เลือกดาวน์โหลด... ซ้ายมือสำหรับทำรูปแบบหนังสือ ขวามือสำหรับรูปแบบมือถือหรือแผ่นใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ
Choose a download... left for booklet, right for digital or other use.
ภาษาไทย
ผู้ปกครองเมือง
Government
Government
พระเจ้ามีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
เพราะอำนาจการปกครองเป็นของพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงครอบครองบรรดาประชาชาติ -สดุดี 22:28
แต่เป็นพระเจ้าผู้ทรงพิพากษา ทรงให้คนหนึ่งลง และทรงยกอีกคนหนึ่งขึ้น -สดุดี 75:7
ผู้ปกครองที่โหดร้ายจะเป็นพันธมิตรกับพระองค์ได้หรือ? คือผู้ที่ใช้กฎเกณฑ์สร้างความทุกข์ร้อน -สดุดี 94:20
โดยข้าพเจ้า กษัตริย์จึงครองราชย์ และผู้ครอบครองจึงตรากฎหมายที่ยุติธรรม -สุภาษิต 8:15
ในใจมนุษย์มีแผนงานมากมาย แต่พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะดำรงอยู่ได้ -สุภาษิต 19:21
ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของท่านว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช” -อิสยาห์ 9:6
ดาเนียลกล่าวว่า “สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป ปัญญาและฤทธานุภาพเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนวาระและฤดูกาล ทรงถอดบรรดากษัตริย์และทรงตั้งขึ้นใหม่ พระองค์ประทานปัญญาแก่นักปราชญ์ และความรู้แก่คนฉลาด -ดาเนียล 2:20-21
และในสมัยของพระราชาเหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงสถาปนาราชอาณาจักรหนึ่ง ซึ่งไม่มีวันถูกทำลาย หรือถูกมอบให้ชนชาติอื่น ราชอาณาจักรนั้นจะทำให้ราชอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแตกเป็นชิ้นๆ จนพินาศไป และราชอาณาจักรนั้นจะตั้งมั่นอยู่เป็นนิตย์ -ดาเนียล 2:44
นี่แน่ะ พระเนตรของพระยาห์เวห์องค์เจ้านายจับอยู่ที่อาณาจักรอันบาปหนา และเราจะทำลายมันเสียจากพื้นโลก แต่เราจะไม่ทำลายพงศ์พันธุ์ยาโคบให้สิ้นทีเดียว” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ -อาโมส 9:8
พระเยซูทรงเรียกพวกเขามาตรัสว่า “พวกท่านรู้อยู่ว่าบรรดาผู้ครอบครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้านายอยู่เหนือพวกเขา และพวกที่เป็นใหญ่ก็ใช้อำนาจบังคับเขา ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการเป็นใหญ่ในพวกท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่าน และถ้าใครต้องการจะเป็นนาย คนนั้นจะต้องเป็นทาสของพวกท่าน เหมือนบุตรมนุษย์ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก” -มัทธิว 20:25-28
พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เอาดาบของท่านใส่ฝักเสีย เพราะว่าพวกที่ใช้ดาบจะต้องพินาศเพราะดาบ ท่านคิดว่าเราจะทูลขอพระบิดาของเราไม่ได้หรือ? และพระองค์ก็จะประทานทูตสวรรค์ให้เรามากกว่าสิบสองกองพลในทันที แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นข้อพระคัมภีร์ที่ว่า จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนี้จะสำเร็จได้อย่างไร?” -มัทธิว 26:52-54
เพราะมีข้อพระคัมภีร์ที่กล่าวแก่ฟาโรห์ว่า “เพราะเหตุนี้เองเราจึงได้ตั้งเจ้าขึ้น เพื่อเราจะสำแดงฤทธานุภาพของเราให้ปรากฏทางตัวเจ้า และเพื่อให้นามของเราประกาศไปทั่วโลก” -โรม 9:17
แต่เราเป็นพลเมืองแห่งสวรรค์ และเรารอคอยผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า -ฟีลิปปี 3:20
ยอมเชื่อฟังและอธิษฐานเผื่อผู้ที่มีอำนาจต่างๆ
พระทัยพระราชาเหมือนธารน้ำในพระหัตถ์พระยาห์เวห์ พระเจ้าจะทรงชักนำไปทางไหนก็ตามแต่จะโปรด -สุภาษิต 21:1
เพราะฉะนั้นขอโปรดให้เราทราบว่าท่านคิดอย่างไร? การส่งส่วยให้แก่ซีซาร์นั้นควรหรือไม่?” พระเยซูทรงทราบเจตนาร้ายของพวกเขาจึงตรัสว่า “คนหน้าซื่อใจคด พวกท่านมาทดลองเราทำไม? จงเอาเงินที่จะเสียส่วยนั้นมาให้เราดู” เขาจึงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งถวายพระองค์ พระองค์ตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร?” พวกเขาทูลว่า “ของซีซาร์” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เพราะฉะนั้น ของของซีซาร์จงถวายแด่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” -มัทธิว 22:17-21
