เลือกดาวน์โหลด... ซ้ายมือสำหรับทำรูปแบบหนังสือ ขวามือสำหรับรูปแบบมือถือหรือแผ่นใหญ่สำหรับผู้สูงอายุ
Choose a download... left for booklet, right for digital or other use.
ภาษาไทย
การทำงานและธุรกิจ
Work and Business
Work and Business
แนวคิดทุนนิยมในพระคัมภีร์
ท่าน จะได้กินผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของท่าน ท่านจะเป็นสุข และท่านจะเจริญ -สดุดี 128:2
คนเกียจคร้านเอ๋ย ไปหามดไป๊ พิเคราะห์ดูทางของมัน และจงมีปัญญา โดยปราศจากหัวหน้า เจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครอง มันเตรียมอาหารของมันในฤดูแล้ง และสะสมเสบียงของมันในฤดูเกี่ยว คนเกียจคร้านเอ๋ย เจ้าจะนอนนานเท่าไร? เมื่อไรเจ้าจะลุกขึ้นจากหลับ? หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย แล้วความจนจะมาหาเจ้าอย่างคนจรจัด และความขัดสน อย่างคนถืออาวุธ -สุภาษิต 6:6-11
ความต้องการของคนเกียจคร้านก็มีอยู่ แต่จะไม่ได้อะไรเลย ส่วนความต้องการของคนขยันจะได้รับการตอบสนองอย่างจุใจ -สุภาษิต 13:4
มีกำไรอยู่ในงานที่เหนื่อยยากทุกอย่าง การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน -สุภาษิต 14:23
เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วซื้อไว้ ด้วยรายได้ของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และทำให้แขนของเธอแข็งแรง เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ -สุภาษิต 31:16-18
ดูเถิด ที่ข้าพเจ้าเห็นชอบและสมควรคือ ให้กินและดื่ม และชื่นชมบรรดาผลจากน้ำพักน้ำแรงของตน ที่ตนตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ ตลอดชั่วอายุไม่กี่วันของตนที่พระเจ้าประทานแก่ตนเพราะการนี้แหละเป็นส่วนแบ่งของตน อนึ่ง ทุกๆ คนที่พระเจ้าประทานความมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติให้ ก็ได้ทรงโปรดให้พวกเขาได้ใช้ของเหล่านั้น และให้ได้รับส่วนแบ่งของพวกเขา และเปรมปรีดิ์ในผลจากน้ำพักน้ำแรงของตนได้ นี่แหละเป็นของประทานจากพระเจ้า เขาจะได้ไม่ต้องนึกถึงปีเดือนแห่งชีวิตของตนมาก เพราะพระเจ้าให้ใจเขาสาละวนอยู่กับความชื่นใจ -ปัญญาจารย์ 5:18-20
มือของเจ้าจับงานอะไร ก็จงทำการนั้นด้วยเต็มกำลัง เพราะในแดนคนตายที่เจ้าจะไปนั้นไม่มีการงาน หรือความคิด หรือความรู้ หรือปัญญา -ปัญญาจารย์ 9:10
“เพราะว่าเหมือนอย่างชายคนหนึ่งที่กำลังจะออกเดินทาง เขาจึงเรียกบ่าวทั้งหลายของตนมา และฝากทรัพย์สิ่งของของตนกับพวกเขาไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็ไปทันที เอาเงินนั้นไปค้าขาย ได้กำไรอีกห้าตะลันต์ คนที่ได้รับสองตะลันต์ก็ได้กำไรอีกสองตะลันต์เหมือนกัน แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นออกไปขุดหลุมและซ่อนเงินของนายไว้ หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นายของบ่าวทั้งหลายก็มาคิดบัญชีกับพวกเขา คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่ได้รับตะลันต์เดียวก็มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจตระหนี่ เกี่ยวผลในที่ที่ท่านไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูซิ นี่เงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ไอ้บ่าวชั่วและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเราเกี่ยวในที่ที่เราไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่เราไม่ได้โปรย เพราะฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากกับนายธนาคาร เมื่อเรามาก็จะได้รับเงินทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ เพราะว่าใครที่มีอยู่แล้วจะให้แก่คนนั้นจนมีอย่างเหลือเฟือ แต่คนที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่มีอยู่ก็จะเอาไปจากเขา เอาไอ้บ่าวชั่วช้าไปทิ้งเสียยังที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ -มัทธิว 25:14-30
เมื่อถึงรุ่งเช้า พระเยซูทรงยืนอยู่ที่ฝั่ง แต่พวกสาวกไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ลูกเอ๋ย ยังไม่ได้ปลาหรือ?” เขาตอบว่า “ยัง” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือ แล้วจะได้ปลามาบ้าง” เขาจึงทอดอวนลงและได้ปลาจำนวนมาก จนลากอวนขึ้นไม่ไหว -ยอห์น 21:4-6
ใครบ้างที่เป็นทหารด้วยค่าจ้างของตัวเอง? ใครบ้างที่ทำสวนองุ่นและไม่กินผลองุ่นในสวนนั้น? ใครบ้างที่เลี้ยงฝูงแกะและไม่กินน้ำนมของฝูงแกะนั้น? -1 โครินธ์ 9:7
คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีกต่อไป แต่จงใช้มือ [ของตน] ตรากตรำทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรแจกจ่ายให้คนที่มีความจำเป็น -เอเฟซัส 4:28
จงรับใช้นายด้วยความกระตือรือร้น อย่างที่ทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์ -เอเฟซัส 6:7
ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ ท่านทั้งหลายก็รู้ว่า ท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบำเหน็จ เพราะท่านกำลังรับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ -โคโลสี 3:23-24
และจงตั้งเป้าว่าจะอยู่อย่างสงบ และทำกิจธุระส่วนของตน และทำงานด้วยมือของตนเอง เหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว เพื่อพวกท่านจะได้เป็นที่นับถือของคนภายนอก และไม่ต้องรบกวนใคร เลย -1 เธสะโลนิกา 4:11-12
แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับอย่างนี้ว่า ถ้าใครไม่ยอมทำงาน ก็อย่าให้เขากิน -2 เธสะโลนิกา 3:10
ตัวอย่างธุรกิจแต่พระคัมภีร์
ค้าขาย- อับราฮัมก็ตกลงกับเอโฟรน แล้วอับราฮัมก็ชั่งเงินให้เอโฟรนตามจำนวนที่เขาบอกให้คนฮิตไทต์ได้ยิน คือเงินหนัก 4.8 กิโลกรัม ตามน้ำหนักที่พวกพ่อค้าใช้ -ปฐมกาล 23:16
มีหญิงคนหนึ่งในพวกที่ฟังเราชื่อลิเดีย นางมาจากเมืองธิยาทิรา เป็นคนขายผ้าสีม่วงและเป็นคนที่นับถือพระเจ้า หญิงคนนั้นมาฟังเรา และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดใจของนางให้สนใจถ้อยคำที่เปาโลกล่าว -กิจการ 16:14
ขายยา
จงผสมเครื่องหอมปรุงตามวิธีการของช่างปรุง เจือด้วยเกลือให้เป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ -อพยพ 30:35
นักเขียน
เอสราคนนี้ได้ขึ้นไปจากบาบิโลน ท่านเป็นธรรมาจารย์ชำนาญในเรื่องธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประทานให้ และกษัตริย์ประทานทุกอย่างที่ท่านทูลขอ เพราะว่าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่าน -เอสรา 7:6
มึงทำอาหาร
และซามูเอลพูดกับคนครัวว่า “จงนำส่วนที่ข้าพเจ้ามอบให้ ซึ่งข้าพเจ้าบอกเจ้าว่า ‘เก็บไว้ต่างหาก’ นั้นมา” คนครัวจึงนำส่วนขาและส่วนบนนั้นมาวางไว้ข้างหน้าซาอูล และซามูเอลพูดว่า “นี่แน่ะ ส่วนที่ได้เก็บไว้ก็วางอยู่ต่อหน้าท่าน จงรับประทานเถอะ เพราะว่าเก็บไว้ให้แก่ท่านจนถึงเวลาที่กำหนดไว้ เพราะข้าพเจ้าพูดว่า ข้าพเจ้าได้เชิญประชาชนมาแล้ว” ซาอูลจึงรับประทานกับซามูเอลในวันนั้น -1 ซามูเอล 9:23-24
ช่างไม้
ฮีรามกษัตริย์เมืองไทระทรงส่งพวกผู้สื่อสารมาหาดาวิด และส่งไม้สนสีดาร์ พวกช่างไม้ และพวกช่างสลักหินมาสร้างพระราชวังของดาวิด
2 ซามูเอล 5:11
คนนี้เป็นลูกช่างไม้ แม่ของเขาชื่อมารีย์ไม่ใช่หรือ? น้องชายของเขาชื่อยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาสไม่ใช่หรือ?
