิต 18:9
แผนงานของคนขยันนำไปสู่กำไรแน่นอน แต่ทุกคนที่ผลีผลามก็มาสู่ความขาดแคลนแน่แท้ -สุภาษิต 21:5
มือของเจ้าจับงานอะไร ก็จงทำการนั้นด้วยเต็มกำลัง เพราะในแดนคนตายที่เจ้าจะไปนั้นไม่มีการงาน หรือความคิด หรือความรู้ หรือปัญญา -ปัญญาจารย์ 9:10
บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก -มัทธิว 11:28
อย่าทำงานเพื่อแสวงหาอาหารที่เสื่อมสูญได้ แต่จงแสวงหาอาหารที่คงทนอยู่จนถึงชีวิตนิรันดร์ ซึ่งบุตรมนุษย์จะมอบให้กับพวกท่าน เพราะพระเจ้าคือพระบิดาทรงรับรองท่านผู้นี้แล้ว” -ยอห์น 6:27
จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเถา พวกท่านก็เช่นเดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเรา -ยอห์น 15:4
เพราะฉะนั้นเมื่อพวกท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า -1 โครินธ์ 10:31
แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ และพระคุณของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้านั้น ก็ไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าตรากตรำมากกว่าพวกเขาทั้งหมด ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเองเป็นคนทำ แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำ -1 โครินธ์ 15:10
จงทำทุกสิ่งด้วยความรัก -1 โครินธ์ 16:14
แต่ละคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง แล้วจึงจะมีอะไรอวดได้ในตัวเองโดยไม่ต้องเปรียบกับผู้อื่น เพราะว่าแต่ละคนต้องรับภาระของตัวเอง -กาลาเทีย 6:4-5
คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีกต่อไป แต่จงใช้มือ [ของตน]ตรากตรำทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรแจกจ่ายให้คนที่มีความจำเป็น -เอเฟซัส 4:28
ทาสทั้งหลายจงเชื่อฟังนายของตนในโลกนี้ทุกอย่าง ไม่เฉพาะแต่เมื่ออยู่ในสายตาเหมือนอย่างพวกประจบสอพลอ แต่ทำด้วยจริงใจโดยความเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ ท่านทั้งหลายก็รู้ว่า ท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบำเหน็จ เพราะท่านกำลังรับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ -โคโลสี 3:22-24
และจงตั้งเป้าว่าจะอยู่อย่างสงบ และทำกิจธุระส่วนของตน และทำงานด้วยมือของตนเอง เหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว -1 เธสะโลนิกา 4:11
แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับอย่างนี้ว่า ถ้าใครไม่ยอมทำงาน ก็อย่าให้เขากิน -2 เธสะโลนิกา 3:10
ถ้าใครไม่เลี้ยงดูญาติพี่น้อง และโดยเฉพาะคนในครอบครัวแล้ว คนนั้นก็ปฏิเสธความเชื่อ และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อเสียอีก -1 ทิโมธี 5:8
6. สัมมาวายามะ (ความเพียรที่ถูกต้อง)
จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง -2 ทิโมธี 2:15
ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านจงพยายามอย่างที่สุดที่จะเอาคุณธรรมเพิ่มความเชื่อของพวกท่าน เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม เอาการควบคุมตัวเองเพิ่มความรู้ เอาความทรหดอดทนเพิ่มการควบคุมตัวเอง และเอาความยำเกรงพระเจ้าเพิ่มความทรหดอดทน เอาความรักฉันพี่น้องเพิ่มความยำเกรงพระเจ้า และเอาความรักเพิ่มความรักฉันพี่น้อง ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของพวกท่านและเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้พวกท่านเป็นคนไม่ไร้ประโยชน์ และไม่ไร้ผลในการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เพราะว่าผู้ใดที่ขาดคุณลักษณะเหล่านี้ก็เป็นคนตาบอดหรือตาสั้น และลืมไปว่าตนได้รับการชำระให้สะอาดจากบาปแล้ว เพราะเหตุนั้น พี่น้องทั้งหลาย จงพยายามมากขึ้นที่จะยืนยันการทรงเรียกและการทรงเลือกพวกท่านนั้น เพราะว่าถ้าพวกท่านทำเช่นนั้น ท่านจะไม่มีวันล้มลง -2 เปโตร 1:5-10