ทุกคนจงยอมอยู่ใต้บังคับของผู้ที่มีอำนาจปกครอง เพราะว่าไม่มีอำนาจใดเลยที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า และผู้ที่ถืออำนาจนั้น พระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น เพราะฉะนั้นผู้ที่ขัดขืนอำนาจนั้น ก็ขัดขืนผู้ซึ่งพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น และผู้ที่ขัดขืนนั้นจะต้องถูกลงโทษ เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นไม่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่ประพฤติดี แต่ว่าเป็นที่น่ากลัวสำหรับคนที่ประพฤติชั่ว ท่านไม่อยากจะกลัวผู้มีอำนาจหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็จงทำแต่ความดี แล้วท่านก็จะได้เป็นที่พอใจของผู้มีอำนาจนั้น เพราะว่าผู้ครอบครองนั้น เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเพื่อให้ประโยชน์แก่ท่าน แต่ถ้าท่านทำความชั่วก็จงกลัวเถิด เพราะว่าผู้ครอบครองไม่ได้ถือดาบไว้เฉยๆ แต่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และจะเป็นผู้ลงโทษแทนพระเจ้าแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว เพราะฉะนั้นท่านจะต้องเชื่อฟังผู้ครอบครอง ไม่ใช่เพื่อจะหลีกเลี่ยงการลงโทษอย่างเดียว แต่เพื่อมโนธรรมด้วย เพราะเหตุผลนี้ ท่านจึงได้เสียส่วยด้วย เพราะว่าผู้มีอำนาจนั้นเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่ จงให้แก่ทุกคนที่ท่านต้องให้เขา คือ ส่วย แก่คนที่ท่านต้องเสียส่วยให้ ภาษี แก่คนที่ท่านต้องเสียภาษีให้ ความยำเกรง แก่คนที่ท่านต้องให้ความยำเกรง เกียรติ แก่คนที่ท่านต้องให้เกียรติ อย่าเป็นหนี้อะไรใครเลย นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน เพราะว่าผู้ที่รักคนอื่น ก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว ข้อที่ว่า “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ห้ามฆ่าคน ห้ามลักทรัพย์ ห้ามโลภ ” ทั้งพระบัญญัติอื่นๆ ก็รวมอยู่ในข้อนี้คือ “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ความรักไม่ทำอันตรายต่อเพื่อนบ้านเลย เพราะฉะนั้นความรักจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ธรรมบัญญัติสำเร็จอย่างครบถ้วน นอกจากนั้นท่านควรจะรู้ว่านี่เป็นเวลาที่ควรตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าความรอดได้เข้ามาใกล้กว่าสมัยที่เราเริ่มเชื่อนั้น กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา ให้เราเลิกบรรดากิจการแห่งความมืด และสวมเครื่องอาวุธแห่งความสว่าง ให้เราประพฤติตัวเรียบร้อยสมกับเวลากลางวัน ไม่ใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย ไม่ใช่หยาบโลนลามก ไม่ใช่วิวาทริษยากัน แต่ท่านทั้งหลายจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้เพื่อสนองตัณหาของเนื้อหนัง -โรม 13
เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและทุกคนที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบและมีสันติในทางพระเจ้า และเป็นที่นับถือ การกระทำเช่นนี้เป็นการดี และเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา -1 ทิโมธี 2:1-3
จงเตือนพวกเขาให้อยู่ใต้สิทธิอำนาจของบรรดาผู้ปกครองบ้านเมืองและพวกที่มีอำนาจ ให้เชื่อฟังและพร้อมจะทำการดีทุกอย่าง อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน -ทิตัส 3:1-2
พวกท่านจงยอมเชื่อฟังผู้มีสิทธิอำนาจ เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นจักรพรรดิผู้มีอำนาจ หรือจะเป็นบรรดาผู้ว่าราชการเมืองที่จักรพรรดิส่งไปให้ลงโทษผู้ทำชั่วและยกย่องผู้ทำดี เพราะพระเจ้าทรงประสงค์จะให้พวกท่านระงับความโง่ของคนโฉดเขลาด้วยการทำดี จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า จงให้เกียรติทุกคน จงรักพวกพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ -1 เปโตร 2:13-17
พระเจ้าสั่งให้ผู้นำปกครองได้อย่างไรบ้าง