มัทธิว 13:55
คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกของมารีย์ไม่ใช่หรือ? ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนก็เป็นน้องชายของเขาไม่ใช่หรือ? และน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเราไม่ใช่หรือ?” พวกเขาจึงขัดเคืองใจในตัวพระองค์
มาระโก 6:3
ช่างตัดหิน
และให้แก่ช่างก่ออิฐถือปูน และช่างสกัดหิน ทั้งซื้อไม้และหินสกัดที่ใช้ในการซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดในงานซ่อมแซมพระนิเวศ -2 พงศ์กษัตริย์ 12:12
นักดนตรีนักเต้น
นักร้องนำหน้า นักดนตรีรั้งท้าย ตรงกลางมีสาวรุ่นเล่นรำมะนา -สดุดี 68:25
และจะไม่มีใครได้ยินเสียง นักดีดพิณ นักดนตรี นักเป่าขลุ่ยและนักเป่าแตรในตัวเจ้าอีกต่อไป และจะไม่มีใครพบเห็น ช่างแขนงใดๆ ในตัวเจ้าอีกต่อไป และจะไม่มีใครได้ยิน เสียงโม่แป้งในตัวเจ้าอีกต่อไป -วิวรณ์ 18:22
ชาวนา
คนที่ไถก็ได้ไถบนหลังข้าพเจ้า เขาทำรอยไถของเขาให้ยาว” -สดุดี 129:3
พราน
“พระยาห์เวห์ตรัสว่า นี่แน่ะ เราจะส่งชาวประมงมาเป็นจำนวนมาก และพวกเขาจะจับเขาทั้งหลาย ภายหลังเราจะให้เขาส่งพรานจำนวนมากมา พรานจะล่าเขาทั้งหลายตามภูเขาทุกแห่งและตามเนินเขาทุกลูกและตามซอกหิน -เยเรมีย์ 16:16
คนซักผ้า
แต่ใครจะทนอยู่ได้ในวันที่ท่านมา? และใครจะยืนมั่นอยู่ได้เมื่อท่านปรากฏตัว? “เพราะว่าท่านเป็นประดุจไฟถลุงแร่ และประดุจสบู่ของช่างซักฟอก -มาลาคี 3:2
นักปั้นหม้อ
“จงลุกขึ้น ไปที่บ้านของช่างหม้อ เราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น” -เยเรมีย์ 18:2
ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิเอาดินก้อนเดียวกัน มาปั้นเป็นภาชนะที่ใช้ในโอกาสพิเศษ อันหนึ่ง และทั่วๆ ไป อีกอันหนึ่งหรือ? -โรม 9:21
นักตกปลา
ขณะที่พระองค์ทรงดำเนินอยู่ตามชายทะเลกาลิลี ก็ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องชาวประมงสองคน คือซีโมนที่เรียกว่าเปโตร กับอันดรูว์น้องชายของเขา กำลังทอดแหอยู่ในทะเลสาบ -มัทธิว 4:18
ผู้เลี้ยงแกะ
ในแถบนั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งกำลังเฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน -ลูกา 2:8
เจ้าของโรงแรม
วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘ช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้จะใช้ให้เมื่อกลับมา’
ลูกา 10:35
ช่างเหล็ก
ถัดพวกเขาไปคือ อุสซีเอลบุตรฮารฮายาห์พวกช่างทองได้ซ่อมแซม ถัดเขาไปคือ ฮานันยาห์คนหนึ่งในพวกผู้ปรุงเครื่องหอมได้ซ่อมแซม พวกเขาบูรณะเยรูซาเล็มไกลไปจนถึงกำแพงกว้าง -เนหะมีย์ 3:8
เปโตรอาศัยอยู่ในเมืองยัฟฟาหลายวัน โดยพักอยู่กับซีโมนที่เป็นช่างฟอกหนัง -กิจการ 9:43
ช่างเย็บเต็นท์
(อาควิลลา ปริสสิลลา และเปาโล) ท่านอาศัยและทำงานอยู่กับเขาทั้งสอง เพราะว่าทั้งสองฝ่ายเป็นช่างทำเต็นท์ด้วยกัน -กิจการ 18:3
คุณครู
บรรดาสุภาษิตของซาโลมอน ผู้เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลและโอรสของดาวิด เพื่อให้รู้จักปัญญาและการสั่งสอน เพื่อให้เข้าใจถ้อยคำแห่งความรอบรู้ เพื่อรับการสั่งสอนให้ฉลาด ในเรื่องความชอบธรรม ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม เพื่อให้ความสุขุมแก่คนรู้น้อย ให้ความรู้และความเฉลียวฉลาดแก่คนหนุ่ม คนมีปัญญาจะได้ยินและเพิ่มพูนการเรียนรู้ และคนที่มีความเข้าใจจะได้การชี้แนะ เพื่อให้เข้าใจสุภาษิตและอุปมา ทั้งถ้อยคำของคนมีปัญญาและปริศนาของพวกเขา ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและการสั่งสอน -สุภาษิต 1:1-7
คุณหมอ
ลูกา แพทย์ที่รัก กับเดมาส ก็ฝากคำทักทายมายังพวกท่าน -โคโลสี 4:14
การทำงานเป็นลูกจ้างและ "การหาเสรีภาพ"
ในโลกยุคโบราณ การมีทาสเป็นเรื่องปกติ ซึ่งอาจจะฟังเป็นเรื่องแปลกในปัจจุบันนี้ เพราะเรามองว่ามันเป็นความชั่วร้ายและความรู้สึกนี้ก็ถูกต้อง แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจก็คือ ประเทศต่างๆทางฝั่งตะวันตกที่เป็นประเทศแรกๆในการยกเลิกการมีทาส เช่น ประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาก็มีรูปแบบการใช้ทาสที่ได้กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นในโลกสมัยก่อน
รัฐเฟอร์มอนต์ในสหรัฐอเมริกา รัฐแรกที่ได้ยกเลิกการมีทาสในปี 1777 และรัฐเพนเซลฟาเนียได้ยกเลิกการมีทาสในปี 1780 รัฐทางเหนือของสหรัฐอเมริกา ได้ยกเลิกการเป็นทาสทั้งหมดภายในปี 1804 และทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการค้าทาสระหว่างประเทศในปี 1807 (ซึ่งหมายความว่ารัฐทางใต้ไม่สามารถซื้อทาสใหม่จากแอฟริกาได้อีกต่อไป) ราชอาณาจักรอังกฤษได้เลิกการมีทาสทั่วทั้งอาณาจักรภายในปี 1833 และสหรัฐอเมริกา เพิ่มการแก้ไขข้อบังคับในรัฐธรรมนูญ ทำให้การมีทาสกฎหมายอย่างถาวรทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ในปี 1865 ดังนั้นสหรัฐอเมริกาและ ประเทศอังกฤษจึงเป็นประเทศแรกที่เลิกการมีและขายทาส ซาอุดีอาระเบียยกเลิกการมีทาสในปี 1960 และมอริตานี (เป็นประเทศอาหรับประเทศหนึ่ง) ยกเลิกการมีทาสในปี 1981
ในสมัยก่อนยุโรปและอเมริกาจะซื้อทาสจากพ่อค้าชาวอาหรับในแอฟริกาซึ่งมักถูกขายโดยผู้ใหญ่บ้านของตนเอง และจะบรรจุพวกทาสไว้ในเรืออย่างแน่นหนาและพาพวกเขาไปทางตะวันตกเพื่อขายในราคาถูก
น่าจะเป็นไปประมาณนี้เพราะว่าทาสชาวตะวันตกมีราคาสูงกว่า อย่างไรก็ตามจะมีให้เห็นทาสผิวขาวในยุโรปและอเมริกาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติ ดังนั้นนี่จึงหมายความว่าการมีทาสได้เติบโตขึ้นไปเป็นสิ่งที่เหยียดเชื้อชาติอื่นโดยที่ทาสเกือบทั้งหมดเป็นคนผิวดำ และมีชายอิสระเพียงไม่กี่คนที่เป็นคนผิวดำ
การมีทาสในประเทศไทยในสมัยก่อนมีความคล้ายคลึงกัน แต่อาจมีความชั่วร้ายน้อยกว่าเล็กน้อย เนื่องจากทาสในประเทศไทยมีแนวโน้มว่าจะมาจากพม่า และทาสในพม่ามีแนวโน้มว่าจะมาจากประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังเป็นการเหยียดชาติอื่น
ทาสในโลกยุคโบราณน่าจะเป็นคนจากทุกเชื้อชาติ และพวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม พวกเขาสามารถและมักจะจ่ายเงินเพื่อไถ่ตัวเองให้เป็นอิสระ เป็นเรื่องปกติที่เขาจะทำธุรกิจแยกเวลาว่างเพื่อหาเงินไถ่ตัวเอง
ทาสหลายคนกลายเป็นทาสเพราะหนี้ ดังนั้นในความเป็นจริง การเป็นทาสที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์พูดง่ายๆคือการจ้างงานซึ่งสัญญาผูกพันมากกว่าที่เรามีปัจจุบันนี้ และแทนที่จะจ่ายด้วยเงินสด พวกเขาจ่ายด้วยที่พักและอาหาร โลกส่วนใหญ่ในปัจจุบันแทบจะไม่สามารถจ่ายค่าอาหารและค่าเช่ากับเงินเดือนที่ได้มาของเราซึ่งทำให้สิ่งนี้เปรียบเทียบได้อย่างแท้จริง