7. สัมมาสติ (การมีสติที่ถูกต้อง)
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด -สดุดี 19:14
จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ -สุภาษิต 4:23
พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์ เพราะเขาวางใจในพระองค์ -อิสยาห์ 26:3
“เพราะฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงวันพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็มีเรื่องกระวนกระวายของมันเอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว -มัทธิว 6:34
ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วหากเจ้าของบ้านกลับมาอย่างฉับพลัน ท่านอาจพบว่าพวกท่านกำลังนอนหลับอยู่ -มาระโก 13:36
“ท่านทั้งหลายจงคาดเอวไว้ และให้ตะเกียงของท่านจุดอยู่ -ลูกา 12:35
เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย -ยอห์น 14:27
อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม -โรม 12:2
เพราะว่า “ใครเล่ารู้พระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า? เพื่อจะแนะนำสั่งสอนพระองค์ได้” แต่เราก็มีพระทัยของพระคริสต์ -1 โครินธ์ 2:16
ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ -กาลาเทีย 5:22
อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์ -ฟีลิปปี 4:6-7
จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก -โคโลสี 3:2
เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา แต่ประทานใจที่ประกอบด้วยฤทธานุภาพ ความรัก และการบังคับตนเองแก่เรา -2 ทิโมธี 1:7
8. สัมมาสมาธิ (การมีสมาธิที่ถูกต้อง)
จงเงี่ยหูของเจ้าฟังปัญญา จงเอียงใจของเจ้าเข้าหาความเข้าใจ เพราะถ้าเจ้าร้องหาความรอบรู้ และเปล่งเสียงของเจ้าหาความเข้าใจ ถ้าเจ้าแสวงหาปัญญาเหมือนหาเงิน และเสาะหาเธออย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ แล้วเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระยาห์เวห์ และพบความรู้ของพระเจ้า -สุภาษิต 2:2-5
ให้ดวงตาของเจ้าเพ่งมองไปเบื้องหน้า และให้การจ้องของเจ้าตรงไปข้างหน้าเจ้า -สุภาษิต 4:25
“ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้ แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ -มัทธิว 6:24, 33
เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของเนื้อหนัง แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ ก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของพระวิญญาณ -โรม 8:5
สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง -ฟีลิปปี 4:8
ส่วนที่ 3- วัฒนธรรมของชาวพุทธที่ไม่ได้เกี่ยวกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา (อาจจะมาจากศาสนาพราหมณ์หรือศาสนาอื่น)
การไหว้รูปเคารพ