(คำสั่ง 3 อย่างสำหรับกษัตริย์) “เมื่อท่านมาถึงแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน และท่านถือกรรมสิทธิ์อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น แล้วท่านจะกล่าวว่า ‘เราจะตั้งกษัตริย์ไว้เหนือเราเหมือนประชาชาติทั้งปวงซึ่งอยู่รอบเรา ’ ก็จงตั้งผู้ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกไว้ให้เป็นกษัตริย์เหนือท่าน คือตั้งคนหนึ่งจากพวกพี่น้องของท่านให้เป็นกษัตริย์เหนือท่าน ห้ามตั้งคนต่างชาติซึ่งไม่ใช่พี่น้องของท่านให้อยู่เหนือท่าน แต่ว่าอย่าให้เขามีม้าเป็นของตนเองมากเกินไป หรือเป็นเหตุให้ประชาชนกลับไปอียิปต์ เพื่อจะมีม้ามากๆ เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับพวกท่านแล้วว่า ‘อย่ากลับไปทางนั้นอีกเลย’ และอย่าให้เขามีภรรยามาก เพื่อจิตใจของเขาจะไม่หันเหไป และอย่าให้มีเงินมีทองเป็นของตนอย่างมากมาย “เมื่อเขานั่งบัลลังก์ในราชอาณาจักรก็ให้เขาคัดลอกธรรมบัญญัตินี้ไว้ในหนังสือเพื่อตนเองต่อหน้าพวกปุโรหิตคนเลวี ให้มันอยู่กับเขา และให้เขาอ่านตลอดชีวิตของตน เพื่อเขาจะได้เรียนรู้ที่จะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา โดยรักษาถ้อยคำทั้งสิ้นในธรรมบัญญัตินี้ และกฎเกณฑ์เหล่านี้และทำตาม เพื่อว่าจิตใจของเขาจะไม่ได้ยกขึ้นสูงกว่าพี่น้องของตน และเพื่อเขาเองจะไม่หันเหจากพระบัญญัติไปทางขวาหรือทางซ้าย เพื่อเขาจะได้ปกครองราชอาณาจักรของเขาอยู่ได้นาน ทั้งตนเองและลูกหลานของตนในอิสราเอล -เฉลยธรรมบัญญัติ 17:14-20 (note: คำสั่งนี้หมายความว่ากษัตริย์โซโลมอนไม่ควรจะเก็บสมบัติมากมายอย่างที่ได้ทำหรือมีเมียน้อยเยอะเท่าที่เขาได้มี แน่นอนกษัตริย์ในอิสราเอลมีน้อยที่ทำตามคำสั่งนี้ แต่กษัตริย์ของเราองค์พระเยซูคริสต์ได้ทำตามคำสั่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นกษัตริย์ที่ทอมใจ เป็นกษัตริย์ที่เนื้อกษัตริย์)
(ปกครองด้วยความยุติธรรม) “ท่านจงแต่งตั้งผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตามเมืองของท่าน ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน ตามเผ่าต่างๆ ของท่าน ให้พวกเขาพิพากษาประชาชนตามความยุติธรรม ห้ามทำให้เสียความยุติธรรม ห้ามลำเอียง ห้ามรับสินบน เพราะว่าสินบนทำให้ตาของคนมีปัญญาบอดไป และกลับคดีของคนชอบธรรมเสีย ท่านจงติดตามความยุติธรรมคือ ความยุติธรรมเท่านั้น เพื่อท่านจะมีชีวิตและได้ยึดครองแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน -เฉลยธรรมบัญญัติ 16:18-20
(มีผู้ปกครองมากกว่าคนเดียว) เมื่อไม่มีการชี้แนะ ประชาชนก็ล้มลง แต่โดยมีที่ปรึกษามาก ก็มีความปลอดภัย -สุภาษิต 11:14
คนในพระคัมภีร์ทำอะไรบ้างเวลามีผู้นำที่ชั่ว
พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดีดังที่เป็นอยู่วันนี้ คือช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก -ปฐมกาล 50:20
ต่อมาเมื่อซามูเอลแก่แล้ว ท่านได้ตั้งพวกบุตรชายของท่านให้วินิจฉัยอิสราเอล บุตรชายหัวปีของท่านชื่อโยเอล และคนที่สองชื่ออาบียาห์ ทั้งสองเป็นผู้วินิจฉัยในเมืองเบเออร์เชบา แต่พวกบุตรชายของท่านไม่ได้ดำเนินตามอย่างชีวิตของท่าน พวกเขาบิดเบือนไปหารายได้ที่ผิด รับสินบน และบิดเบือนความยุติธรรม พวกผู้ใหญ่ทั้งหมดของอิสราเอลก็พากันมาหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ และพูดกับท่านว่า “ดูเถิด ท่านชราแล้วและพวกบุตรของท่านไม่ได้ดำเนินตามอย่างชีวิตของท่าน บัดนี้ขอท่านได้ตั้งพระราชาให้วินิจฉัยพวกเราอย่างประชาชาติทั้งปวงเถิด” ถ้อยคำที่พวกเขาพูดว่า “ขอตั้งพระราชาให้วินิจฉัยเราทั้งหลาย” ทำให้ซามูเอลไม่พอใจ ซามูเอลจึงทูลอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงตอบซามูเอลว่า “จงฟังเสียงประชาชนในเรื่องที่พวกเขาพูดกับเจ้า เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ละทิ้งเจ้า แต่พวกเขาละทิ้งเรา ไม่ให้เราเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา ตามการกระทำทั้งสิ้นซึ่งพวกเขาทำแก่เรา ตั้งแต่วันที่เรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์จนถึงวันนี้ คือพวกเขาละทิ้งเราและปรนนิบัติพระอื่น ดังนั้นเขาจึงทำเช่นเดียวกันต่อเจ้าด้วย บัดนี้จงฟังเสียงของพวกเขา แต่เจ้าต้องตักเตือนพวกเขาอย่างจริงจัง และสำแดงให้พวกเขาทราบถึงกฎของกษัตริย์ผู้ที่จะครอบครองพวกเขา” ซามูเอลจึงเอาพระดำรัสทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์มาบอกประชาชน