อาจารย์เปาโลสนับสนุนให้ผู้เชื่อไถ่ตัวเองให้อิสระจากการเป็นทาสหากทำได้ นอกจากนี้เขายังสั่งผู้เชื่อให้ยอมเชื่อฟังเจ้านายของพวกเขาในทุกสิ่ง พระคัมภีร์ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติกับเจ้านายที่ไม่เชื่อพระเจ้าด้วย
ตัวอย่างที่พระเยซู สาวก และเปาโลวางไว้คือการทำงานด้วยมือของคุณเอง ทำธุรกิจส่วนตัว เพื่อที่คุณจะได้อิสระในการทำพันธกิจ
ด้วยเหตุผลนี้ ผมจึงเชื่อว่าการเอาแนวคิด "ไถ่ตัวเองให้เป็นอิสระหากทำได้" เป็นการลาออกจากงานเป็นลูกจ้างและเริ่มต้นการทำธุรกิจส่วนตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้านายของคุณไม่เชื่อพระเจ้า สิ่งนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่แน่นอน แต่ผมเชื่อว่านี่เป็นคำแนะนำที่ดีและเป็นสิ่งที่ควรนำไปอธิษฐานกับพระเจ้า
เปาโลส่งโอเนซิมัสกลับไปหาฟีเลโมน เป็นไปได้ว่าเขาเป็นทาสที่หนีไป และเปาโลส่งเขากลับไปโดยบอกว่าเขาอาจจะถูกมองว่าเป็นพี่น้องไม่ใช่ทาส
เพราะเหตุนี้ แม้โดยพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้ามีใจกล้าพอจะสั่งให้ท่านทำในสิ่งที่ควรทำ แต่โดยความรัก ข้าพเจ้าจะขอร้องท่านดีกว่า ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นทูตของพระเยซูคริสต์ และขณะนี้ถูกคุมขังเนื่องจากการประกาศพระองค์ ข้าพเจ้าขอร้องท่านเรื่องโอเนสิมัส ลูกของข้าพเจ้า ผู้ซึ่งได้มาเป็นบุตรระหว่างที่ข้าพเจ้าถูกคุมขังอยู่ (เมื่อก่อนนั้นเขาไม่เป็นประโยชน์ต่อท่าน แต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นประโยชน์ทั้งต่อท่านและข้าพเจ้า) ข้าพเจ้าส่งเขาผู้ซึ่งเป็นดังดวงใจของข้าพเจ้ามายังท่าน ข้าพเจ้าอยากจะหน่วงเหนี่ยวตัวเขาไว้เพื่อปรนนิบัติข้าพเจ้าแทนท่าน ในระหว่างที่ข้าพเจ้าถูกคุมขังเพราะข่าวประเสริฐ แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการจะทำสิ่งใดลงไปนอกจากท่านจะเห็นชอบด้วย เพื่อว่าความดีของท่านจะไม่เป็นไปด้วยความฝืนใจ แต่เป็นไปด้วยความเต็มใจ อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาจากท่านไปชั่วระยะหนึ่ง เพื่อท่านจะได้เขากลับคืนมาตลอดไป เขาไม่ได้เป็นทาสอีกต่อไป แต่ดียิ่งกว่าทาส คือเป็นพี่น้องที่รัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้าพเจ้า และสำหรับท่านเขาเป็นมากยิ่งกว่านั้นอีก ทั้งในฐานะที่เขาเป็นอยู่ในสังคมและในฐานะที่เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นหากท่านถือว่าข้าพเจ้าเป็นเพื่อนร่วมงาน ก็จงรับเขาไว้เหมือนที่รับข้าพเจ้า ถ้าเขาทำผิดต่อท่านหรือเป็นหนี้อะไรไว้ จงคิดเอาจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้า เปาโลเขียนด้วยมือของข้าพเจ้าเองว่า ข้าพเจ้าจะชดใช้ให้ ข้าพเจ้าจะไม่พูดเรื่องที่ท่านเป็นหนี้ข้าพเจ้า แม้กระทั่งตัวของท่านเอง นี่แน่ะ น้องเอ๋ย ขอให้ข้าพเจ้าได้ประโยชน์จากท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด และให้ใจของข้าพเจ้าแช่มชื่นในพระคริสต์ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าท่านจะเชื่อฟังจึงได้เขียนจดหมายถึงท่าน เพราะรู้ว่าท่านจะทำยิ่งกว่าที่ข้าพเจ้าขอ นอกจากนั้น ขอท่านจัดเตรียมที่พักไว้ให้ข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าหวังว่าจะกลับไปหาท่านทั้งหลายอีกตามคำอธิษฐานของพวกท่าน -ฟีเลโมน 1:8-22
พระเจ้าทรงเรียกท่านเมื่อยังเป็นทาสอยู่หรือ? อย่าเป็นห่วงเลย แต่ถ้าท่านสามารถเป็นไทได้ ก็จงใช้สิทธิ์นั้น -1 โครินธ์ 7:21
“ถ้าชายใดขายบุตรหญิงเป็นทาส หญิงนั้นจะไม่ได้เป็นไทอย่างที่ทาสเป็น -อพยพ 21:7
ถ้าโคนั้นขวิดทาสชายหญิงของผู้ใด เจ้าของโคต้องให้เงินสามสิบเชเขลแก่นายของทาสนั้น แล้วต้องเอาหินขว้างโคนั้นให้ตายเสียด้วย -อพยพ 21:32
“ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและอยู่ใกล้ชิดเจ้าและขายตัวให้แก่เจ้า ห้ามใช้เขาทำงานเป็นทาส -เลวีนิติ 25:39
“ถ้าพี่น้องของท่านซึ่งเป็นคนฮีบรูไม่ว่าชายหรือหญิงถูกขายไว้กับท่าน จงให้ปรนนิบัติท่านหกปี เมื่อถึงปีที่เจ็ด ท่านจงปล่อยเขาเป็นอิสระพ้นจากท่านไป และเมื่อท่านปล่อยเขาเป็นอิสระไปจากท่าน ท่านอย่าปล่อยเขาไปมือเปล่า ท่านจงมีใจกว้างขวางจัดของให้เขา เป็นของจากฝูงแพะแกะของท่าน จากลานนวดข้าวของท่าน และจากบ่อย่ำองุ่นของท่าน ท่านจงให้เขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรแก่ท่าน ท่านจงจำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงไถ่ท่านไว้ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบัญชาเรื่องนี้แก่ท่านในวันนี้ แต่ถ้าทาสนั้นจะกล่าวกับท่านว่า ‘ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่าน’ เพราะเขารักท่านและครอบครัวของท่าน เพราะเขามีความสุขเมื่ออยู่กับท่าน จงเอาเหล็กแทงใบหูของเขาให้ทะลุไปติดกับประตู และเขาจะเป็นทาสของท่านตลอดไป ท่านจงทำเช่นนี้แก่ทาสหญิงด้วย เมื่อท่านปล่อยเขาให้เป็นอิสระนั้น ท่านอย่ารู้สึกหนักใจ เพราะเขาได้รับใช้ท่านมาหกปี ด้วยแรงงานสองเท่าของค่าแรงของลูกจ้าง และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่ท่าน ในทุกสิ่งที่ท่านได้ทำนั้น -เฉลยธรรมบัญญัติ 15:12-18
“ถ้ามีทาสหนีจากนายของเขามาอยู่กับท่าน ห้ามจับทาสนั้นไปส่งนายของเขา -เฉลยธรรมบัญญัติ 23:15
“ถ้าชายคนใดถูกจับได้ว่าลักลอบเอาพี่น้องคนอิสราเอลคนหนึ่งคนใดไปใช้เป็นทาสหรือขายเสีย ขโมยคนนั้นจะต้องตาย ดังนั้นท่านจะกำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน -เฉลยธรรมบัญญัติ 24:7
“พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ -ลูกา 4:18
พระเจ้าทรงซื้อพวกท่านด้วยราคาสูง อย่าเป็นทาสของมนุษย์เลย -1 โครินธ์ 7:23
เพื่อเสรีภาพนั้นเองพระคริสต์จึงได้ทรงให้เราเป็นไท เพราะฉะนั้น จงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกของการเป็นทาสอีกเลย -กาลาเทีย 5:1