พระเจ้าตรัสพระวจนะทั้งสิ้นต่อไปนี้ว่า “เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์คือจากแดนทาส “ห้ามมีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา “ห้ามทำรูปเคารพ สำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน ห้ามกราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษของบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน แต่แสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักเรา และรักษาบัญญัติของเราจนถึงนับพันชั่วอายุคน “ห้ามใช้พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปในทางที่ผิด เพราะผู้ที่ใช้พระนามของพระองค์ไปในทางที่ผิดนั้น พระยาห์เวห์จะทรงเอาโทษ “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ -อพยพ 20:1-8
*สำหรับข้อพระคัมภีร์อื่นเกี่ยวกับกราบไหว้รูปเคารพสามารกดดูที่ thaitracts.org
ไสยศาสตร์และการปรึกษาหมอดู
“สำหรับแม่มด เจ้าอย่าให้มีชีวิตอยู่เลย -อพยพ 22:18
“อย่าไปหาคนทรงหรือพ่อมดแม่มด อย่าเที่ยวค้นหาให้ตนเป็นมลทินไปเพราะพวกเขาเลย เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า -เลวีนิติ 19:31
“ผู้ใดใฝ่หาคนทรงหรือพ่อมดแม่มด เพื่อเล่นชู้กับพวกเขา เราจะตั้งหน้าต่อสู้ผู้นั้น และไล่เขาออกจากท่ามกลางชนชาติของเขา -เลวีนิติ 20:6
“ชายหรือหญิงคนใดที่เป็นคนทรงหรือพ่อมด แม่มด จงฆ่าเสีย จงเอาหินขว้าง ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ” -เลวีนิติ 20:27
เพราะการกบฏก็เป็นเหมือนบาปแห่งการถือฤกษ์ถือยาม และความดื้อดึงก็เป็นเหมือนบาปชั่วและการไหว้รูปเคารพ เพราะเหตุที่ท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์” -1 ซามูเอล 15:23
และพระองค์ได้ทรงให้พระราชโอรสลุยไฟ ทรงดูฤกษ์ยาม ทรงทำเวทมนตร์ และทรงติดต่อกับคนทรงและพ่อมดแม่มด พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายมากมายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ทำให้พระองค์ทรงพระพิโรธ -2 พงศ์กษัตริย์ 21:6
ซาอูลจึงสิ้นพระชนม์ด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของพระองค์ พระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ ในเรื่องที่พระองค์ไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์ และยังทรงไปแสวงหาคำทำนายจากคนทรง -1 พงศาวดาร 10:13
และพระองค์ทรงเผาพระราชโอรสด้วยไฟ เป็นเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม ทรงถือฤกษ์ยาม ทรงทำนาย ทรงทำวิทยาคม และทรงติดต่อกับคนทรงและพ่อมด พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายมากมายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ทำให้พระเจ้าทรงพระพิโรธ -2 พงศาวดาร 33:6
และเมื่อเขาทั้งหลายกล่าวกับพวกท่านว่า “จงปรึกษากับคนทรงหรือพ่อมดแม่มดผู้ร้องเสียงจ้อกแจ้กและเสียงพึมพำ” ไม่ควรหรือที่ประชาชนจะปรึกษาพระเจ้าของเขา? ควรหรือที่เขาจะไปปรึกษาคนตายเพื่อคนเป็น? -อิสยาห์ 8:19
และใจของคนอียิปต์จะหดหู่อย่างยิ่งในตัวเขา และเราจะทำให้แผนงานของเขายุ่งเหยิง พวกเขาจะปรึกษารูปเคารพและผู้ติดต่อกับวิญญาณคนตาย รวมทั้งคนทรง และหมอผี -อิสยาห์ 19:3
เพราะว่าจะไม่มีนิมิตปลอมหรือคำทำนายประจบประแจงในพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกเลย -เอเสเคียล 12:24