ผู้ร้องขอให้ท่านตั้งพระราชา ท่านกล่าวว่า “นี่เป็นสิทธิของพระราชา ผู้ที่จะครอบครองเหนือพวกเจ้า พระองค์จะเกณฑ์พวกบุตรชายของเจ้า และกำหนดให้ประจำรถรบ และให้เป็นพวกพลม้า และให้วิ่งหน้ารถรบของพระองค์ แล้วพระองค์จะตั้งพวกเขาให้เป็นนายพัน นายห้าสิบของพระองค์ ให้บางคนไถที่ดินของพระองค์และเกี่ยวข้าวของพระองค์ และทำศัสตราวุธและเครื่องใช้ของรถรบ พระองค์จะนำพวกบุตรสาวของพวกเจ้าไปเป็นผู้ปรุงเครื่องหอม ทำครัวและอบขนม พระองค์จะเอานา สวนองุ่น และสวนมะกอกที่ดีที่สุดของพวกเจ้า ให้แก่พวกข้าราชการของพระองค์ พระองค์จะชักหนึ่งในสิบของข้าวและผลองุ่นของพวกเจ้าให้แก่พวกขุนนางและพวกข้าราชการของพระองค์ พระองค์จะเอาพวกคนใช้ชายและหญิง และพวกคนหนุ่มๆ ที่ดีที่สุดของพวกเจ้า และลาของพวกเจ้าไปทำงานของพระองค์ พระองค์จะชักหนึ่งในสิบของฝูงสัตว์ของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นทาสของพระองค์ ในวันนั้นพวกเจ้าจะร้องทุกข์เพราะพระราชา ผู้ซึ่งพวกเจ้าเลือกให้ครองพวกเจ้า แต่พระยาห์เวห์จะไม่ทรงตอบพวกเจ้าในวันนั้น” แต่ประชาชนปฏิเสธไม่เชื่อฟังซามูเอล พวกเขากล่าวว่า “เราไม่ยอม เราจะต้องมีพระราชาปกครองเรา เพื่อเราจะเป็นเหมือนประชาชาติทั้งหลาย และเพื่อพระราชาของเราจะวินิจฉัยเราและนำหน้าเราไปและรบในสงครามให้เรา” และเมื่อซามูเอลได้ยินถ้อยคำทั้งสิ้นของประชาชน ท่านก็นำถ้อยคำเหล่านี้ไปทูลพระยาห์เวห์ให้ทรงทราบ และพระยาห์เวห์ตรัสกับซามูเอลว่า “จงฟังพวกเขาเถิด และจงตั้งกษัตริย์องค์หนึ่งให้พวกเขา” แล้วซามูเอลจึงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า “ให้ทุกคนกลับไปยังเมืองของตน” -1 ซามูเอล 8:1-22
และซามูเอลทูลซาอูลว่า “ท่านได้ทำการที่โง่เขลา ท่านไม่ได้รักษาพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้ เพราะพระยาห์เวห์จะได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของท่านเหนืออิสราเอลตลอดไป แต่บัดนี้ราชอาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืน พระยาห์เวห์ทรงหาชายอีกคนหนึ่งตามชอบพระทัยพระองค์แล้ว และพระยาห์เวห์ทรงแต่งตั้งชายผู้นั้นให้เป็นเจ้านายเหนือชนชาติของพระองค์ เพราะท่านไม่ได้รักษาสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาท่านไว้” -1 ซามูเอล 13:13-14
ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ กษัตริย์อาหสุเอรัสทรงให้ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากักเป็นใหญ่ ทรงยกเขาขึ้นและทรงให้นั่งในตำแหน่งสูงกว่าเจ้านายทั้งปวงที่อยู่กับเขา มหาดเล็ก ทุกคนซึ่งอยู่ที่ประตูวัง ก็กราบลงแสดงความเคารพต่อฮามาน เพราะกษัตริย์ทรงบัญชาให้แสดงความเคารพต่อเขาเช่นนั้น แต่โมรเดคัยไม่ได้กราบหรือแสดงความเคารพ พวกมหาดเล็กซึ่งอยู่ที่ประตูพระราชวังจึงพูดกับโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของกษัตริย์?” ต่อมาเมื่อเขาทั้งหลายพูดกับท่านวันแล้ววันเล่า และท่านไม่ฟัง พวกเขาจึงไปเรียนฮามานเพื่อดูว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่? เพราะท่านบอกพวกเขาว่าท่านเป็นยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลงหรือแสดงความเคารพ ฮามานก็เดือดดาล แต่เห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว เพราะพวกเขาแจ้งให้ทราบเรื่องชนชาติของโมรเดคัย ฮามานจึงหาทางทำลายคนยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในเดือนแรกซึ่งเป็นเดือนนิสาน ปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดสลาก ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวันหาเดือน เขาได้เดือนที่สิบสอง คือเดือนอาดาร์ แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจายและแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ ในทุกมณฑลแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของพวกเขาต่างกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกเขาไม่รักษากฎหมายของกษัตริย์ การที่กษัตริย์ทรงปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่พระองค์ ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างพวกเขาเสีย และข้าพระบาทจะถวายเงิน 10,000 ตะลันต์ ใส่มือผู้ดูแลพระราชกิจเพื่อจะเก็บเข้าพระคลังหลวง ” กษัตริย์จึงท$