ท่านทั้งหลายที่เป็นทาส จงเชื่อฟังนายฝ่ายโลกด้วยความเกรงกลัว ตัวสั่นและด้วยจริงใจ เหมือนที่ทำต่อพระคริสต์ ไม่เฉพาะแต่ขณะอยู่ในสายตาอย่างพวกประจบสอพลอ แต่เหมือนอย่างทาสของพระคริสต์ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความเต็มใจ จงรับใช้นายด้วยความกระตือรือร้น อย่างที่ทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์ เพราะพวกท่านรู้ว่าใครทำความดีอะไรไว้ ก็จะได้รับอย่างนั้นจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าทาสหรือไท ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นนายก็จงทำต่อทาสในทำนองเดียวกัน คืออย่าขู่เข็ญ เพราะท่านรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้านายของพวกเขาและของพวกท่านนั้นอยู่บนสวรรค์ และพระองค์ไม่ทรงเห็นแก่หน้าใครเลย -เอเฟซัส 6:5-9
ทาสทั้งหลายจงเชื่อฟังนายของตนในโลกนี้ ทุกอย่าง ไม่เฉพาะแต่เมื่ออยู่ในสายตาเหมือนอย่างพวกประจบสอพลอ แต่ทำด้วยจริงใจโดยความเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า -โคโลสี 3:22
นายทั้งหลายจงทำต่อทาสของตนอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน เพราะท่านทั้งหลายก็รู้ว่าท่านมีเจ้านายองค์หนึ่งในสวรรค์ด้วย -โคโลสี 4:1
พวกที่ล่วงประเวณี ชายรักร่วมเพศทั้งหลาย พวกโจรลักพาตัว พวกโกหก พยานเท็จทั้งหลาย และอะไรต่อมิอะไร ที่ขัดกับคำสอนที่ถูกต้อง -1 ทิโมธี 1:10
จงให้คนทั้งหลายที่อยู่ใต้แอกของความเป็นทาส ถือว่านายของตนนั้นเป็นผู้สมควรได้รับเกียรติทุกอย่าง เพื่อว่าพระนามของพระเจ้าและคำสอนจะไม่ถูกดูหมิ่น -1 ทิโมธี 6:1
จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า จงให้เกียรติทุกคน จงรักพวกพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ พวกท่านที่เป็นคนใช้ จงยอมอยู่ใต้บังคับนายของพวกท่านด้วยความยำเกรงทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะนายที่เป็นคนใจดีและเห็นอกเห็นใจเท่านั้น แต่ทั้งนายที่ร้ายด้วย -1 เปโตร 2:16-18
วัตถุประสงค์และความอันตรายของเงิน
“ห้ามโลภบ้านเรือนของเพื่อนบ้าน ห้ามโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือทาสทาสีของเขา หรือโค ลาของเขา หรือสิ่งใดๆ ซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน” -อพยพ 20:17
“และเมื่อเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผลในแผ่นดินของเจ้า ห้ามเกี่ยวไปถึงขอบไร่นาจนหมดเกลี้ยง และห้ามเก็บเมล็ดที่เกี่ยวตก จงทิ้งไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าว เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า” -เลวีนิติ 23:22
“ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและเลี้ยงตนเองท่ามกลางพวกเจ้าไม่ได้ เจ้าจะต้องเลี้ยงดูเขาให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างคนต่างด้าวและแขกเมือง อย่าเอาดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มอะไรจากเขา แต่จงยำเกรงพระเจ้า เพื่อว่าพี่น้องของเจ้าจะอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าได้ ห้ามให้เขายืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย หรือขายอาหารโดยเอากำไรจากเขา เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อยกแผ่นดินคานาอันให้แก่เจ้า และเพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า -เลวีนิติ 25:35-38
จงอ้าปากของเจ้า พิพากษาอย่างชอบธรรม จงให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนเข็ญใจ -สุภาษิต 31:9
เจ้าผู้เหยียบย่ำคนขัดสน เจ้าผู้ทำลายคนยากจนแห่งแผ่นดิน จงฟังถ้อยคำนี้ เจ้ากล่าวว่า ‘เมื่อไรหนอ วันขึ้นค่ำจะหมดไป? เราจะได้ขายข้าวของเรา เมื่อไรหนอ วันสะบาโตจะพ้นไป? เราจะได้เอาข้าวออกขาย เราจะได้โกงตาชั่งและโกงเงิน และปรับแต่งเครื่องชั่งให้ฉ้อโกง เพื่อเราจะซื้อคนจนด้วยเงิน และซื้อคนขัดสนด้วยรองเท้าคู่เดียว และขายกากข้าว’ ” พระยาห์เวห์ผู้ซึ่งยาโคบเทิดทูน ทรงปฏิญาณโดยพระองค์เองว่า “เราจะไม่มีวันลืมการกระทำทุกอย่างของเขาแน่นอน -อาโมส 8:4-7
“ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้ -มัทธิว 6:24
“แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่อมีผู้พบแล้วก็กลับซ่อนเสียอีก และเพราะความยินดีจึงไปขายทุกสิ่งที่เขามีอยู่แล้วไปซื้อนานั้น -มัทธิว 13:44
จงให้เกียรติบิดามารดาของตน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ” -มัทธิว 19:19
มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งยืนขึ้นทดสอบพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์?” พระองค์ตรัสตอบว่า “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร? ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?” เขาทูลตอบว่า “พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต ” แต่คนนั้นต้องการจะรักษาหน้า จึงทูลพระเยซูว่า “ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?” พระเยซูตรัสตอบว่า “มีชายคนหนึ่งลงจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น พวกโจรแย่งชิงเสื้อผ้าของเขา ทุบตีเขา แล้วทิ้งเขาไว้ในสภาพที่เกือบจะตายแล้ว เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินมาตามทางนั้น เมื่อเห็นคนนั้นแล้วก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง คนเลวีก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น เห็นแล้วก็มีใจสงสาร จึงเข้าไปหาเขา เอาเหล้าองุ่นกับน้ำมันเทใส่บาดแผลและเอาผ้ามาพันให้ แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเองพามาถึงโรงแรม และดูแลรักษาพยาบาลเขา วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘ช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้จะใช้ให้เมื่อกลับมา’ ท่านเห็นว่าในสามคนนั้นคนไหนถือได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกปล้น?” เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น” -ลูกา 10:25-37
เพราะว่าการรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ความโลภเงินทองนี้ที่ทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย -1 ทิโมธี 6:10
ท่าน จะได้กินผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของท่าน ท่านจะเป็นสุข และท่านจะเจริญ -สดุดี 128:2
คนเกียจคร้านเอ๋ย ไปหามดไป๊ พิเคราะห์ดูทางของมัน และจงมีปัญญา โดยปราศจากหัวหน้า เจ้าหน้าที่หรือผู้ปกครอง มันเตรียมอาหารของมันในฤดูแล้ง และสะสมเสบียงของมันในฤดูเกี่ยว คนเกียจคร้านเอ๋ย เจ้าจะนอนนานเท่าไร? เมื่อไรเจ้าจะลุกขึ้นจากหลับ? หลับนิด เคลิ้มหน่อย กอดมือพักนิดหน่อย แล้วความจนจะมาหาเจ้าอย่างคนจรจัด และความขัดสน อย่างคนถืออาวุธ -สุภาษิต 6:6-11
ความต้องการของคนเกียจคร้านก็มีอยู่ แต่จะไม่ได้อะไรเลย ส่วนความต้องการของคนขยันจะได้รับการตอบสนองอย่างจุใจ -สุภาษิต 13:4