เขาทั้งหลายเห็นนิมิตปลอมและคำทำนายเท็จ พวกเขากล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้’ แม้พระยาห์เวห์ไม่ได้ใช้เขาไป แล้วพวกเขาก็ยังหวังจะให้สำเร็จตามถ้อยคำของเขา พวกเจ้าเห็นนิมิตปลอมและคำทำนายเท็จไม่ใช่หรือ? ด้วยพวกเจ้ากล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้’ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้พูดเลย “เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เพราะเจ้าทั้งหลายพูดมุสาและเห็นนิมิตเท็จ เพราะฉะนั้น ดูสิ เราจะต่อสู้พวกเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ มือของเราจะต่อสู้ผู้เผยพระวจนะที่เห็นนิมิตปลอมและทำนายเท็จ พวกเขาจะไม่ได้เข้าไปในสภาประชาชนของเรา หรือขึ้นทะเบียนอยู่ในทะเบียนของพงศ์พันธุ์อิสราเอล และพวกเขาจะไม่ได้เข้าในแผ่นดินอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์องค์เจ้านาย -เอเสเคียล 13:6-9
ดาเนียลทูลกษัตริย์ว่า “ไม่มีนักปราชญ์ หรือหมอดู หรือโหร หรือหมอดูฤกษ์ยามคนใดเปิดเผยความลึกลับซึ่งพระราชาไต่ถามแด่พระองค์ได้ -ดาเนียล 2:27
เราจะกำจัดวิทยาคมให้หมดไปจากมือของเจ้า และเจ้าจะไม่มีหมอดูอีกต่อไป -มีคาห์ 5:12
เพราะว่ารูปเคารพประจำบ้านพูดไร้สาระ และผู้ทำนายก็เห็นนิมิตเท็จ คนช่างฝันเล่าความฝันเท็จ และให้คำเล้าโลมที่เปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงหลงไปอย่างแกะ เขาต้องทนทุกข์เพราะขาดผู้เลี้ยง -เศคาริยาห์ 10:2
และมีคนหนึ่งชื่อซีโมนเคยเล่นคาถาอาคมในเมืองนั้นมาก่อน เขาทำให้ชาวสะมาเรียพิศวงหลงใหล เขายกตัวว่าเป็นผู้วิเศษ -กิจการ 8:9
การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า -กาลาเทีย 5:19-21
และอย่ามีส่วนในกิจการของความมืดที่ไร้ผล แต่จงเปิดเผยกิจการนั้นให้ปรากฏดีกว่า -เอเฟซัส 5:11
คนนอกกฎหมายนั้นจะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ทุกอย่าง ทั้งหมายสำคัญ และการอัศจรรย์จอมปลอม -2 เธสะโลนิกา 2:9
และจะไม่มีแสงสว่างของประทีป ส่องแสงในตัวเจ้าอีกต่อไป และจะไม่มีใครได้ยิน เสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในตัวเจ้าอีกต่อไป เพราะพวกพ่อค้าของเจ้าล้วนเป็นคนใหญ่โตบนแผ่นดินโลก และเพราะทุกประชาชาติก็ถูกล่อลวงด้วยเวทมนตร์ของเจ้า -วิวรณ์ 18:23
นิยายต่างๆของคนไม่เชื่อพระเจ้า
อย่าให้ใครตัดสิทธิ์พวกท่านด้วยการทำทีถ่อมใจและด้วยการนมัสการพวกทูตสวรรค์ พวกเขาใฝ่ฝันอยู่ในนิมิต หยิ่งผยองอย่างไม่มีเหตุตามความคิดฝ่ายเนื้อหนังของเขา และไม่ได้ยึดมั่นในพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นศีรษะ ซึ่งเป็นเหตุให้ทั่วทั้งร่างกายได้รับการบำรุงเลี้ยง และประสานเข้าด้วยกันโดยข้อและเอ็นต่างๆ จึงได้เจริญขึ้นตามที่พระเจ้าทรงให้เจริญขึ้นนั้น -โคโลสี 2:18-19
อย่าเกี่ยวข้องกับนิยายของพวกไม่นับถือพระเจ้า และเรื่องเล่าที่ไร้สาระ แต่จงฝึกตนในทางพระเจ้า -1 ทิโมธี 4:7
สรุป:
ถ้าเราดูพระคัมภีร์ อริยสัจสี่ ก็มีความจริงบ้างแต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนมรรคมีองค์แปด ก็เป็นความจริงได้ทางเดียวที่เป็นไปได้คือผ่านทางพระเยซูคริสต์ คือการบังเกิดใหม่ สุดท้ายแล้ว มีวัฒนธรรมของชาวพุทธที่อาจจะไม่ตรงกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา แต่อย่างไรก็ตามเป็นประเพณีของชาวพุทธนานแล้ว แน่นอนพระคัมภีร์สอนว่าเป็นความชั่ว คือการไหว้รูปเคารพและการเล่นไสยศาสตร์ ผมมั่นใจว่า ถ้าพระคัมภีร์เป็นความจริง และพระเจ้ามีจริง ชาวพุทธควรจะปฏิบัติมรรคมีองค์แปดในแบบที่เป็นไปได้ คือตามพระวจนะของพระเจ้า ด้วยกำลังที่มาจากชีวิตที่ได้รับการบังเกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์ แทนที่จะปฏิบัติตามคำสอนของมนุษย์ที่เป็นคนบาป
ถ้าสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวประเสริฐและทางแห่งความชอบธรรม ดูที่ thaitracts.org