เพราะอำนาจการปกครองเป็นของพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงครอบครองบรรดาประชาชาติ -สดุดี 22:28
แต่เป็นพระเจ้าผู้ทรงพิพากษา ทรงให้คนหนึ่งลง และทรงยกอีกคนหนึ่งขึ้น -สดุดี 75:7
ผู้ปกครองที่โหดร้ายจะเป็นพันธมิตรกับพระองค์ได้หรือ? คือผู้ที่ใช้กฎเกณฑ์สร้างความทุกข์ร้อน -สดุดี 94:20
โดยข้าพเจ้า กษัตริย์จึงครองราชย์ และผู้ครอบครองจึงตรากฎหมายที่ยุติธรรม -สุภาษิต 8:15
ในใจมนุษย์มีแผนงานมากมาย แต่พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะดำรงอยู่ได้ -สุภาษิต 19:21
ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของท่าน และเขาจะขนานนามของท่านว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ และองค์สันติราช” -อิสยาห์ 9:6
ดาเนียลกล่าวว่า “สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป ปัญญาและฤทธานุภาพเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนวาระและฤดูกาล ทรงถอดบรรดากษัตริย์และทรงตั้งขึ้นใหม่ พระองค์ประทานปัญญาแก่นักปราชญ์ และความรู้แก่คนฉลาด -ดาเนียล 2:20-21
และในสมัยของพระราชาเหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงสถาปนาราชอาณาจักรหนึ่ง ซึ่งไม่มีวันถูกทำลาย หรือถูกมอบให้ชนชาติอื่น ราชอาณาจักรนั้นจะทำให้ราชอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแตกเป็นชิ้นๆ จนพินาศไป และราชอาณาจักรนั้นจะตั้งมั่นอยู่เป็นนิตย์ -ดาเนียล 2:44
นี่แน่ะ พระเนตรของพระยาห์เวห์องค์เจ้านายจับอยู่ที่อาณาจักรอันบาปหนา และเราจะทำลายมันเสียจากพื้นโลก แต่เราจะไม่ทำลายพงศ์พันธุ์ยาโคบให้สิ้นทีเดียว” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ -อาโมส 9:8
พระเยซูทรงเรียกพวกเขามาตรัสว่า “พวกท่านรู้อยู่ว่าบรรดาผู้ครอบครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้านายอยู่เหนือพวกเขา และพวกที่เป็นใหญ่ก็ใช้อำนาจบังคับเขา ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการเป็นใหญ่ในพวกท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่าน และถ้าใครต้องการจะเป็นนาย คนนั้นจะต้องเป็นทาสของพวกท่าน เหมือนบุตรมนุษย์ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก” -มัทธิว 20:25-28
พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เอาดาบของท่านใส่ฝักเสีย เพราะว่าพวกที่ใช้ดาบจะต้องพินาศเพราะดาบ ท่านคิดว่าเราจะทูลขอพระบิดาของเราไม่ได้หรือ? และพระองค์ก็จะประทานทูตสวรรค์ให้เรามากกว่าสิบสองกองพลในทันที แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นข้อพระคัมภีร์ที่ว่า จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนี้จะสำเร็จได้อย่างไร?” -มัทธิว 26:52-54
เพราะมีข้อพระคัมภีร์ที่กล่าวแก่ฟาโรห์ว่า “เพราะเหตุนี้เองเราจึงได้ตั้งเจ้าขึ้น เพื่อเราจะสำแดงฤทธานุภาพของเราให้ปรากฏทางตัวเจ้า และเพื่อให้นามของเราประกาศไปทั่วโลก” -โรม 9:17
แต่เราเป็นพลเมืองแห่งสวรรค์ และเรารอคอยผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า -ฟีลิปปี 3:20
ยอมเชื่อฟังและอธิษฐานเผื่อผู้ที่มีอำนาจต่างๆ
พระทัยพระราชาเหมือนธารน้ำในพระหัตถ์พระยาห์เวห์ พระเจ้าจะทรงชักนำไปทางไหนก็ตามแต่จะโปรด -สุภาษิต 21:1
เพราะฉะนั้นขอโปรดให้เราทราบว่าท่านคิดอย่างไร? การส่งส่วยให้แก่ซีซาร์นั้นควรหรือไม่?” พระเยซูทรงทราบเจตนาร้ายของพวกเขาจึงตรัสว่า “คนหน้าซื่อใจคด พวกท่านมาทดลองเราทำไม? จงเอาเงินที่จะเสียส่วยนั้นมาให้เราดู” เขาจึงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งถวายพระองค์ พระองค์ตรัสถามว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร?” พวกเขาทูลว่า “ของซีซาร์” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “เพราะฉะนั้น ของของซีซาร์จงถวายแด่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า” -มัทธิว 22:17-21