มีกำไรอยู่ในงานที่เหนื่อยยากทุกอย่าง การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน -สุภาษิต 14:23
เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วซื้อไว้ ด้วยรายได้ของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และทำให้แขนของเธอแข็งแรง เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ -สุภาษิต 31:16-18
ดูเถิด ที่ข้าพเจ้าเห็นชอบและสมควรคือ ให้กินและดื่ม และชื่นชมบรรดาผลจากน้ำพักน้ำแรงของตน ที่ตนตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ ตลอดชั่วอายุไม่กี่วันของตนที่พระเจ้าประทานแก่ตนเพราะการนี้แหละเป็นส่วนแบ่งของตน อนึ่ง ทุกๆ คนที่พระเจ้าประทานความมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติให้ ก็ได้ทรงโปรดให้พวกเขาได้ใช้ของเหล่านั้น และให้ได้รับส่วนแบ่งของพวกเขา และเปรมปรีดิ์ในผลจากน้ำพักน้ำแรงของตนได้ นี่แหละเป็นของประทานจากพระเจ้า เขาจะได้ไม่ต้องนึกถึงปีเดือนแห่งชีวิตของตนมาก เพราะพระเจ้าให้ใจเขาสาละวนอยู่กับความชื่นใจ -ปัญญาจารย์ 5:18-20
มือของเจ้าจับงานอะไร ก็จงทำการนั้นด้วยเต็มกำลัง เพราะในแดนคนตายที่เจ้าจะไปนั้นไม่มีการงาน หรือความคิด หรือความรู้ หรือปัญญา -ปัญญาจารย์ 9:10
“เพราะว่าเหมือนอย่างชายคนหนึ่งที่กำลังจะออกเดินทาง เขาจึงเรียกบ่าวทั้งหลายของตนมา และฝากทรัพย์สิ่งของของตนกับพวกเขาไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็ไปทันที เอาเงินนั้นไปค้าขาย ได้กำไรอีกห้าตะลันต์ คนที่ได้รับสองตะลันต์ก็ได้กำไรอีกสองตะลันต์เหมือนกัน แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นออกไปขุดหลุมและซ่อนเงินของนายไว้ หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน นายของบ่าวทั้งหลายก็มาคิดบัญชีกับพวกเขา คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ท่านมอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า นี่แน่ะ ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์’ นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่ได้รับตะลันต์เดียวก็มาชี้แจงด้วยว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจตระหนี่ เกี่ยวผลในที่ที่ท่านไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูซิ นี่เงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ไอ้บ่าวชั่วและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเราเกี่ยวในที่ที่เราไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่เราไม่ได้โปรย เพราะฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากกับนายธนาคาร เมื่อเรามาก็จะได้รับเงินทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์ เพราะว่าใครที่มีอยู่แล้วจะให้แก่คนนั้นจนมีอย่างเหลือเฟือ แต่คนที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่มีอยู่ก็จะเอาไปจากเขา เอาไอ้บ่าวชั่วช้าไปทิ้งเสียยังที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ -มัทธิว 25:14-30
เมื่อถึงรุ่งเช้า พระเยซูทรงยืนอยู่ที่ฝั่ง แต่พวกสาวกไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “ลูกเอ๋ย ยังไม่ได้ปลาหรือ?” เขาตอบว่า “ยัง” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือ แล้วจะได้ปลามาบ้าง” เขาจึงทอดอวนลงและได้ปลาจำนวนมาก จนลากอวนขึ้นไม่ไหว -ยอห์น 21:4-6
ใครบ้างที่เป็นทหารด้วยค่าจ้างของตัวเอง? ใครบ้างที่ทำสวนองุ่นและไม่กินผลองุ่นในสวนนั้น? ใครบ้างที่เลี้ยงฝูงแกะและไม่กินน้ำนมของฝูงแกะนั้น? -1 โครินธ์ 9:7
คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีกต่อไป แต่จงใช้มือ [ของตน] ตรากตรำทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรแจกจ่ายให้คนที่มีความจำเป็น -เอเฟซัส 4:28
จงรับใช้นายด้วยความกระตือรือร้น อย่างที่ทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์ -เอเฟซัส 6:7
ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ ท่านทั้งหลายก็รู้ว่า ท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบำเหน็จ เพราะท่านกำลังรับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ -โคโลสี 3:23-24
และจงตั้งเป้าว่าจะอยู่อย่างสงบ และทำกิจธุระส่วนของตน และทำงานด้วยมือของตนเอง เหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว เพื่อพวกท่านจะได้เป็นที่นับถือของคนภายนอก และไม่ต้องรบกวนใคร เลย -1 เธสะโลนิกา 4:11-12
แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับอย่างนี้ว่า ถ้าใครไม่ยอมทำงาน ก็อย่าให้เขากิน -2 เธสะโลนิกา 3:10
ตัวอย่างธุรกิจแต่พระคัมภีร์
ค้าขาย- อับราฮัมก็ตกลงกับเอโฟรน แล้วอับราฮัมก็ชั่งเงินให้เอโฟรนตามจำนวนที่เขาบอกให้คนฮิตไทต์ได้ยิน คือเงินหนัก 4.8 กิโลกรัม ตามน้ำหนักที่พวกพ่อค้าใช้ -ปฐมกาล 23:16
มีหญิงคนหนึ่งในพวกที่ฟังเราชื่อลิเดีย นางมาจากเมืองธิยาทิรา เป็นคนขายผ้าสีม่วงและเป็นคนที่นับถือพระเจ้า หญิงคนนั้นมาฟังเรา และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดใจของนางให้สนใจถ้อยคำที่เปาโลกล่าว -กิจการ 16:14
ขายยา
จงผสมเครื่องหอมปรุงตามวิธีการของช่างปรุง เจือด้วยเกลือให้เป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ -อพยพ 30:35
นักเขียน
เอสราคนนี้ได้ขึ้นไปจากบาบิโลน ท่านเป็นธรรมาจารย์ชำนาญในเรื่องธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประทานให้ และกษัตริย์ประทานทุกอย่างที่ท่านทูลขอ เพราะว่าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่าน -เอสรา 7:6
มึงทำอาหาร
และซามูเอลพูดกับคนครัวว่า “จงนำส่วนที่ข้าพเจ้ามอบให้ ซึ่งข้าพเจ้าบอกเจ้าว่า ‘เก็บไว้ต่างหาก’ นั้นมา” คนครัวจึงนำส่วนขาและส่วนบนนั้นมาวางไว้ข้างหน้าซาอูล และซามูเอลพูดว่า “นี่แน่ะ ส่วนที่ได้เก็บไว้ก็วางอยู่ต่อหน้าท่าน จงรับประทานเถอะ เพราะว่าเก็บไว้ให้แก่ท่านจนถึงเวลาที่กำหนดไว้ เพราะข้าพเจ้าพูดว่า ข้าพเจ้าได้เชิญประชาชนมาแล้ว” ซาอูลจึงรับประทานกับซามูเอลในวันนั้น -1 ซามูเอล 9:23-24
ช่างไม้
ฮีรามกษัตริย์เมืองไทระทรงส่งพวกผู้สื่อสารมาหาดาวิด และส่งไม้สนสีดาร์ พวกช่างไม้ และพวกช่างสลักหินมาสร้างพระราชวังของดาวิด
2 ซามูเอล 5:11
คนนี้เป็นลูกช่างไม้ แม่ของเขาชื่อมารีย์ไม่ใช่หรือ? น้องชายของเขาชื่อยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาสไม่ใช่หรือ?