ทุกคนจงยอมอยู่ใต้บังคับของผู้ที่มีอำนาจปกครอง เพราะว่าไม่มีอำนาจใดเลยที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า และผู้ที่ถืออำนาจนั้น พระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น เพราะฉะนั้นผู้ที่ขัดขืนอำนาจนั้น ก็ขัดขืนผู้ซึ่งพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น และผู้ที่ขัดขืนนั้นจะต้องถูกลงโทษ เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นไม่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่ประพฤติดี แต่ว่าเป็นที่น่ากลัวสำหรับคนที่ประพฤติชั่ว ท่านไม่อยากจะกลัวผู้มีอำนาจหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็จงทำแต่ความดี แล้วท่านก็จะได้เป็นที่พอใจของผู้มีอำนาจนั้น เพราะว่าผู้ครอบครองนั้น เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเพื่อให้ประโยชน์แก่ท่าน แต่ถ้าท่านทำความชั่วก็จงกลัวเถิด เพราะว่าผู้ครอบครองไม่ได้ถือดาบไว้เฉยๆ แต่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และจะเป็นผู้ลงโทษแทนพระเจ้าแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว เพราะฉะนั้นท่านจะต้องเชื่อฟังผู้ครอบครอง ไม่ใช่เพื่อจะหลีกเลี่ยงการลงโทษอย่างเดียว แต่เพื่อมโนธรรมด้วย เพราะเหตุผลนี้ ท่านจึงได้เสียส่วยด้วย เพราะว่าผู้มีอำนาจนั้นเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่ จงให้แก่ทุกคนที่ท่านต้องให้เขา คือ ส่วย แก่คนที่ท่านต้องเสียส่วยให้ ภาษี แก่คนที่ท่านต้องเสียภาษีให้ ความยำเกรง แก่คนที่ท่านต้องให้ความยำเกรง เกียรติ แก่คนที่ท่านต้องให้เกียรติ อย่าเป็นหนี้อะไรใครเลย นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน เพราะว่าผู้ที่รักคนอื่น ก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว ข้อที่ว่า “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ห้ามฆ่าคน ห้ามลักทรัพย์ ห้ามโลภ ” ทั้งพระบัญญัติอื่นๆ ก็รวมอยู่ในข้อนี้คือ “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ความรักไม่ทำอันตรายต่อเพื่อนบ้านเลย เพราะฉะนั้นความรักจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ธรรมบัญญัติสำเร็จอย่างครบถ้วน นอกจากนั้นท่านควรจะรู้ว่านี่เป็นเวลาที่ควรตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าความรอดได้เข้ามาใกล้กว่าสมัยที่เราเริ่มเชื่อนั้น กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา ให้เราเลิกบรรดากิจการแห่งความมืด และสวมเครื่องอาวุธแห่งความสว่าง ให้เราประพฤติตัวเรียบร้อยสมกับเวลากลางวัน ไม่ใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย ไม่ใช่หยาบโลนลามก ไม่ใช่วิวาทริษยากัน แต่ท่านทั้งหลายจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้เพื่อสนองตัณหาของเนื้อหนัง -โรม 13
เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและทุกคนที่มีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบและมีสันติในทางพระเจ้า และเป็นที่นับถือ การกระทำเช่นนี้เป็นการดี และเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา -1 ทิโมธี 2:1-3
จงเตือนพวกเขาให้อยู่ใต้สิทธิอำนาจของบรรดาผู้ปกครองบ้านเมืองและพวกที่มีอำนาจ ให้เชื่อฟังและพร้อมจะทำการดีทุกอย่าง อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน -ทิตัส 3:1-2
พวกท่านจงยอมเชื่อฟังผู้มีสิทธิอำนาจ เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นจักรพรรดิผู้มีอำนาจ หรือจะเป็นบรรดาผู้ว่าราชการเมืองที่จักรพรรดิส่งไปให้ลงโทษผู้ทำชั่วและยกย่องผู้ทำดี เพราะพระเจ้าทรงประสงค์จะให้พวกท่านระงับความโง่ของคนโฉดเขลาด้วยการทำดี จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า จงให้เกียรติทุกคน จงรักพวกพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ -1 เปโตร 2:13-17
พระเจ้าสั่งให้ผู้นำปกครองได้อย่างไรบ้าง