มัทธิว 13:55
คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกของมารีย์ไม่ใช่หรือ? ยากอบ โยเสส ยูดาส และซีโมนก็เป็นน้องชายของเขาไม่ใช่หรือ? และน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเราไม่ใช่หรือ?” พวกเขาจึงขัดเคืองใจในตัวพระองค์
มาระโก 6:3
ช่างตัดหิน
และให้แก่ช่างก่ออิฐถือปูน และช่างสกัดหิน ทั้งซื้อไม้และหินสกัดที่ใช้ในการซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดในงานซ่อมแซมพระนิเวศ -2 พงศ์กษัตริย์ 12:12
นักดนตรีนักเต้น
นักร้องนำหน้า นักดนตรีรั้งท้าย ตรงกลางมีสาวรุ่นเล่นรำมะนา -สดุดี 68:25
และจะไม่มีใครได้ยินเสียง นักดีดพิณ นักดนตรี นักเป่าขลุ่ยและนักเป่าแตรในตัวเจ้าอีกต่อไป และจะไม่มีใครพบเห็น ช่างแขนงใดๆ ในตัวเจ้าอีกต่อไป และจะไม่มีใครได้ยิน เสียงโม่แป้งในตัวเจ้าอีกต่อไป -วิวรณ์ 18:22
ชาวนา
คนที่ไถก็ได้ไถบนหลังข้าพเจ้า เขาทำรอยไถของเขาให้ยาว” -สดุดี 129:3
พราน
“พระยาห์เวห์ตรัสว่า นี่แน่ะ เราจะส่งชาวประมงมาเป็นจำนวนมาก และพวกเขาจะจับเขาทั้งหลาย ภายหลังเราจะให้เขาส่งพรานจำนวนมากมา พรานจะล่าเขาทั้งหลายตามภูเขาทุกแห่งและตามเนินเขาทุกลูกและตามซอกหิน -เยเรมีย์ 16:16
คนซักผ้า
แต่ใครจะทนอยู่ได้ในวันที่ท่านมา? และใครจะยืนมั่นอยู่ได้เมื่อท่านปรากฏตัว? “เพราะว่าท่านเป็นประดุจไฟถลุงแร่ และประดุจสบู่ของช่างซักฟอก -มาลาคี 3:2
นักปั้นหม้อ
“จงลุกขึ้น ไปที่บ้านของช่างหม้อ เราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น” -เยเรมีย์ 18:2
ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิเอาดินก้อนเดียวกัน มาปั้นเป็นภาชนะที่ใช้ในโอกาสพิเศษ อันหนึ่ง และทั่วๆ ไป อีกอันหนึ่งหรือ? -โรม 9:21
นักตกปลา
ขณะที่พระองค์ทรงดำเนินอยู่ตามชายทะเลกาลิลี ก็ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องชาวประมงสองคน คือซีโมนที่เรียกว่าเปโตร กับอันดรูว์น้องชายของเขา กำลังทอดแหอยู่ในทะเลสาบ -มัทธิว 4:18
ผู้เลี้ยงแกะ
ในแถบนั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะอยู่กลางทุ่งกำลังเฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน -ลูกา 2:8
เจ้าของโรงแรม
วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘ช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้จะใช้ให้เมื่อกลับมา’
ลูกา 10:35
ช่างเหล็ก
ถัดพวกเขาไปคือ อุสซีเอลบุตรฮารฮายาห์พวกช่างทองได้ซ่อมแซม ถัดเขาไปคือ ฮานันยาห์คนหนึ่งในพวกผู้ปรุงเครื่องหอมได้ซ่อมแซม พวกเขาบูรณะเยรูซาเล็มไกลไปจนถึงกำแพงกว้าง -เนหะมีย์ 3:8
เปโตรอาศัยอยู่ในเมืองยัฟฟาหลายวัน โดยพักอยู่กับซีโมนที่เป็นช่างฟอกหนัง -กิจการ 9:43
ช่างเย็บเต็นท์
(อาควิลลา ปริสสิลลา และเปาโล) ท่านอาศัยและทำงานอยู่กับเขาทั้งสอง เพราะว่าทั้งสองฝ่ายเป็นช่างทำเต็นท์ด้วยกัน -กิจการ 18:3
คุณครู
บรรดาสุภาษิตของซาโลมอน ผู้เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลและโอรสของดาวิด เพื่อให้รู้จักปัญญาและการสั่งสอน เพื่อให้เข้าใจถ้อยคำแห่งความรอบรู้ เพื่อรับการสั่งสอนให้ฉลาด ในเรื่องความชอบธรรม ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม เพื่อให้ความสุขุมแก่คนรู้น้อย ให้ความรู้และความเฉลียวฉลาดแก่คนหนุ่ม คนมีปัญญาจะได้ยินและเพิ่มพูนการเรียนรู้ และคนที่มีความเข้าใจจะได้การชี้แนะ เพื่อให้เข้าใจสุภาษิตและอุปมา ทั้งถ้อยคำของคนมีปัญญาและปริศนาของพวกเขา ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและการสั่งสอน -สุภาษิต 1:1-7
คุณหมอ
ลูกา แพทย์ที่รัก กับเดมาส ก็ฝากคำทักทายมายังพวกท่าน -โคโลสี 4:14
การทำงานเป็นลูกจ้างและ "การหาเสรีภาพ"
ในโลกยุคโบราณ การมีทาสเป็นเรื่องปกติ ซึ่งอาจจะฟังเป็นเรื่องแปลกในปัจจุบันนี้ เพราะเรามองว่ามันเป็นความชั่วร้ายและความรู้สึกนี้ก็ถูกต้อง แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจก็คือ ประเทศต่างๆทางฝั่งตะวันตกที่เป็นประเทศแรกๆในการยกเลิกการมีทาส เช่น ประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาก็มีรูปแบบการใช้ทาสที่ได้กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นในโลกสมัยก่อน
รัฐเฟอร์มอนต์ในสหรัฐอเมริกา รัฐแรกที่ได้ยกเลิกการมีทาสในปี 1777 และรัฐเพนเซลฟาเนียได้ยกเลิกการมีทาสในปี 1780 รัฐทางเหนือของสหรัฐอเมริกา ได้ยกเลิกการเป็นทาสทั้งหมดภายในปี 1804 และทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการค้าทาสระหว่างประเทศในปี 1807 (ซึ่งหมายความว่ารัฐทางใต้ไม่สามารถซื้อทาสใหม่จากแอฟริกาได้อีกต่อไป) ราชอาณาจักรอังกฤษได้เลิกการมีทาสทั่วทั้งอาณาจักรภายในปี 1833 และสหรัฐอเมริกา เพิ่มการแก้ไขข้อบังคับในรัฐธรรมนูญ ทำให้การมีทาสกฎหมายอย่างถาวรทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ในปี 1865 ดังนั้นสหรัฐอเมริกาและ ประเทศอังกฤษจึงเป็นประเทศแรกที่เลิกการมีและขายทาส ซาอุดีอาระเบียยกเลิกการมีทาสในปี 1960 และมอริตานี (เป็นประเทศอาหรับประเทศหนึ่ง) ยกเลิกการมีทาสในปี 1981
ในสมัยก่อนยุโรปและอเมริกาจะซื้อทาสจากพ่อค้าชาวอาหรับในแอฟริกาซึ่งมักถูกขายโดยผู้ใหญ่บ้านของตนเอง และจะบรรจุพวกทาสไว้ในเรืออย่างแน่นหนาและพาพวกเขาไปทางตะวันตกเพื่อขายในราคาถูก
น่าจะเป็นไปประมาณนี้เพราะว่าทาสชาวตะวันตกมีราคาสูงกว่า อย่างไรก็ตามจะมีให้เห็นทาสผิวขาวในยุโรปและอเมริกาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติ ดังนั้นนี่จึงหมายความว่าการมีทาสได้เติบโตขึ้นไปเป็นสิ่งที่เหยียดเชื้อชาติอื่นโดยที่ทาสเกือบทั้งหมดเป็นคนผิวดำ และมีชายอิสระเพียงไม่กี่คนที่เป็นคนผิวดำ
การมีทาสในประเทศไทยในสมัยก่อนมีความคล้ายคลึงกัน แต่อาจมีความชั่วร้ายน้อยกว่าเล็กน้อย เนื่องจากทาสในประเทศไทยมีแนวโน้มว่าจะมาจากพม่า และทาสในพม่ามีแนวโน้มว่าจะมาจากประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังเป็นการเหยียดชาติอื่น
ทาสในโลกยุคโบราณน่าจะเป็นคนจากทุกเชื้อชาติ และพวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม พวกเขาสามารถและมักจะจ่ายเงินเพื่อไถ่ตัวเองให้เป็นอิสระ เป็นเรื่องปกติที่เขาจะทำธุรกิจแยกเวลาว่างเพื่อหาเงินไถ่ตัวเอง
ทาสหลายคนกลายเป็นทาสเพราะหนี้ ดังนั้นในความเป็นจริง การเป็นทาสที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์พูดง่ายๆคือการจ้างงานซึ่งสัญญาผูกพันมากกว่าที่เรามีปัจจุบันนี้ และแทนที่จะจ่ายด้วยเงินสด พวกเขาจ่ายด้วยที่พักและอาหาร โลกส่วนใหญ่ในปัจจุบันแทบจะไม่สามารถจ่ายค่าอาหารและค่าเช่ากับเงินเดือนที่ได้มาของเราซึ่งทำให้สิ่งนี้เปรียบเทียบได้อย่างแท้จริง
อาจารย์เปาโลสนับสนุนให้ผู้เชื่อไถ่ตัวเองให้อิสระจากการเป็นทาสหากทำได้ นอกจากนี้เขายังสั่งผู้เชื่อให้ยอมเชื่อฟังเจ้านายของพวกเขาในทุกสิ่ง พระคัมภีร์ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติกับเจ้านายที่ไม่เชื่อพระเจ้าด้วย
ตัวอย่างที่พระเยซู สาวก และเปาโลวางไว้คือการทำงานด้วยมือของคุณเอง ทำธุรกิจส่วนตัว เพื่อที่คุณจะได้อิสระในการทำพันธกิจ
ด้วยเหตุผลนี้ ผมจึงเชื่อว่าการเอาแนวคิด "ไถ่ตัวเองให้เป็นอิสระหากทำได้" เป็นการลาออกจากงานเป็นลูกจ้างและเริ่มต้นการทำธุรกิจส่วนตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้านายของคุณไม่เชื่อพระเจ้า สิ่งนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่แน่นอน แต่ผมเชื่อว่านี่เป็นคำแนะนำที่ดีและเป็นสิ่งที่ควรนำไปอธิษฐานกับพระเจ้า
เปาโลส่งโอเนซิมัสกลับไปหาฟีเลโมน เป็นไปได้ว่าเขาเป็นทาสที่หนีไป และเปาโลส่งเขากลับไปโดยบอกว่าเขาอาจจะถูกมองว่าเป็นพี่น้องไม่ใช่ทาส
เพราะเหตุนี้ แม้โดยพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้ามีใจกล้าพอจะสั่งให้ท่านทำในสิ่งที่ควรทำ แต่โดยความรัก ข้าพเจ้าจะขอร้องท่านดีกว่า ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นทูตของพระเยซูคริสต์ และขณะนี้ถูกคุมขังเนื่องจากการประกาศพระองค์ ข้าพเจ้าขอร้องท่านเรื่องโอเนสิมัส ลูกของข้าพเจ้า ผู้ซึ่งได้มาเป็นบุตรระหว่างที่ข้าพเจ้าถูกคุมขังอยู่ (เมื่อก่อนนั้นเขาไม่เป็นประโยชน์ต่อท่าน แต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นประโยชน์ทั้งต่อท่านและข้าพเจ้า) ข้าพเจ้าส่งเขาผู้ซึ่งเป็นดังดวงใจของข้าพเจ้ามายังท่าน ข้าพเจ้าอยากจะหน่วงเหนี่ยวตัวเขาไว้เพื่อปรนนิบัติข้าพเจ้าแทนท่าน ในระหว่างที่ข้าพเจ้าถูกคุมขังเพราะข่าวประเสริฐ แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการจะทำสิ่งใดลงไปนอกจากท่านจะเห็นชอบด้วย เพื่อว่าความดีของท่านจะไม่เป็นไปด้วยความฝืนใจ แต่เป็นไปด้วยความเต็มใจ อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาจากท่านไปชั่วระยะหนึ่ง เพื่อท่านจะได้เขากลับคืนมาตลอดไป เขาไม่ได้เป็นทาสอีกต่อไป แต่ดียิ่งกว่าทาส คือเป็นพี่น้องที่รัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้าพเจ้า และสำหรับท่านเขาเป็นมากยิ่งกว่านั้นอีก ทั้งในฐานะที่เขาเป็นอยู่ในสังคมและในฐานะที่เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นหากท่านถือว่าข้าพเจ้าเป็นเพื่อนร่วมงาน ก็จงรับเขาไว้เหมือนที่รับข้าพเจ้า ถ้าเขาทำผิดต่อท่านหรือเป็นหนี้อะไรไว้ จงคิดเอาจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้า เปาโลเขียนด้วยมือของข้าพเจ้าเองว่า ข้าพเจ้าจะชดใช้ให้ ข้าพเจ้าจะไม่พูดเรื่องที่ท่านเป็นหนี้ข้าพเจ้า แม้กระทั่งตัวของท่านเอง นี่แน่ะ น้องเอ๋ย ขอให้ข้าพเจ้าได้ประโยชน์จากท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด และให้ใจของข้าพเจ้าแช่มชื่นในพระคริสต์ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าท่านจะเชื่อฟังจึงได้เขียนจดหมายถึงท่าน เพราะรู้ว่าท่านจะทำยิ่งกว่าที่ข้าพเจ้าขอ นอกจากนั้น ขอท่านจัดเตรียมที่พักไว้ให้ข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าหวังว่าจะกลับไปหาท่านทั้งหลายอีกตามคำอธิษฐานของพวกท่าน -ฟีเลโมน 1:8-22
พระเจ้าทรงเรียกท่านเมื่อยังเป็นทาสอยู่หรือ? อย่าเป็นห่วงเลย แต่ถ้าท่านสามารถเป็นไทได้ ก็จงใช้สิทธิ์นั้น -1 โครินธ์ 7:21
“ถ้าชายใดขายบุตรหญิงเป็นทาส หญิงนั้นจะไม่ได้เป็นไทอย่างที่ทาสเป็น -อพยพ 21:7
ถ้าโคนั้นขวิดทาสชายหญิงของผู้ใด เจ้าของโคต้องให้เงินสามสิบเชเขลแก่นายของทาสนั้น แล้วต้องเอาหินขว้างโคนั้นให้ตายเสียด้วย -อพยพ 21:32
“ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและอยู่ใกล้ชิดเจ้าและขายตัวให้แก่เจ้า ห้ามใช้เขาทำงานเป็นทาส -เลวีนิติ 25:39
“ถ้าพี่น้องของท่านซึ่งเป็นคนฮีบรูไม่ว่าชายหรือหญิงถูกขายไว้กับท่าน จงให้ปรนนิบัติท่านหกปี เมื่อถึงปีที่เจ็ด ท่านจงปล่อยเขาเป็นอิสระพ้นจากท่านไป และเมื่อท่านปล่อยเขาเป็นอิสระไปจากท่าน ท่านอย่าปล่อยเขาไปมือเปล่า ท่านจงมีใจกว้างขวางจัดของให้เขา เป็นของจากฝูงแพะแกะของท่าน จากลานนวดข้าวของท่าน และจากบ่อย่ำองุ่นของท่าน ท่านจงให้เขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรแก่ท่าน ท่านจงจำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงไถ่ท่านไว้ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบัญชาเรื่องนี้แก่ท่านในวันนี้ แต่ถ้าทาสนั้นจะกล่าวกับท่านว่า ‘ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่าน’ เพราะเขารักท่านและครอบครัวของท่าน เพราะเขามีความสุขเมื่ออยู่กับท่าน จงเอาเหล็กแทงใบหูของเขาให้ทะลุไปติดกับประตู และเขาจะเป็นทาสของท่านตลอดไป ท่านจงทำเช่นนี้แก่ทาสหญิงด้วย เมื่อท่านปล่อยเขาให้เป็นอิสระนั้น ท่านอย่ารู้สึกหนักใจ เพราะเขาได้รับใช้ท่านมาหกปี ด้วยแรงงานสองเท่าของค่าแรงของลูกจ้าง และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่ท่าน ในทุกสิ่งที่ท่านได้ทำนั้น -เฉลยธรรมบัญญัติ 15:12-18
“ถ้ามีทาสหนีจากนายของเขามาอยู่กับท่าน ห้ามจับทาสนั้นไปส่งนายของเขา -เฉลยธรรมบัญญัติ 23:15
“ถ้าชายคนใดถูกจับได้ว่าลักลอบเอาพี่น้องคนอิสราเอลคนหนึ่งคนใดไปใช้เป็นทาสหรือขายเสีย ขโมยคนนั้นจะต้องตาย ดังนั้นท่านจะกำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน -เฉลยธรรมบัญญัติ 24:7
“พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ เพื่อนำข่าวดีมายังคนยากจน พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่พวกเชลย ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ปล่อยผู้ถูกบีบบังคับให้เป็นอิสระ -ลูกา 4:18
พระเจ้าทรงซื้อพวกท่านด้วยราคาสูง อย่าเป็นทาสของมนุษย์เลย -1 โครินธ์ 7:23