(คำสั่ง 3 อย่างสำหรับกษัตริย์) “เมื่อท่านมาถึงแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน และท่านถือกรรมสิทธิ์อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น แล้วท่านจะกล่าวว่า ‘เราจะตั้งกษัตริย์ไว้เหนือเราเหมือนประชาชาติทั้งปวงซึ่งอยู่รอบเรา ’ ก็จงตั้งผู้ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกไว้ให้เป็นกษัตริย์เหนือท่าน คือตั้งคนหนึ่งจากพวกพี่น้องของท่านให้เป็นกษัตริย์เหนือท่าน ห้ามตั้งคนต่างชาติซึ่งไม่ใช่พี่น้องของท่านให้อยู่เหนือท่าน แต่ว่าอย่าให้เขามีม้าเป็นของตนเองมากเกินไป หรือเป็นเหตุให้ประชาชนกลับไปอียิปต์ เพื่อจะมีม้ามากๆ เพราะพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับพวกท่านแล้วว่า ‘อย่ากลับไปทางนั้นอีกเลย’ และอย่าให้เขามีภรรยามาก เพื่อจิตใจของเขาจะไม่หันเหไป และอย่าให้มีเงินมีทองเป็นของตนอย่างมากมาย “เมื่อเขานั่งบัลลังก์ในราชอาณาจักรก็ให้เขาคัดลอกธรรมบัญญัตินี้ไว้ในหนังสือเพื่อตนเองต่อหน้าพวกปุโรหิตคนเลวี ให้มันอยู่กับเขา และให้เขาอ่านตลอดชีวิตของตน เพื่อเขาจะได้เรียนรู้ที่จะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา โดยรักษาถ้อยคำทั้งสิ้นในธรรมบัญญัตินี้ และกฎเกณฑ์เหล่านี้และทำตาม เพื่อว่าจิตใจของเขาจะไม่ได้ยกขึ้นสูงกว่าพี่น้องของตน และเพื่อเขาเองจะไม่หันเหจากพระบัญญัติไปทางขวาหรือทางซ้าย เพื่อเขาจะได้ปกครองราชอาณาจักรของเขาอยู่ได้นาน ทั้งตนเองและลูกหลานของตนในอิสราเอล -เฉลยธรรมบัญญัติ 17:14-20 (note: คำสั่งนี้หมายความว่ากษัตริย์โซโลมอนไม่ควรจะเก็บสมบัติมากมายอย่างที่ได้ทำหรือมีเมียน้อยเยอะเท่าที่เขาได้มี แน่นอนกษัตริย์ในอิสราเอลมีน้อยที่ทำตามคำสั่งนี้ แต่กษัตริย์ของเราองค์พระเยซูคริสต์ได้ทำตามคำสั่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นกษัตริย์ที่ทอมใจ เป็นกษัตริย์ที่เนื้อกษัตริย์)
(ปกครองด้วยความยุติธรรม) “ท่านจงแต่งตั้งผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตามเมืองของท่าน ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน ตามเผ่าต่างๆ ของท่าน ให้พวกเขาพิพากษาประชาชนตามความยุติธรรม ห้ามทำให้เสียความยุติธรรม ห้ามลำเอียง ห้ามรับสินบน เพราะว่าสินบนทำให้ตาของคนมีปัญญาบอดไป และกลับคดีของคนชอบธรรมเสีย ท่านจงติดตามความยุติธรรมคือ ความยุติธรรมเท่านั้น เพื่อท่านจะมีชีวิตและได้ยึดครองแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน -เฉลยธรรมบัญญัติ 16:18-20
(มีผู้ปกครองมากกว่าคนเดียว) เมื่อไม่มีการชี้แนะ ประชาชนก็ล้มลง แต่โดยมีที่ปรึกษามาก ก็มีความปลอดภัย -สุภาษิต 11:14
คนในพระคัมภีร์ทำอะไรบ้างเวลามีผู้นำที่ชั่ว
พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดีดังที่เป็นอยู่วันนี้ คือช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก -ปฐมกาล 50:20
ต่อมาเมื่อซามูเอลแก่แล้ว ท่านได้ตั้งพวกบุตรชายของท่านให้วินิจฉัยอิสราเอล บุตรชายหัวปีของท่านชื่อโยเอล และคนที่สองชื่ออาบียาห์ ทั้งสองเป็นผู้วินิจฉัยในเมืองเบเออร์เชบา แต่พวกบุตรชายของท่านไม่ได้ดำเนินตามอย่างชีวิตของท่าน พวกเขาบิดเบือนไปหารายได้ที่ผิด รับสินบน และบิดเบือนความยุติธรรม พวกผู้ใหญ่ทั้งหมดของอิสราเอลก็พากันมาหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ และพูดกับท่านว่า “ดูเถิด ท่านชราแล้วและพวกบุตรของท่านไม่ได้ดำเนินตามอย่างชีวิตของท่าน บัดนี้ขอท่านได้ตั้งพระราชาให้วินิจฉัยพวกเราอย่างประชาชาติทั้งปวงเถิด” ถ้อยคำที่พวกเขาพูดว่า “ขอตั้งพระราชาให้วินิจฉัยเราทั้งหลาย” ทำให้ซามูเอลไม่พอใจ ซามูเอลจึงทูลอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงตอบซามูเอลว่า “จงฟังเสียงประชาชนในเรื่องที่พวกเขาพูดกับเจ้า เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ละทิ้งเจ้า แต่พวกเขาละทิ้งเรา ไม่ให้เราเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขา ตามการกระทำทั้งสิ้นซึ่งพวกเขาทำแก่เรา ตั้งแต่วันที่เรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์จนถึงวันนี้ คือพวกเขาละทิ้งเราและปรนนิบัติพระอื่น ดังนั้นเขาจึงทำเช่นเดียวกันต่อเจ้าด้วย บัดนี้จงฟังเสียงของพวกเขา แต่เจ้าต้องตักเตือนพวกเขาอย่างจริงจัง และสำแดงให้พวกเขาทราบถึงกฎของกษัตริย์ผู้ที่จะครอบครองพวกเขา” ซามูเอลจึงเอาพระดำรัสทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์มาบอกประชาชน ผู้ร้องขอให้ท่านตั้งพระราชา ท่านกล่าวว่า “นี่เป็นสิทธิของพระราชา