เพื่อเสรีภาพนั้นเองพระคริสต์จึงได้ทรงให้เราเป็นไท เพราะฉะนั้น จงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกของการเป็นทาสอีกเลย -กาลาเทีย 5:1
ท่านทั้งหลายที่เป็นทาส จงเชื่อฟังนายฝ่ายโลกด้วยความเกรงกลัว ตัวสั่นและด้วยจริงใจ เหมือนที่ทำต่อพระคริสต์ ไม่เฉพาะแต่ขณะอยู่ในสายตาอย่างพวกประจบสอพลอ แต่เหมือนอย่างทาสของพระคริสต์ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความเต็มใจ จงรับใช้นายด้วยความกระตือรือร้น อย่างที่ทำต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อมนุษย์ เพราะพวกท่านรู้ว่าใครทำความดีอะไรไว้ ก็จะได้รับอย่างนั้นจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าทาสหรือไท ส่วนท่านทั้งหลายที่เป็นนายก็จงทำต่อทาสในทำนองเดียวกัน คืออย่าขู่เข็ญ เพราะท่านรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้านายของพวกเขาและของพวกท่านนั้นอยู่บนสวรรค์ และพระองค์ไม่ทรงเห็นแก่หน้าใครเลย -เอเฟซัส 6:5-9
ทาสทั้งหลายจงเชื่อฟังนายของตนในโลกนี้ ทุกอย่าง ไม่เฉพาะแต่เมื่ออยู่ในสายตาเหมือนอย่างพวกประจบสอพลอ แต่ทำด้วยจริงใจโดยความเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า -โคโลสี 3:22
นายทั้งหลายจงทำต่อทาสของตนอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน เพราะท่านทั้งหลายก็รู้ว่าท่านมีเจ้านายองค์หนึ่งในสวรรค์ด้วย -โคโลสี 4:1
พวกที่ล่วงประเวณี ชายรักร่วมเพศทั้งหลาย พวกโจรลักพาตัว พวกโกหก พยานเท็จทั้งหลาย และอะไรต่อมิอะไร ที่ขัดกับคำสอนที่ถูกต้อง -1 ทิโมธี 1:10
จงให้คนทั้งหลายที่อยู่ใต้แอกของความเป็นทาส ถือว่านายของตนนั้นเป็นผู้สมควรได้รับเกียรติทุกอย่าง เพื่อว่าพระนามของพระเจ้าและคำสอนจะไม่ถูกดูหมิ่น -1 ทิโมธี 6:1
จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า จงให้เกียรติทุกคน จงรักพวกพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ พวกท่านที่เป็นคนใช้ จงยอมอยู่ใต้บังคับนายของพวกท่านด้วยความยำเกรงทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะนายที่เป็นคนใจดีและเห็นอกเห็นใจเท่านั้น แต่ทั้งนายที่ร้ายด้วย -1 เปโตร 2:16-18
วัตถุประสงค์และความอันตรายของเงิน
“ห้ามโลภบ้านเรือนของเพื่อนบ้าน ห้ามโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือทาสทาสีของเขา หรือโค ลาของเขา หรือสิ่งใดๆ ซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน” -อพยพ 20:17
“และเมื่อเจ้าเก็บเกี่ยวพืชผลในแผ่นดินของเจ้า ห้ามเกี่ยวไปถึงขอบไร่นาจนหมดเกลี้ยง และห้ามเก็บเมล็ดที่เกี่ยวตก จงทิ้งไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าว เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า” -เลวีนิติ 23:22
“ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและเลี้ยงตนเองท่ามกลางพวกเจ้าไม่ได้ เจ้าจะต้องเลี้ยงดูเขาให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างคนต่างด้าวและแขกเมือง อย่าเอาดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มอะไรจากเขา แต่จงยำเกรงพระเจ้า เพื่อว่าพี่น้องของเจ้าจะอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าได้ ห้ามให้เขายืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย หรือขายอาหารโดยเอากำไรจากเขา เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อยกแผ่นดินคานาอันให้แก่เจ้า และเพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า -เลวีนิติ 25:35-38
จงอ้าปากของเจ้า พิพากษาอย่างชอบธรรม จงให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนเข็ญใจ -สุภาษิต 31:9
เจ้าผู้เหยียบย่ำคนขัดสน เจ้าผู้ทำลายคนยากจนแห่งแผ่นดิน จงฟังถ้อยคำนี้ เจ้ากล่าวว่า ‘เมื่อไรหนอ วันขึ้นค่ำจะหมดไป? เราจะได้ขายข้าวของเรา เมื่อไรหนอ วันสะบาโตจะพ้นไป? เราจะได้เอาข้าวออกขาย เราจะได้โกงตาชั่งและโกงเงิน และปรับแต่งเครื่องชั่งให้ฉ้อโกง เพื่อเราจะซื้อคนจนด้วยเงิน และซื้อคนขัดสนด้วยรองเท้าคู่เดียว และขายกากข้าว’ ” พระยาห์เวห์ผู้ซึ่งยาโคบเทิดทูน ทรงปฏิญาณโดยพระองค์เองว่า “เราจะไม่มีวันลืมการกระทำทุกอย่างของเขาแน่นอน -อาโมส 8:4-7
“ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้ -มัทธิว 6:24
“แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่อมีผู้พบแล้วก็กลับซ่อนเสียอีก และเพราะความยินดีจึงไปขายทุกสิ่งที่เขามีอยู่แล้วไปซื้อนานั้น -มัทธิว 13:44
จงให้เกียรติบิดามารดาของตน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ” -มัทธิว 19:19
มีผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งยืนขึ้นทดสอบพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์?” พระองค์ตรัสตอบว่า “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร? ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?” เขาทูลตอบว่า “พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต ” แต่คนนั้นต้องการจะรักษาหน้า จึงทูลพระเยซูว่า “ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?” พระเยซูตรัสตอบว่า “มีชายคนหนึ่งลงจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น พวกโจรแย่งชิงเสื้อผ้าของเขา ทุบตีเขา แล้วทิ้งเขาไว้ในสภาพที่เกือบจะตายแล้ว เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินมาตามทางนั้น เมื่อเห็นคนนั้นแล้วก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง คนเลวีก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น เห็นแล้วก็มีใจสงสาร จึงเข้าไปหาเขา เอาเหล้าองุ่นกับน้ำมันเทใส่บาดแผลและเอาผ้ามาพันให้ แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเองพามาถึงโรงแรม และดูแลรักษาพยาบาลเขา วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม บอกว่า ‘ช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้จะใช้ให้เมื่อกลับมา’ ท่านเห็นว่าในสามคนนั้นคนไหนถือได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกปล้น?” เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น” -ลูกา 10:25-37
เพราะว่าการรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ความโลภเงินทองนี้ที่ทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย -1 ทิโมธี 6:10