ผู้ที่จะครอบครองเหนือพวกเจ้า พระองค์จะเกณฑ์พวกบุตรชายของเจ้า และกำหนดให้ประจำรถรบ และให้เป็นพวกพลม้า และให้วิ่งหน้ารถรบของพระองค์ แล้วพระองค์จะตั้งพวกเขาให้เป็นนายพัน นายห้าสิบของพระองค์ ให้บางคนไถที่ดินของพระองค์และเกี่ยวข้าวของพระองค์ และทำศัสตราวุธและเครื่องใช้ของรถรบ พระองค์จะนำพวกบุตรสาวของพวกเจ้าไปเป็นผู้ปรุงเครื่องหอม ทำครัวและอบขนม พระองค์จะเอานา สวนองุ่น และสวนมะกอกที่ดีที่สุดของพวกเจ้า ให้แก่พวกข้าราชการของพระองค์ พระองค์จะชักหนึ่งในสิบของข้าวและผลองุ่นของพวกเจ้าให้แก่พวกขุนนางและพวกข้าราชการของพระองค์ พระองค์จะเอาพวกคนใช้ชายและหญิง และพวกคนหนุ่มๆ ที่ดีที่สุดของพวกเจ้า และลาของพวกเจ้าไปทำงานของพระองค์ พระองค์จะชักหนึ่งในสิบของฝูงสัตว์ของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นทาสของพระองค์ ในวันนั้นพวกเจ้าจะร้องทุกข์เพราะพระราชา ผู้ซึ่งพวกเจ้าเลือกให้ครองพวกเจ้า แต่พระยาห์เวห์จะไม่ทรงตอบพวกเจ้าในวันนั้น” แต่ประชาชนปฏิเสธไม่เชื่อฟังซามูเอล พวกเขากล่าวว่า “เราไม่ยอม เราจะต้องมีพระราชาปกครองเรา เพื่อเราจะเป็นเหมือนประชาชาติทั้งหลาย และเพื่อพระราชาของเราจะวินิจฉัยเราและนำหน้าเราไปและรบในสงครามให้เรา” และเมื่อซามูเอลได้ยินถ้อยคำทั้งสิ้นของประชาชน ท่านก็นำถ้อยคำเหล่านี้ไปทูลพระยาห์เวห์ให้ทรงทราบ และพระยาห์เวห์ตรัสกับซามูเอลว่า “จงฟังพวกเขาเถิด และจงตั้งกษัตริย์องค์หนึ่งให้พวกเขา” แล้วซามูเอลจึงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า “ให้ทุกคนกลับไปยังเมืองของตน” -1 ซามูเอล 8:1-22
และซามูเอลทูลซาอูลว่า “ท่านได้ทำการที่โง่เขลา ท่านไม่ได้รักษาพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้ เพราะพระยาห์เวห์จะได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของท่านเหนืออิสราเอลตลอดไป แต่บัดนี้ราชอาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืน พระยาห์เวห์ทรงหาชายอีกคนหนึ่งตามชอบพระทัยพระองค์แล้ว และพระยาห์เวห์ทรงแต่งตั้งชายผู้นั้นให้เป็นเจ้านายเหนือชนชาติของพระองค์ เพราะท่านไม่ได้รักษาสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาท่านไว้” -1 ซามูเอล 13:13-14
ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ กษัตริย์อาหสุเอรัสทรงให้ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากักเป็นใหญ่ ทรงยกเขาขึ้นและทรงให้นั่งในตำแหน่งสูงกว่าเจ้านายทั้งปวงที่อยู่กับเขา มหาดเล็ก ทุกคนซึ่งอยู่ที่ประตูวัง ก็กราบลงแสดงความเคารพต่อฮามาน เพราะกษัตริย์ทรงบัญชาให้แสดงความเคารพต่อเขาเช่นนั้น แต่โมรเดคัยไม่ได้กราบหรือแสดงความเคารพ พวกมหาดเล็กซึ่งอยู่ที่ประตูพระราชวังจึงพูดกับโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของกษัตริย์?” ต่อมาเมื่อเขาทั้งหลายพูดกับท่านวันแล้ววันเล่า และท่านไม่ฟัง พวกเขาจึงไปเรียนฮามานเพื่อดูว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่? เพราะท่านบอกพวกเขาว่าท่านเป็นยิว เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลงหรือแสดงความเคารพ ฮามานก็เดือดดาล แต่เห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว เพราะพวกเขาแจ้งให้ทราบเรื่องชนชาติของโมรเดคัย ฮามานจึงหาทางทำลายคนยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส ในเดือนแรกซึ่งเป็นเดือนนิสาน ปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดสลาก ต่อหน้าฮามานเพื่อหาวันหาเดือน เขาได้เดือนที่สิบสอง คือเดือนอาดาร์ แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจายและแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ ในทุกมณฑลแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของพวกเขาต่างกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกเขาไม่รักษากฎหมายของกษัตริย์ การที่กษัตริย์ทรงปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่พระองค์ ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างพวกเขาเสีย และข้าพระบาทจะถวายเงิน 10,000 ตะลันต์ ใส่มือผู้ดูแลพระราชกิจเพื่อจะเก็บเข้าพระคลังหลวง ” กษัตริย์จึงท$